#เจาะคอนโดเด่นเน้นอนาคตไกล

การลงทุนในคอนโดมิเนียมนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “ทำเลที่ตั้ง” และความคุ้มค่าของการลงเงินของเรา … อย่างที่เรารู้ๆ กันดีว่า ราคาต่อตารางเมตรของคอนโดสมัยนี้ขยับปรับตัวรวดเร็วมากๆ ถ้าย้อนไปแค่เมื่อ 5-8 ปีที่ผ่านมา มีคนบอกเราว่าจะเห็นคอนโดมิเนียมในระดับราคาตารางเมตรละ 1-2 แสนกว่าบาท คงมีแต่คนบอกว่า “เป็นไปได้ยาก” แต่ข้อเท็จจริงก็คือ มันเป็นไปแล้ว แถมราคาต่อตารางเมตรนั้นยังขยับปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องทุกๆ ปี ยกตัวอย่างเช่น คอนโดในย่านพระราม 9 ที่ปัจจุบันราคาขยับปรับตัวขึ้นกว่า 2-3 แสนบาทต่อตารางเมตร ถ้าย้อนกลับไปบอกคนเมื่อ 5-10 ปีที่ผ่านมาคงไม่มีใครอยากจะเชื่อ!

คอนโดที่ทำเลโดดเด่น แต่ราคายังไม่แรงยังมีเหลืออีกหรือเปล่า?

คำตอบก็คือ “ยังมีครับ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเลที่เป็น Expanding CBD ที่จะกลายเป็น CBD หรือ Central Business District แห่งใหม่ที่ราคายังไม่กินอนาคตไกลเกินไป อันได้แก่ คอนโดทำเล ลาดพร้าว พัฒนาการ และพระราม9 รามคำแหง สามทำเลนี้ต้องบอกว่ามีอนาคตไกล แต่ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้ยังพอรับได้ ถ้าเราเลือกเป็นก็จะมองเห็นความคุ้มค่าที่ซ่อนอยู่ และสำหรับนักลงทุนจะรู้ดีว่า อะไรทียังไม่แพงแต่มีอนาคตจะสามารถทำกำไรได้ หรือมันยังมีโอกาสให้เติบโตอยู่นั่นเองครับ โดยสาเหตุสำคัญที่จะทำให้ทำเลในย่านนี้พัฒนาไปเป็น CBD แห่งใหม่ก็คือ “รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ” นั่นเองครับ

[Preview] คอนโด METRIS

คอนโดแบรนด์ใหม่ จากเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ “METRIS” มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์แบบ Mid-Century Modern ที่ผสานความคลาสสิคและความทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ภายใต้คอนเซ็ปท์ Remaster The Modern DNA โดยแบรนด์นี้จะเน้นเป็นประเภทโครงการตึกสูง (High Rise ) เล่นระดับราคา average: 90,000 – 120,000 ต่อตารางเมตร ทางเมเจอร์มีแผนจะเปิดตัวพร้อมกันบน 3 ทำเล ลาดพร้าว, พัฒนาการ, พระราม 9 – รามคำแหง … เรามาเจาะดูแต่ละทำเลกันดีกว่าครับ

ทำเลแรก “เมทริส ลาดพร้าว”

ที่ตั้งคอนโดจะอยู่บนถนนลาดพร้าง ซอยลาดพร้าว 8 ห่างเพียง 250 เมตรจาก MRT พหลโยธิน

โดยการพัฒนาและความเจริญของห้าแยกลาดพร้าวที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะทำให้ลาดพร้าวถูกมองว่าเป็นทำเลทอง และศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ฝั่งเหนือ มีการคมนาคมครอบคลุมทั้งทางถนน และทางรถไฟฟ้า สามารถเชื่อมต่อไปยังเส้นทางอื่นๆ โดยปัจจุบันเราสามารถเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน หรือจะไปต่อด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวมุ่งเข้าสู่แหล่งทำงานในเมืองได้สะดวกสบาย และยังมีสถานีหน้ามหาลัยเกษตรศาสตร์ ส่งผลให้กลายเป็นทำเลศักยภาพที่มีแหล่งอำนวยความสะดวกเกิดขึ้นมากมาย

ความสำคัญของทำเลลาดพร้าวเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวแหล่งรวม Lifestyle ช็อปปิ้ง แถมยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทขนาดยักษ์ ได้แก่ กลุ่มบริษัทปตท., เอ็นเนอยี่คอมเพล็กซ์, การบินไทย, เอไอเอส, สำนักงานใหญ่ธนาคารทหารไทยและสำนักงานกลต. บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต และคนทำงานแถวนี้ถือว่าเป็นคนมีเงิน มีศักยภาพ โดยผลสำรวจพบว่ากว่า 4-5 หมื่นคนที่ทำงานในย่านนี้

สิ่งที่สำคัญสุดๆ เลยนะครับสำหรับย่านนี้ ก็คือ รัฐบาลและการรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่ในระหว่างการพัฒนา “สถานีกลางบางซื่อ” ซึ่งจะถูกพัฒนาไปเป็น “บางซื่อ คอมเพล็กซ์” ที่ประกอบด้วย โครงการการพัฒนาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณบางซื่อจนถึงบริเวณพหลโยธิน เนื้อที่ดินกว่า 2.3 ไร่

โดยการพัฒนาที่ดินให้กลายเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งพหลโยธินจะกลายเป็นโครงการทีสำคัญสุดๆ ของทำเลในย่านนี้ เพราะจะส่งเสริมให้ย่านบางซื่อเป็น Interchange ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร และจะส่งผลต่อเนื่องไปยังศักยภาพของทำเลที่จะดึง Demand ให้เข้ามาอยู่อาศัยในย่านนี้มากยิ่งขึ้น นึกภาพง่ายๆ ว่าสถานีกลางบางซื่อจะกลายเป็น “ชุมทาง” ของการคมนาคม คล้ายๆ กับสถานีรถไฟ ณ.กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว … สรุปก็คือคอนโดนี้ราคายังไม่แรง และมี Room ที่ยังเติบโตตามการพัฒนาของทำเลไปอีกด้วย โดยอัตราค่าเช่าอสังหาในย่านนี้อยู่ระหว่าง 1.5 -2 หมื่นบาทต่อเดือน และมีแนวโน้มจะขยับปรับตัวสูงขึ้นได้ในอนาคต

ทำเลที่สอง “เมทริส พัฒนาการ”

สำหรับที่ตั้งของเมทริสพัฒนาการห่างเพียง100 เมตรจากทางด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์ และใช้เวลาเพียง 10 นาทีจากทองหล่อ  การเดินทางสามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวได้สะดวกสบาย และในอนาคตทำเลพัฒนาการจะถูก “พัฒนา” สมชื่อ เนื่องจากจะมีรถไฟฟ้าหลายสายเชื่อมต่อการเดินทางให้สะดวกสบายในอนาคตอันใกล้

สำหรับพื้นที่แถบ “พัฒนาการ” เป็นพื้นที่เชื่อมต่อที่สำคัญระหว่างกรุงเทพชั้นในและพื้นที่ปริมณฑลฝั่งตะวันออก อาทิ สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา ย่านพัฒนาการจึงเป็นเสมือนประตูสู่ภาคตะวันออกก็ว่าได้ จึงเป็นทำเลที่เหมาะแก่การพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยที่ไม่มีความวุ่นวายมากนัก เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่มีความลงตัวของความเป็นเมืองและมีบรรยากาศที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย

การเดินทางไปมาในย่านนี้มีทั้ง “รถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท” โดยเราสามารถลงที่สถานีพระโขนง แล้วต่อรถมาทางถนนสุขุมวิท 71 ก็สามารถเชื่อมต่อกับถนนพัฒนาได้ทันที บวกกับการมี “รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์” ที่ตัดผ่านในย่านนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานีรามคำแหงซึ่งถือว่าใกล้ถนนพัฒนาการมาก และในอนาคตยังมี “รถไฟฟ้าสายสีเหลือง” ที่จะทำให้ทำเลถูกพัฒนาเร็วขึ้นกว่าเดิม และจะเป็นจุดเชื่อมต่อกับสถานีพัฒนาการ … แต่ยังไม่หมดนะครับ ในอนาคตยังมี “รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน” โดยรถไฟฟ้าสายนี้จะเป็นรถไฟฟ้าสายหลักที่เชื่อมโยงผู้คนจากกรุงเทพฯ ฝั่งเหนือมายังใจกลางเมือง แถมรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนยังเชื่อมต่อสถานีรถไฟบางซื่อมายังสถานีรถไฟหัวหมากอีกด้วย เรียกว่าเป็นแหล่งรวมสายของรถไฟฟ้าเลยทีเดียว ทำเลนี้สามารถเชื่อมโยงทุกจุดหมายดังใจได้คิด

ทำเลที่สาม เมทริส พระราม 9 – รามคำแหง

เพียง300 เมตร จาก New MRT Station (รถไฟฟ้าสายสีส้ม) … สำหรับทำเลนี้คงไม่ต้องเอ่ยให้มากความ ย่านพระราม 9 – รามคำแหง ในสายตาผมช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าเติบโตรวดเร็วมากๆ

ศักยภาพของทำเลนี้ผมขอยกให้ “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” เลยครับ …

เมื่อรถไฟฟ้าสายสีส้มเปิดแล้ว จะทำให้การเดินทางสะดวกสบายมาก การเดินทางจากกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกไปยังฝั่งตะวันออกจะเป็นเรื่องง่าย และในแถบนี้ยังมีสถาปัตยกรรมทีน่าจับตามอง นั่นก็คือ “The Super Tower” ซึ่งเป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในอาเซียนและเป็นตึกออฟฟิศระดับพีเมี่ยมในย่านนั้น ที่จะเป็นตัวเร่งชั้นดีให้สินทรัพย์ในย่านนี้มีราคาสูงขึ้นท้ากาลเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านนี้มีการเกิดขึ้นของสำนักงาน Office ที่มีระดับ ทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยในย่านรอบๆเนื่องจากเป็นราคาที่เอือมถึง และจะส่งผลให้เกิดการเติบโตของค่าเช่าคอนโดในย่านพระราม 9-รามคำแหงอย่างชัดเจนที่สุด

ทำไมการซื้อคอนโดเป็นการลงทุนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นหรือตัวเลือกอื่น ๆ

ในมุมมองของคนที่ชอบการลงทุนในคอนโดมิเนียม เราจะมองว่าการซื้อคอนโดนั้นให้ความรู้สึกคุ้มค่ากว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น นั่นเป็นเพราะว่า … หากเราซื้อคอนโดในราคาที่เหมาะสม ไม่แพงจนเกินไป เมื่อเวลาผ่านไปทำเลถูกพัฒนาดีขึ้น แน่นอนที่สุดว่า ราคาของคอนโดที่เราซื้อไว้ย่อมปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

การซื้อคอนโดนั้นเราได้เห็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ แต่หากเราซื้อหุ้นลงทุน ความรู้สึกของบางคนอาจรู้สึกว่ามันจับต้องไม่ได้ แถมมีความเสี่ยงเรื่องความผันผวนของราคาหุ้นขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่ไม่ได้ แต่สำหรับคนมีความรู้ก็จะประสบความสำเร็จในการลงทุนหุ้นได้ ซึ่งต้องใช้เวลาศึกษา ไม่เหมือนกับซื้อคอนโด ที่จับต้องได้จริง และมีการเติบโตในอนาคตอย่างชัดเจน

ประโยชน์ของการซื้อ อสังหาริมทรัพย์

ประโยชน์ของการซื้ออสังหาริมทรัพย์ก็คือ มันเป็นการลงทุนที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข และได้ผลตอบแทนเติบโตตามระยะเวลาที่ผ่านไป แถมการซื้ออสังหาริมทรัพย์ยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น คอนโดทำเลดีๆ ที่หาไม่ได้แล้วใจกลางเมือง บางแห่งซื้อขายกันตารางเมตรละ 3-4 แสนบาท เวลาที่เราซื้อไว้ก่อนล่วงหน้าในราคาปัจจุบัน หากอนาคตอีก 3-4 ปีข้างหน้ามีคอนโดขึ้นมาใกล้ๆ คอนโดที่เราซื้อ แล้วราคาขายขึ้นไปสูงลิ่ว ราคาคอนโดทำเลเดิมที่เราซื้อจะเพิ่มขึ้นทันที ทำให้เราได้ส่วนต่างราคาเมื่อขาย และการซื้อขายคอนโดมิเนียมก็ทำได้ง่ายกว่าสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ เช่น บ้านเดี่ยว หรือที่ดินเปล่า เป็นต้น

ข้อสรุปก็คือ … การซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอนโดมิเนียม จะมีข้อได้เปรียบคือ มันเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ มีการเติบโตตามกาลเวลา ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงการขยายตัวของระบบคมนาคมขนาดใหญ่ “รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ” ทำให้เป็นช่วงแห่งการลงทุนอย่างแท้จริง สำหรับนักลงทุนระหว่างทางเราสามารถเก็บดอกผลจากค่าเช่า และในอนาคตก็ยังได้ส่วนต่างจากราคาที่ขยับปรับตัวสูงขึ้นอีกด้วยครับ

อย่างไรก็ตามทำเลทั้งสามแห่งที่ผมยกมาบอกเล่าเก้าสิบกันนั้น ล้วนเป็นทำเลแห่งการเติบโตด้วยกันทั้งสิ้น แต่การเลือกซื้อสินทรัพย์ เราต้องซื้ออย่างชาญฉลาด ด้วยการเลือกซื้อสินทรัพย์ที่มีราคาเหมาะสม ราคาขายยังไม่ “กินอนาคต” ไปไกลเกินไป … ผมเชื่อว่าทุกคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ลองไปสำรวจพื้นที่จริงก่อนตัดสินใจก็ยังไม่สายเกินไปนะครับ

(นายแว่นลงทุน)

เพื่อนๆ ใครมีบ้าน คอนโด ที่ดินเปล่า มาโพสขายได้ที่นี่ฟรีนะครับ//www.topofliving.com/property-exchange/

[เกี่ยวกับผู้เขียน]

“นายแว่นธรรมดา” หนึ่งในกูรูหุ้น FINOMENA และผู้ก่อตั้ง //www.topofliving.com ผู้เขียนหนังสือ “ลงทุนหุ้นโตเร็ว” และหนังสือขายดี “กลยุทธุ์จับจังหวะลงทุนหุ้น” ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอิสระ นักเขียนอิสระ ขอถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ

ติดต่อนายแว่นธรรมดาได้ที่นี่ครับ  naiwaentammada@gmail.com