องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน้าที่ความรับผิดชอบ ของข้าราชการท้องถิ่น
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นหน่วยงานภาครัฐที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด เพราะเป็นองค์กรที่กระจายอำนาจการปกครองจากส่วนกลางไปให้ ประชาชนในท้องถิ่นดำเนินการเองภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงวิธีการปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย รวมถึงข้าราชการส่วนท้องถิ่นซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคคลอยู่ในท้องถิ่น ที่สามารสอบบรรจุเข้ารับราชการตามขั้นตอน ผ่าน ก.พ.กับท้องถิ่น หรือสอบภาค ข.และภาค ค.ตามประกาศรับสมัคร แล้วเปิดสอบ ก.พ.พิเศษ เพื่อสอบภาค ก.ภายหลัง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หมายถึงการปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นการปกครองที่ยึดหลักการกระจายอำนาจเพื่อประโยชน์ของรัฐและท้องถิ่น เน้นผลประโยชน์ของท้องถิ่นโดยตรง ให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มีโอกาสเรียนรู้และดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ดังนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จึงหมายถึง หน่วยงานของราชการที่รัฐกระจายอำนาจลงมาสู่ระดับท้องถิ่น การดำเนินงานเป็นอิสระจากส่วนกลาง เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการกิจการต่าง ๆ ในท้องถิ่นของตน โครงสร้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2534 มาตรา 70 ได้แบ่งการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ - องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จัดตั้งขึ้นทุกจังหวัดเพื่อทำกิจการส่วนจังหวัดที่ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่การบริหารราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
- เทศบาล เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จัดตั้งขึ้นตามหลักเกณฑ์การพิจารณาจัดตั้งเทศบาล แบ่งเป็น
- เทศบาลตำบล หลักเกณฑ์การเป็นเทศบาลตำบล จะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 12 ล้านบาท (ไม่รวมเงินอุดหนุน) มีประชากรตั้งแต่ 7,000 คนขึ้นไป และอยู่กันหนาแน่นไม่ต่ำกว่า 1,500 คน ต่อตารางกิโลเมตร
- เทศบาลเมือง ได้แก่ ท้องถิ่นอันเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัด หรือท้องถิ่นชุมนุมชนที่มีประชากรตั้งแต่ 10,000 คนขึ้นไป และมีรายได้พอควรแก่การที่จะปฏิบัติหน้าที่ซึ่งกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติเทศบาล
- เทศบาลนคร ได้แก่ ท้องถิ่นชุมนุมชนที่มีประชากรตั้งแต่ 50,000 คนขึ้นไป และมีรายได้พอควรแก่การที่จะปฏิบัติหน้าที่ซึ่งกำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยเทศบาล
- การปกครองรูปแบบพิเศษ ได้แก่ กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา
- องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีขนาดเล็กที่สุดและอยู่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด จุดมุ่งหมายของการจัดตั้ง อบต. คือ การกระจายอำนาจไปสู่ประชาชนให้ได้มากที่สุด และสามารถพัฒนา อบต. ไปสู่การปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบเทศบาล
ข้าราชการส่วนท้องถิ่น หมายถึงข้าราชการส่วนท้องถิ่น หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น หมายถึง ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล และเมืองพัทยา รวมทั้งข้าราชการหรือพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง ซึ่งได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ปฏิบัติราชการโดยได้รับเงินเดือนจากงบประมาณหมวดเงินเดือนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือจากเงินงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนของรัฐบาลที่ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน้าที่ความรับผิดชอบ ของข้าราชการท้องถิ่นข้าราชการท้องถิ่นที่ปฏิบัติงานอยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 4 ประเภท ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล และการปกครองรูปแบบพิเศษ ได้แก่ กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา จะมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการตามนโยบายและแผนงานตามที่นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้กำหนด หน้าที่ความรับผิดชอบ ของข้าราชการท้องถิ่นแต่ละตำแหน่งจะระบุเอาไว้ในประกาศรับสมัครของหน่วยงานหรือองค์กรท้องถิ่นว่ามาตรฐานของตำแหน่งนั้นจะต้องใช้ความรู้ความสามารถในการบริหารงาน การดำเนินการ การกำกับ แนะนำ ตรวจสอบ และการปฏิบัติงานอย่างไร เมื่อสอบผ่านตามขั้นตอนของก.พ.กับท้องถิ่น หรือสอบภาค ข.ภาค ค.และ ก.พ.พิเศษ ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการท้องถิ่นแล้วจะมีการกำหนดลักษณะงานและความรับผิดชอบที่ต้องปฏิบัติออกเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้ - ด้านบริหารงาน
- ด้านบริหารทรัพยากรบุคคล
- ด้านบริหารทรัพยากรและงบประมาณ
- ด้านการวางแผน
- ด้านการปฏิบัติการ
- ด้านการประสานงาน
- ด้านการบริการ
- และอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
โครงสร้างตำแหน่งของข้าราชการท้องถิ่นสำหรับการกำหนดตำแหน่งของข้าราชการท้องถิ่น โครงสร้างระดับชั้นสามารถจำแนกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้ - ประเภทบริหารจัดการท้องถิ่น ผู้ที่ทำหน้าที่ด้านบริหารได้แก่ ตำแหน่ง ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและรองปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โครงสร้างการบริหารแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง
- ประเภทอำนวยการท้องถิ่น ได้แก่ ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยงาน แยกเป็นระดับฝ่าย ระดับส่วน ระดับกอง ระดับสำนักในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โครงสร้างตำแหน่งแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง
- ประเภทวิชาการ ได้แก่ ตำแหน่งที่จำเป็นต้องใช้ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญา ตามมาตรฐานทั่วไปที่คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นกำหนด เพื่อปฏิบัติงานในหน้าที่ของตำแหน่งนั้น โดยสอบผ่านภาค ก มาก่อนแล้วสอบภาค ข และภาค จากท้องถิ่น หรือสอบ ภาค ข และภาค ค.ก่อนสอบ ก.พ.พิเศษ ที่เปิดสอบโดย ก.พ.กับท้องถิ่น โครงสร้างตำแหน่งแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่
- ระดับปฏิบัติการ
- ระดับชำนาญการ
- ระดับชำนาญการพิเศษ
- ระดับเชี่ยวชาญ.
- ประเภททั่วไป ได้แก่ ตำแหน่งที่ไม่ใช่ตำแหน่งประเภทบริหาร อำนวยการ หรือประเภทวิชาการ แต่เป็นตำแหน่งการปฏิบัติงานตามมาตรฐานทั่วไปที่คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นกำหนด เพื่อปฏิบัติงานในหน้าที่ของตำแหน่งนั้น แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
- ระดับปฏิบัติงาน
- ระดับชำนาญการ
- ระดับอาวุโส
สวัสดิการของข้าราชการท้องถิ่นสวัสดิการ คือ ค่าตอบแทนที่ทางราชการจัดให้แก่ราชการในฐานะที่เป็นสมาชิกขององค์กร เพื่อช่วยให้มีความมั่นคงในชีวิต ตลอดจนเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและบังเกิดประสิทธิผล โดยสวัสดิการหรือประโยชน์ตอบแทนอื่นของข้าราชการท้องถิ่นที่จะได้รับเช่นเดียวกันกับข้าราชการพลเรือนและเป็นไปตามที่มีกฎหมายกำหนด ได้แก่ - ค่ารักษาพยาบาล
- การศึกษาบุตร
- ทุนการศึกษา
- ค่าเช่าบ้าน
- เงินทำขวัญ
- เงินรางวัล
- เงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น
- และอื่น ๆ
การสอบบรรจุเป็นข้าราชการท้องถิ่นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นหน่วยงานภาครัฐที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด และนอกจากมี บทบาทหน้าที่ในการบริหารนโยบายสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการของท้องถิ่นแล้ว ยังมีหน้าที่ในการสรรหา บรรจุและแต่งตั้ง การย้าย การโอน การรับโอน การเลื่อนระดับ การเลื่อนขั้นเงินเดือน การสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ หรือการอื่นใดที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการท้องถิ่น สำหรับการสมัครสอบเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการท้องถิ่น มีขั้นตอนเช่นเดียวกับการสอบบรรจุข้าราชการพลเรือนสามัญทั่วไป แต่อาจมีบางกรณีที่หน่วยงานหรือองค์กรท้องถิ่น เปิดสอบเพื่อรับสมัครบุคคลที่มีความรู้ความสามารถตามตำแหน่งที่ต้องการ โดยคุณสมบัติของผู้สมัครสอบไม่จำเป็นต้องสอบ ก.พ.ภาค ก.ให้ได้ก่อน แต่จะต้องสอบผ่านภาค ข.และภาค ค.จากส่วนกลางขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ได้ก่อน แล้ว ก.พ. กับ ท้องถิ่น จะดำเนินการเปิดสอบ ก.พ. พิเศษ หรือสอบภาค ก.ภายหลัง ควรเตรียมตัวอย่างไร เมื่อต้องการสอบเป็นข้าราชการท้องถิ่น - ติดตามข้อมูลข่าวสารการเปิดสอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาจติดตามจากเว็บไซต์ติวสอบ หรือประกาศหางานรับสมัตรงานจากสื่อต่าง ๆ หรือติดตามข่าวสารจากประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานที่อยู่ในท้องถิ่น
- มีคุณสมบัติและวุฒิการศึกษาตรงตามที่กำหนดไว้ในคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งที่สมัครสอบ
- การกรอกในใบสมัครสอบ จะต้องเป็นข้อมูลตรงตามความเป็นจริง หากมีการตรวจสอบเอกสารและหรือคุณวุฒิการศึกษาซึ่งผู้สมัครสอบนำมายื่นไม่ตรงหรือไม่เป็นไปตามประกาศรับสมัครสอบ
- ตรวจทานข้อมูลที่กรอกในใบสมัครสอบให้ถูกต้องและสมบูรณ์ก่อนที่จะส่งใบสมัครสอบ
- ผู้สมัครสอบต้องนำหลักฐานและเอกสารเพื่อใช้แสดงตนเพื่อเข้าห้องสอบและส่งมอบให้เจ้าหน้าที่คุมสอบในการเข้าสอบแข่งขันให้ครบถ้วน ตามที่กำหนดในประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน ฯ หากขาดหลักฐานข้อใดข้อหนึ่งอาจไม่มีสิทธิเข้าสอบ
- ศึกษารายละเอียดรายวิชาที่ใช้สอบ เพื่ออ่านหนังสือให้ตรงตามวิชาที่ใช้สอบ หรือฝึกทำแบบทดสอบ
- ศึกษาหรือทำความเข้าใจกับบทบาทหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และหน้าที่รับผิดชอบของข้าราชการท้องถิ่น เพื่อเตรียมตัวสอบและเตรียมตัวเป็นข้าราชการที่ดีในอนาคต
- เลือกสถาบันติวสอบหรือซื้อคอร์สติวสอบออนไลน์ กรณีไม่มีเวลาอ่านหนังสือ หรือเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตนเองในการสอบ ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันติวสอบเปิดให้บริการมากมาย
การสอบบรรจุเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่นหรือข้าราชการพลเรือนสามัญ ด้านการเตรียมตัวสอบต่างกันที่ ก.พ.กับท้องถิ่น ข้าราชการพลเรือนสามัญจะต้องสอบผ่าน ก.พ.ภาค ก มาก่อนจึงจะสามารถสอบภาค ข และภาค ค.ส่วนข้าราชการท้องถิ่นสามารถสอบภาค ข.และภาค ค.ตามที่ท้องถิ่นเปิดสอบได้ แล้วจึงสอบ ก.พ.พิเศษ หรือสอบภาค ก.ภายหลัง
https://gorporonline.com/articles/local-government-organization-and-responsibility/
Create Date : 11 มิถุนายน 2563 |
Last Update : 12 มิถุนายน 2563 19:19:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 52 Pageviews. |
|
|