5.เคล็ดลับการเตรียมตัว เพื่อชิงทุนเรียนต่อต่างประเทศ
ทุนการศึกษาเพื่อเรียนต่อต่างประเทศ เป็นสิ่งที่หลายๆท่านต่างสนใจและอยากที่จะได้รับ เพื่อที่จะได้ไปศึกษา พัฒนา เพิ่มขีดความสามารถในด้านต่างๆ รวมถึงการที่จะได้ออกไปเปิดโลก และเปลี่ยนสังคม วิถีชีวิตเดิมๆที่เคยอยู่ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามทุนเรียนต่อในแต่ละประเทศนั้นมีโควต้าจำกัด แถมยังมีการแข่งขันที่สูงอีกด้วย 5.เคล็ดลับการเตรียมตัว เพื่อชิงทุนเรียนต่อต่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีนี้ทุนการศึกษาให้ไปเรียนต่อต่างประเทศแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยนั้น มีออกมาเยอะมากขึ้น และถูกได้รับความสนใจมากขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นการเตรียมความพร้อเพื่อจะเข้าสู่กระบวนการแข๋งขันต่างๆของทุน จำเป็นต้องมีเคล็ดลับและการเตรียมตัวอย่างดี เพื่อที่จะได้ไม่เสียโอกาสในการเรียนต่อ โดยเคล็ดการเตรียมตัว เพื่อชิงทุนเรียนต่างประเทศจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย 1.ศึกษาข้อมูลของมหาลัยและวัตถุประสงค์ของทุนเริ่มต้นมาควรศึกษาข้อมูลต่างๆของทุนหรือโครงการที่สนับสนุนครั้งนี้ ว่ากำลังสนใจบุคลากรแบบใด ความสามารถเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาทำให้เราเขียนบทความ หรือตอบคำถามต่างๆที่ใช้ในการสมัครได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลของมหาลัยและแผนกหรือคณะต่างๆที่ทุนรองรับ เพื่อที่จะสำรวจว่าตรงกับความต้องการของตัวท่านเองไหม เพราะถึงแม้ท่านสอบติดทุนและได้ไปเรียนต่อจริงๆ แต่กลับไม่ใช่คณะหรือสายการเรียนที่ชอบ หรือแม้แต่ประเทศที่ท่านอยากไป ก็คงจะส่งผลเสียกับตัวท่านไม่มากก็น้อย 2.เตรียมคะแนนสอบคะแนนสอบหรือเกรดการเรียนการศึกษาถือเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ เพราะถึงแม้ท่านไม่จำเป็นต้องเกรดเฉลี่ย 4.00 หรือ A จากทุกตัวในการศึกษาของท่านนั้น แต่การที่มีเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป ก็จะช่วยให้ข้อมูลการสมัครดูน่าเชื่อถือ และแสดงให้เห็นถึงความสามารถกับความตั้งใจในการของตัวท่านได้ *นอกเหนือจากนี้บางทุนการศึกษา มีการระบุเกรดเฉลี่ยขั้นต่ำอีกด้วย 3.เตรียมตัวกับภาษาอังกฤษหากอยากได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ สิ่งสำคัญเรียกได้ว่าจะที่สุดเลยก็ว่าได้คือ “ภาษาอังกฤษ ” ซึ้งเป็นภาษากลางที่เรียกได้ว่าสิ่งจำเป็นในการใช้เพื่อสื่อสาร และรับฟัง เพราะฉะนั้นสิ่งนี้จึงจำเป็นอย่างมาก โดยตัวภาษาอังกฤษนั้น หลายๆมหาวิทยาลัยจะระบุเกณฑ์ในการใช้ภาษาอังกฤษ จากคะแนนสอบของ 2 สถนามการซึ่ง เป็นการสอรบเพื่อวัดระดับความรู้ของภาษาอังกฤษ ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยการสอบภาษาอังกฤษ ทั้ง 2 แบบ มีดังนี้ - TOEFL : มีชื่อเต็มว่า Test of English as a Foreign Language เป็นการสอบวัดผลภาษาอังกฤษตามมาตรฐานภาษาอังกฤษแบบอเมริกา ที่ถูกออกแบบมาเพื่อประเมินความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ถือว่าเป็นการสอบวัดระดับทางภาษาที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมากที่สุดในโลก ซึ่งผลคะแนนโทเฟลจะสามารถบ่งบอกถึงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี โดยจะใช้เป็นหลักเกณฑ์เมื่อต้องการไปศึกษาต่อในต่างประเทศต่างๆ เช่น อเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นต้น
- IELTS : มีชื่อเต็มว่า International English Language Testing System เป็นการร่วมมือระหว่าง The University of Cambridge ESOL Examinations , British Council และ IDP : IELTS Australia เป็นการสอบวัดระดับวัดผลทางภาษาอังกฤษเชิงวิชาการระดับนานาชาติ ที่ได้รับมาตรฐานสากล โดยครอบคลุมทั้ง 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน ภายหลังการสอบเสร็จสามารถนำผลคะแนนสอบไปใช้ในการศึกษาต่อต่างประเทศต่างๆได้เช่นกัน โดยผลคะแนนจะแบ่งเป็น 9 ระดับ ดังนี้
- ระดับ 9 (มีความสามารถในการใช้ภาษาดีเลิศ) สามารถใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว เหมาะสม ถูกต้องแม่นยำ และมีเข้าใจในภาษาดีเยี่ยม
- ระดับ 8 (มีความสามารถในการใช้ภาษาดีมาก) สามารถใช้ภาษาได้ถูกต้องและคล่องแคล่ว แต่อาจมีข้อผิดพลาดและความไม่เหมาะสมบ้างบางครั้งคราวในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย สามารถถกปัญหาที่ซับซ้อนอย่างมีเหตุผลได้ดี
- ระดับ 7 (มีความสามารถในการใช้ภาษาดี) สามารถใช้ภาษาได้ดีแต่ยังมีความผิดพลาดและเข้าใจผิดในบางโอกาส แต่โดยทั่วไปสามารถใช้ภาษาในลักษณะที่ซับซ้อนได้ดีและเข้าใจในการให้เหตุผลได้ดี
- ระดับ 6 (มีความสามารถในระดับใช้งานได้) มีความสามรถในการใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดและความไม่เหมาะสมในการใช้ภาษาบ้าง แต่ก็สามรถสื่อสารและเข้าใจภาษาที่ซับซ้อนได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่คุ้นเคย
- ระดับ 5 (สามารถใช้ภาษาในระดับปานกลาง) มีความสามารถในการใช้ภาษาได้บางส่วนและเข้าใจความหมายกว้างในสถานการณ์ส่วนใหญ่ แต่ยังมีข้อผิดพลาดบ่อยๆแต่ก็สามารถสื่อสารในระดับพื้นฐานในเรื่องที่ตนถนัดได้ดี
- ระดับ 4 (มีความสามารถในการสื่อสารจำกัด) มีความสามารถในการสื่อสารจำกัดเฉพาะเรื่องที่ตนเองคุ้นเคย มีปัญหาในการสื่อสาร การเข้าใจและการแสดงออกทางความคิด และไม่สามารถใช้ภาษาที่ซับซ้อนได้
- ระดับ 3 (มีความสามารถในการใช้ภาษาที่จำกัดมาก) รู้และเข้าใจความหมายกว้างๆในสถานการณ์ที่คุ้นเคยและมีการหยุดชะงักในการสื่อสารบ่อย
- ระดับ 2 (ไม่สามารถสื่อสารคำศัพท์ขั้นพื้นฐานได้) ไม่สามารถสื่อสารเป็นเรื่องราวได้ พูดได้เป็นคำๆเฉพาะคำคัพท์สั้นๆที่คุ้นเคยเท่านั้น มีปัญหาในการทำความเข้าใจภาษาพูดและภาษาเขียน
- ระดับ 1 (ใช้ภาษาไม่ได้เลย) ไม่สามารถใช้ภาษาได้นอกจากคำศัพท์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
4.สอบวัดระดับภาษาที่จำเป็นอื่นๆแน่นอนถึงแม้ภาษาอังกฤษจะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในหลายๆประเทศ แต่ก็มีบางประเทศที่จำเป็นต้องใช้ภาษาที่ 3 เช่น เกาหลี จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น เนื่องจากประเทศเหล่านี้ไม่ได้รับความจากภาษาอังกฤษ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ หากสนใจอยากรับทุนในประเทศเหล่านี้ก็ควรทำการสอบความสามารถด้านภาษาที่เฉพาะเจาะจงเอาไว้บ้าง โดยในแต่ละภาษาก็มีช่วงเวลาในการสอบที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้ - การสอบวัดระดับความรู้ภาษาเกาหลี (TOPIK) จัดสอบปีละครั้ง ในเดือนตุลาคม
- การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน (HSK) จัดสอบปีละ 2 ครั้ง กลางปีและปลายปี
- การสอบวัดระดับความรู้ภาษาญี่ปุ่น (JLPT) จัดสอบปีละ 2 ครั้ง กรกฎาคมและธันวาคม
*หลายๆครั้งทุนในการสมัครประเทศเหล่านี้นั้นมักจะเขียนไว้ว่า “หากมีความรู้ความสามารถด้านภาษาของประเทศในทุนนี้นั้น จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ” 5.เตรียมเอกสารให้พร้อมข้อสุดท้าย คือ การเตรียมเอกสารต่างๆที่จำเป็นจะต้องใช้ให้พร้อม เพราะการสมัครทุนเรียนต่อต่างประเทศนั้น ในแต่ละทุนก็มีการใช้เอกสารที่แตกต่างกันออกไป โดยเอกสารที่จำเป็นต้องเตรียมทุกครั้งในการสมัครจะมีดังนี้ - เอกสารส่วนตัวต่างๆ เช่น บัตรประชาชน ใบเกิด(สูติบัตร) ทะเบียนบ้าน พาสปอร์ตเป็นต้น
- ใบรับรองการศึกษา หรือ ใบรับรองการจบการศึกษา
- เอกสารที่ต้องทำการแปลเป็นภาษาอังกฤษต่างๆ เช่น ใบเกิด ทะเบียนบ้าน ใบแสดงผลการศึกษา ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องแปลเอกสารเป็ฯอังกฤษทั้งนั้น และยังจำเป็นต้องได้รับการยอมรับว่าเอกสารเหล่านี้แปลได้ถูกต้อง โดยจะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ หน่วยงานกรมการกงสุลนั่นเอง
*นอกจากเอกสารที่กล่าวไปอาจจะมีเอกสารอื่นๆอีก ซึ่งขึ้นอยู่ที่หลายๆปัจจัย ทั้งเรื่องของประเทศที่ต้องการจะไป และความต้องของผู้จัดการทุนนั้นๆ เพราะฉะนั้นควรศึกษาและเตรียมตัวให้ดีก่อนไปสมัครทุนเรียนต่อต่างประเทศทุกครั้ง
https://gorporonline.com/articles/5-tips-for-preparing-for-a-scholarship-to-study-abroad/
Create Date : 08 มิถุนายน 2563 |
Last Update : 8 มิถุนายน 2563 10:01:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 85 Pageviews. |
|
|