#อสังหาทำเงิน: ทำไมเสี่ยเจริญจึงคิดทำโครงการขนาดช้าง One Bangkok (วัน แบงค็อก)
#อสังหาทำเงิน: ทำไมเสี่ยเจริญจึงคิดทำโครงการขนาดช้าง One Bangkok (วัน แบงค็อก) อนาคตกรุงเทพฯ กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว สวนทางกับภาพของคอนโดมิเนียมล้นตลาด? ในมุมมองของคนทั่วไปคิดว่า คอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครนั้นดูจะไปได้ยาก และล้นตลาด แต่ข้อเท็จจริงคืออะไร? ทำไมเสี่ยเจริญจึงคิดทำโครงการช้าง One Bangkok (วัน แบงค็อก) มาติดตามกันดีกว่าครับ โครงการ วัน แบงค็อก คืออะไร วัน แบงค็อก" มีพื้นที่โครงการทั้งหมด 104 ไร่ บริเวณหัวมุมถนนวิทยุตัดกับถนนพระราม 4 ซึ่งเดิมเป็นโรงเรียนเตรียมทหารเก่าโดยจะพัฒนาในรูปแบบมิกซ์ยูส ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน โรงแรมหรู 5 โรงแรม ที่พักอาศัยระดับอัตราลักชัวรี่ 3 อาคาร ร้านค้าปลีก พื้นที่กิจกรรมและศิลปวัฒนธรรม รวมถึงมีพื้นที่สีเขียวจำนวน 50 ไร่ จากพื้นที่โครงการทั้งหมด โดยจะเริ่มทยอยเปิดในปี 2564 และทั้งโครงการจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2568 ตั้งงบลงทุนสูงกว่า 1.2 แสนล้านบาท!! โดยเจ้าของโครงการตั้งเป้าจะให้เป็นแลนมาร์คระดับโลกแห่งใหม่ ทำไมเจ้าสัวเจริญจึงสนใจนำเงินมาลงทุนกับโครงการนี้ โครงการนี้ถือเป็นรูปแบบมิกซ์ยูส ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน โรงแรมหรู 5 โรงแรม ที่พักอาศัยระดับอัตราลักชัวรี่ 3 อาคาร ร้านค้าปลีก พื้นที่กิจกรรมและศิลปวัฒนธรรม รวมถึงมีพื้นที่สีเขียวจำนวน 50 ไร่ ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช่แค่การพัฒนาคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยแต่เพียงอย่างเดียว ในขณะที่หลายคน หรือคนส่วนใหญ่กำลังคิดว่า ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองกำลังล้นตลาด แต่สำหรับคนรวยกลับคิดตรงกันข้าม ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่ามีหลายโครงการที่ทำลักษณะนี้ คือ ทำคอนโดหรูหรา อันได้แก่ 98 wireless ของแสนสิริ โครงการตึกมหานคร และอีกหลายโครงการที่รุกตลาดระดับบนกันอย่างที่ต้องเรียกว่า คึกคัก กันเลยทีเดียว ถ้าเรามองไปยังเมืองใหญ่ๆ เช่น เมืองสิงค์โปร กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น หรือเกาะฮ่องกง เราจะเห็นว่าเมืองใหญ่เหล่านี้ถูกพัฒนาไปในลักษณะที่เรียกว่า เป็นเมืองนานาชาติ หรือ Cosmopolitans เป็นเมืองที่มีหลากหลายเชื้อชาติ และที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมของเมืองเหล่านี้ก็มีราคาสูงเกิน 5 แสนบาทต่อตารางเมตรทั้งสิ้น กระแสการเติบโตของเมืองใหญ่ หรือ Mega City สำหรับกระแสของการเติบโตของเมืองใหญ่ Mega City ต้องประกอบด้วยสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม คือ มีประชากรหนาแน่น มีระบบรางที่สะดวกสบาย อย่าง รถไฟฟ้า ที่จะพาผู้คนในเมืองไปยังทุกพื้นที่ มีการเชื่อมต่อระบบต่างๆ อย่างสะดวกสบาย มีอินเตอร์เน็ตความเร็วแสง สำหรับกระแสเมืองใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก็เช่น เมืองสิงค์โปร กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น หรือเกาะฮ่องกง และแนวโน้มนี้น่าจะเกิดขึ้นกับ กรุงเทพฯ ในไม่ช้า สังเกตได้จากเม็ดเงินที่เริ่มมีการลงทุนทุกปี และราคาต่อตารางเมตรของคอนโดมิเนียมในเมืองก็สูงขึ้นทุกปี ผิดกับความคิดพื้นฐานของคนส่วนใหญ่ที่กำลังคิดว่า คอนโดล้นตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสี่ยเจริญ ที่เป็นเจ้าของกิจการหลายอย่าง โดยกิจการแต่ละอย่างทำเงินทำกำไรให้เจ้าของมากมายมหาศาล ว่ากันว่าแต่ละปีเสี่ยเจริญจะมีเงินเหลือจากการทำธุรกิจปีละกว่าหลายหมื่นล้าน และเงินเหล่านั้นต้องหาที่ลงทุนต่อยอดตามสไตล์ความคิดของคนรวย ของเจ้าสัว และเงินเหล่านั้นก็ถูกแปลงเป็นสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดนั่นเอง ความคิดนี้ไม่ใช่เป็นเพียงเฉพาะเสี่ยเจริญเท่านั้น แต่คนที่ร่ำรวยหลายคนก็คิดแบบนี้ เราจึงเห็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหรูหราขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในอนาคตอันใกล้นี้ สถานีรถไฟฟ้า ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะผุดขึ้นแบบ อัตราเร่ง หรือจะมีการเปิดรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ แบบ รัวๆ ภายใน 3-5 ปีต่อจากนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า อสังหาเมืองไทยกำลังเติบโต และจะเติบโตต่อเนื่องไปอีกหลายปีถ้าไม่เจอกับวิกฤติเศรษฐกิจเสียก่อน คนรวยคือคนส่วนน้อยที่คิดต่างจากคนส่วนใหญ่ ดูเหมือนสิ่งนี้จะเป็นจริงเสมอ และปฏิเสธได้ยากขึ้นทุกทีซินะ!?
อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ How to การบริหารจัดการเงิน อสังหา "คลิ๊กอ่านที่นี่เลยครับ" [เกี่ยวกับผู้เขียน] "นายแว่นธรรมดา" หนึ่งในกูรูหุ้น FINOMENA และผู้ก่อตั้ง //www.topofliving.com ผู้เขียนหนังสือ "ลงทุนหุ้นโตเร็ว" และหนังสือขายดี "กลยุทธุ์จับจังหวะลงทุนหุ้น" ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอิสระ นักเขียนอิสระ ขอถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ ติดต่อนายแว่นธรรมดาได้ที่นี่ครับ naiwaentammada@gmail.com
Create Date : 06 เมษายน 2560 |
Last Update : 6 เมษายน 2560 14:34:06 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1111 Pageviews. |
|
|