|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
What Ever Happened to Baby Jane? (1962)
แนว ชีวิต ระทึกขวัญ
กลับมาอย่างกระทันหันนะครับ ตอนแรกก็กะจะดอง Blog ต่อไปเหมือนกัน แต่อยู่ดีๆก็อยากเขียนรีวิวขึ้นมาซะอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะว่ากลัวจะไม่ได้เขียนแล้วมั้งฮะ เพราะช่วงนี้ก็ใกล้เปิดเทอมแล้ว
เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรมากครับ เกี่ยวกับหญิงที่ดังจากการแสดงในช่วงปลายทศวรรษที่สิบตั้งแต่เล็กคือ เจน ฮัดสัน (Bette Davis) ที่รู้จักในชื่อการแสดงว่า เบบี้เจน ฮัดสัน แต่พอโตขึ้นกลับติดเหล้างอมแงม ส่งผลให้เธอเริ่มไม่มีงานทำ รวมถึงเกิดอาการทางจิต นึกว่าตนเองยังดังเหมือนตอนเด็กอยู่ โดยการแต่งตัว พูดกับตุ๊กตา และเต้นรำเหมือนตอนเด็กๆ
ต่างกับพี่สาวของเธอ บลานซ์ ฮัดสัน (Joan Crawford) ซึ่งในตอนเด็กนั้น ถูกน้องสาวและพ่อเหน็บแนมว่าเธอไม่ได้ช่วยหาเลี้ยงครอบครัว ทำให้เธออิจฉาน้องที่ดัง และไม่มีใครสนใจเธอเลย จนกระทั่งโตขึ้น ในช่วงทศวรรษที่สามสิบ เธอกลับโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ ถึงกับซื้อบ้านเป็นของตัวเองอยู่กับน้องสาว นั่นทำให้เจนเริ่มอิจฉาบลานซ์มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเธอเกิดอุบัติเหตุทำให้เธอเป็นอัมพาตทั้งขาไปไหนไม่ได้ นอกจากอยู่บ้านชั้นบน โดยมีน้องสาว และสาวใช้ที่แวะมาหาเธอบ้างเป็นพักๆ
ต่อมาบลานซ์ได้เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติทางจิตของน้องสาวที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอมีความคิดที่จะขายบ้านหลังนี้ เพื่อที่จะอยู่กับสาวใช้ พร้อมกับจัดหาบ้านให้เจนอยู่เรียบร้อย แต่เจนกลับไม่ยอม ด้วยความอิจฉาอยู่แล้ว เจนจึงเริ่มเหี้ยมเกรียมต่อพี่สาวเธอและออกอาการมากขึ้นๆเรื่อย
ขณะเดียวกันเจนก็เริ่มที่จะหาทางกลับไปแสดงอีกครั้งหนึ่ง เหมือนตอนที่สมัยเธอเป็นเด็ก โดยลงโฆษณาว่ากำลังหาคนมาเล่นดนตรีให้ เพื่อที่เธอจะได้ออกแสดงและโด่งดังอีกครั้ง แต่ขณะเดียวกันด้วยความเหงา ทำให้เธอเริ่มที่จะคบกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ดูจากเรื่องย่อแล้วคงคิดว่าเป็นหนังแก้แค้นทั่วไปใช่ไหมละครับ ทั้งเรื่องคงจะมีแต่การแกล้งกันเกลียดกันทั้งเรื่อง แต่นี่ไม่ถึงอย่างนั้นครับ หนังเริ่มเรื่องมาในช่วงที่บลานซ์เป็นอัมพาตมาได้สักพักแล้ว คนดูก็ยังเห็นว่าน้องก็ยังปรนเปรอปฏิบัติพี่อยู่ (ในช่วงทศวรรษที่สามสิบ) แม้ว่าจะเธอจะร้ายขนาดไหน แต่ก็ยังเอาอาหารไปให้พี่อยู่เสมอๆ พร้อมกับติดออดไว้บนบ้านและยังไม่ไล่แม่บ้านไปไหน ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปก็ไม่ทนกันหรอกครับ แต่นี่หนังแสดงให้เห็นว่าเธอทนมาได้ตั้งหลายปี และที่เธอทรมานพี่ด้วยวิธีทั้งทางตรงหรือทางอ้อมนั้นก็เพราะความอิจฉาและอาการทางจิต ผมว่าไม่ใช่ในจิตสำนึกโดยตรงหรอกครับ เพราะเหมือนกับว่ามันเป็นสายใยพี่น้อง บวกกับการขาดความคิดรอบคอบในการกระทำแต่ละอย่าง ดูได้จากฉากที่เธอมารำพึงรำพันกับพี่สาวของเธอครับ
อีกอย่าง ผมว่าเจนคงอิจฉาพี่เธอนะครับ เธอตกต่ำ แต่พี่เธอกลับมีแต่คนชื่นชมผลงานเธออยู่ตลอด ทำให้เธอเริ่มยึดติดกับอดีตที่ผ่านมา และทำใจไม่ได้ที่โดนสตูดิโอเขี่ยออกจากงานแสดงเหมือนตอนสมัยก่อน บวกกับเธอถูกเลี้ยงมาแบบเอาแต่ใจ รวมถึงทะนงตัวคิดว่าสมัยเด็กเธอเป็นคนหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ที่พี่เธอมีกินก็เพราะได้เงินจากเธอ แต่พอโตขึ้นกลับตรงกันข้าม และพอบรานซ์เป็นอัมพาตก็เหมือนกลับมาสู่สถานะเดิมเหมือนตอนเด็กอีก
หนังยังให้ข้อคิดอีกว่าเราไม่ควรจะึยึดติดกับอดีตมากเกินไป ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน แม้แต่ความมีชื่อเสียง ตัวอย่างในฮอลลีวู้ดก็มีมาแล้ว ดาราบางคน ตอนเด็กอาจจะเคยดัง แต่ตอนโตกลับกินเหล้าเมายาเหลวแหลก แต่บางคนก็ตอนเด็กดัง พอเหลวแหลกก็สามารถปรับปรุงตัวได้ กลับทำให้ดังมากขึ้น และมีคนชื่นชมอีกต่างหาก ไม่ใช่ยึดติดว่าอะไรเป็นอย่างนั้น มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นตลอดไป แม้เราจะไม่ได้ทำเหมือนตอนที่เราเป็นเด็กแล้ว ไม่มีชื่อเสียง ไม่มีคนยกย่องแล้ว แต่เราก็สามารถทำอาชีพอื่นหาเลี้ยงชีพได้ อย่ายึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไปครับ
และเหมือนหนังจะย้อนสอนคนดูกลับว่าเมื่อคุณเห็นอย่างนั้น มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไป หรือบางทีคนดูไม่ได้สังเกตให้ดีก่อน ก็อาจจะสรุปเอาที่สิ่งแวดล้อมและสิ่งที่ตามมาก็ได้ ทั้งๆที่ความจริงอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป
ดูจบแล้วตัวละครอย่าง Baby Jane คนน้อง (Bette Davis) พาลให้นึกไปถึงตัวละครอย่าง Norma Desmond ในเรื่อง Sunset Boulevard (1950) ที่ยังไม่ยอมปล่อยวางและยึดติดกับอดีตอยู่เสมอๆ รวมถึงโครงเรื่องของหญิงขี้เหงาที่พยายามหาชายหนุ่มมาทำช่วยทำให้เธอมีชื่อเสียงอีกครั้ง แต่ด้วยความเหงา พอนานๆไปกลับฝ่ายหญิงกลับเริ่มหลงรักฝ่ายชายมากขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องการแสดงนั้นทั้งสองฝ่ายเล่นได้"ถึง"จริงๆครับ โดยเฉพาะ Bette Davis ที่เล่นในเรื่องนี้ได้อย่างดี ประกอบกับบทมันส่งด้วยนะครับ รวมถึงบทของ Joan Crawford ด้วย แต่เพราะฝ่ายหลังบทมันไม่ค่อยส่งนะครับ ฝ่ายแรกเลยเด่นกว่า แต่ถ้าดูการแสดงแล้ว ทุกฝ่ายเล่นได้ดีจริงๆครับ แหม บางเรื่องมันไม่สำคัญหรอกนะครับ ว่าจะต้องได้รางวัลออสการ์หรือรางวัลอื่นๆรึเ้ปล่า แค่ว่าพอเอามาดูหนังเรื่องนั้นอีกรอบแล้วรู้สึกว่านักแสดงเขาเข้าถึงตัวละครจริงๆ หรือว่าเราดูแล้วไม่ขัดตา สนุกๆเรานะครับ ก็น่าจะพอแล้ว รางวัลมันก็แค่เป็นกำลังใจส่วนหนึ่งเท่านั้นแหละครับ อีกอย่าง ผมว่านักแสดงในเรื่องนี้ทั้ง Davis และ Crawford เหมาะกับบทดีครับ ในเรื่องนั้น Davis แสดงเป็นคนแก่วัย 50 กว่าๆ ที่เริ่มไม่มีงานทำ ก็คล้ายๆกับชีวิตจริงครับ หลังต้นทศวรรษที่ 50 เธอก็ไม่ค่อยได้มีงานทางภาพยนตร์ที่ทำให้เธอกลับมาท็อปฟอร์ม หรือแสดงฝีมืออีกครั้ง อีกอย่างทั้งสองก็อายุ 50 กว่าๆ (54 และ 57 - Davis และ Crawford ตามลำดับ) ด้วยครับ และผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า Davis และ Crawford นั้น แค้นกันมาก่อนรึเปล่า หรือว่าเป็นแค่เสียงลือเล่าอ้างเฉยๆ พอหลังจากเรื่องนี้แล้วทั้งสองก็ไม่มีผลงานที่โด่งดังหรือเป็นที่จดจำของคนทั่วไปออกมาเลยครับ
ตัวหนังนั้นสร้างมาจากนิยายแนว Gothic horror (แนวสยองขวัญปนโรแมนติก) ชื่อเดียวกันของ Henry Farrell ที่ตีพิมพ์ในปี 1960 ครับ ในนิยายนั้นก็จะอธิบายถึงช่วงระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ในหนังที่ไม่ได้อธิบาย และก็ได้ยินมาว่ามีฉากรุนแรงมากกว่าหนังด้วย
ตัวหนังถ่ายออกมาในรูปขาวดำนะครับ ซึ่งตอนแรกก็จะเป็นหนังสีครับ แต่ว่า Bette Davis คัดค้านบอกว่ากลัวว่าเรื่องเศร้าๆของหนังจะออกมาดูน่ารักเกินไป ซึ่งก็ถูกแล้วครับที่ทำออกมาในรูปแบบหนังขาว-ดำ ผมว่ามันเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของหนังขาวดำนะครับ คือให้ความรู้สึกน่ากลัวกว่าปกติจริงๆ
เกร็ดอีกอย่างที่เล่ามันจริงๆก็คือความเกลียดชังของเด็กแสดงทั้ง 2 คนในชีวิตจริงครับ ในเรื่อง Bette Davis กับ Joan Crawford จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่รู้นะครับ แต่ก็ถือว่าเล่นเอาพอเป็นเกร็ดดีกว่า ไม่ต้องคิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง 100% หรอกนะครับ ผมจะเล่าแค่บางเรื่องก็แล้วกันนะครับ อย่างเช่นตอนถ่ายทำกันนั้น ฉากที่ Bette Davis เตะหัว Joan Crawford นั้น เห็นว่าแรงมากจนเกิดบาดแผลที่หัวเข้าขั้นต้องเย็บเลยทีเดียว Crawford จึงแก้แค้นโดยการถ่วงน้ำหนักใส่ในกระเป๋าของเธอ แล้วพอถึงฉากที่ Davis ต้องลากเธอ เธอก็ถึงกับเคล็ดหลังเลยทีเดียว รวมถึงเรื่องอื่นๆไม่ว่าเป็นเรื่องระหว่างโปรโมตหนังกับหญิงแก่ รวมไปถึงเรื่องเกี่ยวกับ Coca-Cola ด้วย
แต่เรื่องที่น่าจะเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดก็จะเห็นเกี่ยวกับออสการ์ครับ ที่เขียนไว้ในหนังสือ "Bette & Joan - The Divine Feud" โดย Shaun Considine ซึ่งผมบอกไม่ได้หรอกครับว่าเป็นจริงทั้งหมด ฟังเอาสนุกๆก็ประมาณได้ว่า หนังเรื่องนี้ชิงเข้าไป 5 รางวัลออสการ์ครับ Davis ก็ได้ชิงในสาขานำหญิงด้วย ทำให้เธอหวังกับออสการ์ตัวที่ 3 ของเธอมาก (นี่เป็นการชิงครั้งที่ 11 ของเธอ ชนะแล้ว 2 ตัว) ซึ่งถ้าเธอได้ ก็จะได้รับการบันทึกว่าได้รับรางวัลออสการ์ในสาขานำหญิงมากที่สุด (ในขณะนั้น) ขณะที่ Crawford นั้นกลับไม่ได้ชิงอะไรเลย ด้วยความเกลียดชังกันมานานทั้งสองฝ่ายจึงทำให้ Crawford อิจฉาและต่อต้าน Davis ในการชนะสาขานำหญิง รวมถึงบอก Anne Bancroft ผู้เข้าชิงในสาขานำหญิงด้วยกันในปีนั้นอีกว่า เธอจะมีความสุขมากถ้า Bancroft ได้รับออสการ์ และถ้า Bancroft ไม่สามารถไปรับรางวัลได้ เธอยินดีที่จะเป็นตัวแทนในการรับรางวัลแทนเอง เมื่อถึงคืนประกาศผลปรากฏว่า Bancroft ได้รับรางวัลออสการ์ และ Crawford ก็แตะไหล่ Davis พร้อมกับพูดว่า "ขอโทษที ฉันต้องไปรับออสการ์แล้วล่ะ" ('Excuse me, I have an Oscar to accept') บรึ๊ย 
เกือบๆ 4 ดาวครับครับ .65
ปล. ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บ IMDb และแรงบันดาลใจบางส่วนจากคุณ Johann sebastian Bach ครับ 
ปล.2 ช่วงนี้มึนๆงงๆนะครับ วิจารณ์เรื่องนี้เขียนด้วยอารมณ์ข้างต้นเช่นกัน อาจจะกระท่อนกระแท่นนะครับ ก็ขออภัยด้วยครับ
ปล.3 ช่วงนี้คงงด Update Blog ยาวเลยนะครับ ก็ขอเอาหน้านี้ขึ้นค้างไว้ก็แล้วกันนะครับ อาจจะมี Update ด้านข้างบ้าง(รึเปล่า?)ครับ
Create Date : 20 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 23 มกราคม 2562 9:23:48 น. |
|
47 comments
|
Counter : 4325 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:13:48:03 น. |
|
|
|
โดย: แพนด้ามหาภัย IP: 121.4.64.114 วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:15:27:10 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:16:37:16 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:21:25:28 น. |
|
|
|
โดย: beerled IP: 58.9.124.39 วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:1:01:18 น. |
|
|
|
โดย: BdMd IP: 124.122.110.243 วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:15:10:36 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:9:26:43 น. |
|
|
|
โดย: McMurphy วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:17:47:18 น. |
|
|
|
โดย: Seam - C IP: 58.9.183.105 วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:13:44:46 น. |
|
|
|
โดย: fire IP: 58.8.173.124 วันที่: 29 ตุลาคม 2552 เวลา:23:25:11 น. |
|
|
|
โดย: มาดามอุ้ย วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:47:37 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:11:52 น. |
|
|
|
โดย: veerar วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:26:04 น. |
|
|
|
โดย: brackleyvee วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:01:19 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:56:27 น. |
|
|
|
โดย: debry วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:6:07:45 น. |
|
|
|
โดย: มาดามอุ้ย วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:47:48 น. |
|
|
|
โดย: I_sabai วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:23:52 น. |
|
|
|
โดย: retrojass วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:05:32 น. |
|
|
|
โดย: รัน (Jongwattana ) วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:09:50 น. |
|
|
|
โดย: no filling วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:51:18 น. |
|
|
|
โดย: joblovenuk วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:49:02 น. |
|
|
|
โดย: ชะเอมหวาน วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:28:05 น. |
|
|
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:51:32 น. |
|
|
|
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:52:39 น. |
|
|
|
โดย: jonykeano วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:13:07 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:32:07 น. |
|
|
|
โดย: JasonSจัง!!! วันที่: 29 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:41:14 น. |
|
|
|
โดย: Ghoeby วันที่: 29 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:46:06 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:52:33 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:10:23:44 น. |
|
|
|
โดย: chris IP: 125.24.27.143 วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:20:08:31 น. |
|
|
|
โดย: Betty IP: 58.8.148.167 วันที่: 15 มกราคม 2559 เวลา:11:26:43 น. |
|
|
|
โดย: McMurphy วันที่: 19 เมษายน 2559 เวลา:13:52:44 น. |
|
|
|
|
|
|
เคยดู Mary Poppins ด้วยเหรอคะเนี่ย??? ไป search google รู้สึกนางเอกคือคนเล่น The sound of music ใช่มั้ยคะ
ไปมาเมื่อวันอังคารบ่ายค่ะ ประชากรหนาแน่นเชียวค่ะ
ใช่ ๆ บูธ A book ประชากรยึดพื้นที่หน้าบูธ มองไม่เห็นหนังสือเลยค่ะ สรุปได้มา 1 เล่มที่บูธนั้น อยากได้อีกหลายเล่ม แต่หมดค่ะ