Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
พฤษภาคม 2568
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
23 พฤษภาคม 2568

ดูตึก : ทัสนา/สถาปัตยกัม (1)



พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท (John Clunis)



ในสมัยที่เรายังไปงานวิ่ง ก็จะมีงานหนึ่งที่ไปบ่อย คือ วิ่งสร้างเมือง
ของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
8 ก.ค. 2566 มีการจัดงานของคณะฯ เนื่องในวาระครบรอบ 90 ปี
ในชื่อว่า 
ทัสนา/สถาปัตยกัม นอกจากการจัดนิทรรศการ
ยังมีกิจกรรมพาเดินดูตึกเก่าๆ รอบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ที่สร้างขึ้นในช่วงการก่อตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 จนถึงสมัยคณะราษฎร
แต่เราจะขยายขอบเขตของเวลา กลับไปในประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรม
จากอาคารแบบตะวันตกหลังแรกในสยาม ที่ภูกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2419
จนถึง พ.ศ. 2484 ซึ่งมีชื่อเฉพาะว่า ศิลปะแบบคณะราษฎร


ยุคที่หนึ่ง การก่อสร้างอาคารแบบตะวันตก คงต้องย้อนกลับไป
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ที่มีการก่อสร้างหมู่พระที่นั่งอภิเนาว์นิเวศ
ขึ้นที่บริเวณสวนขวา แต่ว่าเป็นการสร้างโดยช่างชาวจีน
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 หมู่พระที่นั่งนี้ได้ถูกรื้อลง
 
เมื่อพระองค์เสด็จประพาสชวา ในช่วงปี พ.ศ. 2413-2414
หลังกลับมาทรงก่อตั้งหอคองคอเดียเพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์หลวง 
แต่สิ่งที่ยังคงหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน คือท้องสนามหลวง
ถูกออกแบบพื้นที่เป็นลานวงรี มีการปลูกต้นมะขามประดับไว้โดยรอบ

 



ศุลกสถาน (Joachim Grassi) 

การเสด็จพระราชดำเนินได้ทรงแวะพักที่จวนผู้สำเร็จราชการอังกฤษที่สิงคโปร์
ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ John Clunis (จอร์น คูนิส)
ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2410- 2412 ทำให้พระองค์ได้เห็นอาคารตะวันตก
แบบแท้ๆ สองปีต่อมาคูนิส ถูกเชิญมาเป็นอาคีเต็กหลวงคนแรกของสยาม
 
แปลนการออกแบบพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทนั้น
จะเหมือนกับจวนผู้สำเร็จราชการอังกฤษที่สิงคโปร์
ซึ่งปัจจุบันคืออาคาร Singapore Government House
 แต่มีตำนานเล่าว่า สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์  
ได้กราบบังคมทูลทักท้วงว่า การประทับในตึกฝรั่งเป็นการลบล้างราชประเพณี
 
ดังนั้นพระที่นั่งองค์นี้ จึงยังคงแบบอาคารเหมือนที่สิงคโปร์
แต่ยอดหลังคาที่เป็น mansard นั้นถูกดัดแปลงเป็นยอดปราสาท
แบบอาคารไทยประเพณี หนังสือพิมพ์ THE SIAM REPOSITORY
ของ Samuel J. Smith ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า
 

เดิมการติดต่อราชการกับสยามนั้นยุ่งยาก เพราะเจ้ากระทรวงนั้นทำงาน
โดยการใช้บ้านของตนเองเป็นสำนักงาน แต่ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อในหลวง
มีพระราชปรารถในการสร้างภาพลักษณ์แบบสากล ในการนี้ได้จ้างช่างฝรั่ง
เข้ามาก่อสร้างสถานที่ราชการ อาจจะใช้เป็นว่าการต่างประเทศหรือกลาโหม

 



 ไปรสนียาคาร (จำลอง) Stefano Cardu
 

การก่อสร้างในช่วงเวลานั้นต้องใช้สถาปนิกชาวต่างชาติ
เพราะสยามไม่มีองค์ความรู้ในการสร้างอาคารแบบตะวันตก
การสร้างอาคารแบบไทย ใช้การกะส่วนเป็นหลัก
ไม่มีแบบมาตรฐานการก่อสร้าง ใช้ความรู้แบบสืบทอดต่อๆ กันมา
 
คูนิสยังรับงานสร้างอาคารในพระบรมมหาราชวัง
ที่ต่อจากพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทหลายหลัง 
นอกจากนี้ยังมีนายช่างฝรั่งเดินทางเข้ามาเปิดบริษัท
เพื่อรับก่อสร้างอาคารแบบตะวันตกในสยามอีกหลายคน
 
เช่น Joachim Grassi (โยอาคิม กราซี) ชาวอิตาเลียน–ออสเตรีย
เข้ามาสยามในปี พ.ศ. 2413 ซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างอาคารสำคัญ เช่น
พระราชวังบางปะอิน วัดนิเวศธรรมประวัติ วังบูรพา วังวินเซอร์
โรงพยาบาลศิริราช โรงทหารหน้า ป้อมพระจุลฯ โบสถ์เซนต์โยเซฟ
(อยุธยา) หอระฆังวัดคอนเซ็ปชัญ โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก เป็นต้น
 
และ Stefano Cardu (สเตฟาโน การ์ดู) ชาวอิตาเลียน
เดินทางเข้ามาในสยามในปี พ.ศ. 2420 เป็นผู้ก่อสร้างอาคารสำคัญ เช่น
อาคารไปรสนียาคาร พระราชวังสราญรมย์ โครงการศาลสถิตยุติธรรม
อาคารโรงเรียนทหารสราญรมย์ เป็นต้น

 


พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้า (Charles Beguelin)
 

ยุคที่สอง เนื่องจากการก่อสร้างอาคารแบบตะวันตกในช่วงเวลานั้น
พึ่งพาชาวต่างชาติมากเกินไป แม้ในด้านราคาการก่อสร้างนั้น
สามารถแก้ปัญหาโดยการเปิดซองประมูลเพื่อให้เกิดการแข่งขัน
แต่ปัญหาที่สำคัญคือ การก่อสร้างที่ล่าช้าไม่เป็นไปตามกำหนด

พ.ศ. 2432 รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดฯ ให้ตั้งกรมโยธาธิการ
โดยมีสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศนรานุวัติวงศ์ เป็นเสนาบดีพระองค์แรก
เพื่อดึงงานก่อสร้างของทางราชการเข้ามาอยู่ในการดูแล
และให้สถาปนิกชาวฝรั่งมาเป็นข้าราชการสยามแทน
 
พ.ศ. 2435 ทรงโปรดฯ ให้ยกฐานะขึ้นเป็นกระทรวงโยธาธิการ
เพราะมีการก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ในการพัฒนาประเทศ
เช่น การสร้างถนน ทางรถไฟ การโทรเลข เป็นต้น

พ.ศ. 2440 ทรงโปรดฯ ให้ตั้งกรมสุขาภิบาล เพื่อปรับปรุงด้านสุขอนามัย
พ.ศ. 2441 โอนกรมโยธาธิการ มารวมกับกรมสุขาภิบาล 
โดยมี Charles Beguelin (ซันเตรศกี้) ชาวสวิตเซอร์แลนด์
เป็นอาคีเต็กใหญ่ ในการออกแบบโครงสร้างสาธารนูปโภค 

แต่ก็ยังมีโอกาสได้ออกแบบอาคารบ้างได้แก่ ตึกโรงพยาบาลกลาง
และที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน คือ วังวิทยุ และอาคารยอน แซมสัน
ซึ่งต่อมาเป็นที่ทำการกรมโยธาธิการ และเป็นพิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าในที่สุด
 

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรก
เริ่มต้นจากเป็นโรงเรียนสำหรับฝึกหัดข้าราชการพลเรือน
ที่ตึกยาวข้างประตูพิมานชัยศรี ในพระบรมมหาราชวัง ในปี พ.ศ. 2442
พ.ศ. 2445 โรงเรียนสำหรับฝึกหัดข้าราชการพลเรือน ได้เปลี่ยนชื่อเป็น
โรงเรียนมหาดเล็ก แต่ยังคงตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวัง เช่นเดิม



Create Date : 23 พฤษภาคม 2568
Last Update : 17 มิถุนายน 2568 12:38:58 น. 4 comments
Counter : 570 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtuk-tuk@korat, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณปัญญา Dh, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณ**mp5**, คุณดอยสะเก็ด, คุณอุ้มสี, คุณnewyorknurse


 
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ

---

จากบล็อกขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 23 พฤษภาคม 2568 เวลา:15:36:41 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 24 พฤษภาคม 2568 เวลา:14:34:15 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 26 พฤษภาคม 2568 เวลา:3:29:13 น.  

 
แวะมาเยี่ยม นะคะ


โดย: Chow Tu Tu วันที่: 26 พฤษภาคม 2568 เวลา:10:13:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]