สรุปหนังที่ได้ดูไปในเดือนมกราคม 2009
เนื่องจากช่วงนี้ไม่ได้อัพ Blog มานานข้ามปี จึงขอลงรายชื่อหนังที่ได้ดูไปทั้งหมดในเดือนมกราคม เอามาให้ลงแก้ขัดกระทู้ดองเค็มก่อน ซึ่งจะเป็นหนังแผ่นบวกกับอีกหนึ่ง(บิด)ขี้เกียจนะครับ (เนื่องจากไม่ค่อยได้มีเวลาเข้าโรงสักเท่าไหร่นัก) ซึ่งก็จะมีดังต่อไปนี้
หนังแผ่น + อื่นๆ
The Fountain (2006) หนังปรัชญาที่บอกเล่าถึงความไม่เที่ยงของชีวิตรวมถึงการปล่อยวาง โดยผ่านพระเอกกับนางเอกใน 3 ชาติภพ แนะนำให้คนที่ชอบดูหนังปรัชญาหรือต้องการศึกษาในเรื่องปรัชญาดู งานด้านภาพนั้นก็ถือว่าอลังการในระดับหนึ่งอยู่ทีเดียว 1/2
The Matrix (1999) ต้องยอมรับว่าผมเพิ่งเคยได้ดูหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ และก็พบกับความแปลกใหม่ไม่ว่าจะฉากหลบกระสุน ฉาก Slow Motion รวมถึงฉากบู๊ต่างๆ ที่ไม่ทำให้ผิดหวังเลย
The Matrix Reloaded (2003) พอมาถึงภาค 2 ก็เริ่มเรื่องกันแบบไม่ทันได้ตั้งตัวจากเหตุการณ์ในภาคแรก ทำให้ต้องมาปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเอง โดยช่วงแรกรู้สึกน่าเบื่อมากๆเพราะเล่าถึงแต่ในเมืองไซอ้อนแต่พอมาถึงฉากบนไฮเวย์กลับสนุกใช้ได้ทีเดียว แต่โดยรวมก็ยังถึงว่าด้อยกว่าภาคแรกเหมือนหนังภาคต่อตามเคย
The Matrix Revolutions (2003) ภาคสุดท้ายของไตรภาคชุดนี้ที่เนื้อเรื่องต่อจากภาคก่อนทันที และโดนส่วนตัวคิดว่าโดยรวมแล้วสนุกกว่าภาค 2 ซะอีก แถมยังมีปรัชญาแฝงเล็กๆเข้าไปในหนังเพิ่มด้วย ทำให้ยังแอบงงๆอยู่เล็กๆ 1/2
Animatrix (2003) เป็น 9 หนังสั้นที่ช่วยบอกเล่าเรื่องราวที่อาจจะไม่ได้กล่าวถึงในไตรภาคทั้งสาม แม้บางเรื่องจะตอบคำถามที่สงสัยได้ แต่ก็มีบางเรื่องเป็นเหมือนเพิ่มเสริมแต่งเข้ามา และไม่ได้ช่วยตอบข้อสงสัยจากหนังทั้ง 3 ภาคสักเท่าไหร่เลย
Slumdog Millionaire (2008) สุดยอดในทุกๆทาง ที่มีทั้งอารมณ์รันทดและน่าเห็นใจไปกับตัวละคร และความสนุกสนานในช่วงท้ายสุดจริงๆ ในอีกแง่หนึ่งก็เหมือนจะเป็นการดูถูกของคนมีอันจะกินคนหนึ่ง กับเด็กจากสลัมที่ใครๆคิดว่าเขาคงตอบคำถามมาถึงระดับนี้ไม่ได้ แต่ที่จริงแล้วทั้งหมดก็ไม่ได้อาศัยความรู้จากที่เขาเรียนมาเลย แต่แค่เป็นความรู้รอบตัวพื้นๆทั่วไปที่คนบางคนไม่ทันได้สังเกตก็เท่านั้นเอง 1/2
Lawrence of Arabia (1962) อลังการตามสไตล์ผกก. David Lean และเนื่องจากหนังเป็นแนวประวัติศาสตร์ (ที่ผู้เขียนไม่ค่อยชอบ) โดยเน้นความอลังการของทะเลทรายอันกว้างใหญ่ และก็ยังงงกับการกระทำของตัวละครในเรื่อง ซึ่งกระผมก็ไม่ค่อยมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์ทางนี้อยู่แล้ว จึงรู้สึกเฉยๆ (แม้จะได้ออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมก็เหอะ) 1/2
Following (1998) อึ๊ง... คือคำแรกที่ผมคิดหนังจากดูหนังจบ ผกก. Christopher Nolan ยังสุดยอดอยู่เช่นเดิม แม้เรื่องนี้จะเป็นผลงานการกำกับและเขียนบทหนังยาวเรื่องแรกก็ตาม การเล่าเรื่องจะใช้วิธีการแบบ Memento แต่จะมี Timeline มากกว่า และก็ดูเหมือนว่าในเรื่องนี้จะดูรู้เรื่องมากกว่า โดยมีตอนจบที่จบหักมุมแบบ...สุดยอดจริงๆ 1/2
Modern Times (1936) Charles Chaplin ยังคงความเป็นตลกไว้เช่นเดิม กับเรื่องนี้ที่เสียดสีการพึ่งพาเครื่องจักรมากกว่าพึ่งตนเอง ก่อนหน้านี้ผมประทับใจกับ City Lights มากๆ ส่วนเรื่องนี้แม้จะสนุกและตลกตามสไตล์แชปลิน แต่ผมก็ยังรู้สึกชอบน้อยกว่าเรื่อง City Lights อยู่ดี
Re-Animator (1985) หนังซอมบี้เปลี่ยนหัวคนที่แอบมีตลกเสียดสีแฝงอยู่ Jeffrey Combs เล่นเป็นนักศึกษาโรคจิตที่ทำหน้าได้สุดกวนและเล่นได้ดี ส่วนบรรยากาศความสยองกับความแหยะก็อยู่ในระดับใช้ได้เลยทีเดียว 1/2
Pi (1998) หนังจากผกก.เดียวกับ The Fountain ว่าด้วยชายนักคณิตศาสตร์ผู้ซึ่งไม่รู้เลยว่าเขาต้องตกเป็นเหยื่อของนักวิเคราะห์หุ้น และกลุ่มผู้นับถือศาสนายิวเพราะความฉลาดในการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์และการคิดเลขของเขาเอง และแม้จะถ่ายทอดออกมาในแง่ขาว-ดำ แต่ผู้เขียนก็ยังไม่ถึงขั้นบรรลุสุดยอดถึงขนาดที่ดูรู้เรื่อง และไม่รู้ว่าทำไมชายคนนี้ถึงต้องนั่งจิ้มสมองของจริง(??)เล่นด้วย 1/2
Rashomon (1950) จากฝีมือการกำกับของ Akira Kurosawa ที่ดีอีกเรื่อง ว่าด้วยการที่ชายคนหนึ่งถูกฆ่าตาย และมีผู้ต้องสงสัยได้แก่หญิงภรรยาของเขาเอง กับโจรป่า แม้สุดท้ายแล้วหนังจะไม่ได้กระจ่างมากนักในตอนจบ แต่ก็ช่วยให้ได้ข้อคิดว่า มนุษย์นั้นไม่สามารถพูดได้โดยปราศจากคำโกหกเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ของตนเอง 1/2
4 Months, 3 Weeks and 2 Days [4 luni, 3 saptamâni si 2 zile] (2007) หนังจากโรมาเนีย ที่ว่าด้วยเรื่องของการทำแท้งของหญิงคนหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้เขียนทราบว่าบรรยากาศและสภาพสังคมของโรมาเนียว่าเป็นอย่างไร และหนังทำออกมาได้ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างยอดเยี่ยม แต่การตัดสินใจของตัวละครก็ทำให้ลดความสมจริงลงไปเยอะ 1/2
The Great Dictator (1940) - หนังของ Charles Chaplin อีกเรื่องที่ผมค่อนข้างชอบอยู่ในระดับหนึ่ง ที่ซึ่งเรื่องนี้ผมได้ยินเสียงของเขาเป็นเรื่องแรก และถึงแม้ภาษาที่ฮิงเกลอพูดนั้นจะฟังไม่รู้เรื่อง (เป็นภาษามั่วๆที่มีเค้าภาษาเยอรมันบ้าง) แต่ด้วยสีหน้า ท่าทาง และโดยรวมของหนังก็เรียกว่าสนุกใช้ได้เลยทีเดียว 1/2
Sunrise: A Song of Two Humans (1927) หนังเงียบที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม(ที่สร้างขึ้นมาเพื่อศิลปะโดยเฉพาะ - Best Picture, Unique and Artistic Production)ในปีแรกของการประกาศรางวัลออสการ์ซึ่งโดยรวมแล้วทำออกมาได้ดีทีเดียว ว่าด้วยสามี-ภรรยาที่ทางฝ่ายชายแอบไปมีชู้และชู้ของเขาก็แนะให้ฆ่าภรรยาเขาเสีย 1/2
Anatomy of a Murder (1959) หนังขึ้นโรงขึ้นศาลของ James Stewart ที่สุดยอดมากๆ แม้จะมีฉากในศาลบ่อยอยู่ แต่ก็ไม่ทำให้น่าเบื่อเลย แถมตอนจบยังมีหักมุมเล็กๆอีก 1/2
Don't Look Now (1973) ด้วยการตัดต่อภาพ-เสียงที่เอามาเชื่อมโยงกับได้แบบยอดเยี่ยม (รวมไปถึงฉากบนเตียง!!) แม้จะไม่โหดเลือดสาด แต่ตอนจบก็หักมุมได้สะเทือนใจมากๆ ด้วยบรรยากาศบวกกับดนตรีหลอนทำให้หนังเรื่องนี้ออกมายอดเยี่ยมจริงๆ!!
แถมด้วยคำพูดที่ประทับใจจากเรื่อง The Great Dictator (1940)
I'm sorry, but I don't want to be an emperor. That's not my business. I don't want to rule or conquer anyone. I should like to help everyone if possible; Jew, Gentile, black man, white. We all want to help one another. Human beings are like that. We want to live by each other's happiness, not by each other's misery. We don't want to hate and despise one another. In this world there is room for everyone, and the good earth is rich and can provide for everyone. The way of life can be free and beautiful, but we have lost the way. Greed has poisoned men's souls, has barricaded the world with hate, has goose-stepped us into misery and bloodshed. We have developed speed, but we have shut ourselves in. Machinery that gives abundance has left us in want. Our knowledge as made us cynical; our cleverness, hard and unkind. We think too much and feel too little. More than machinery, we need humanity. More than cleverness, we need kindness and gentleness. Without these qualities, life will be violent and all will be lost. The airplane and the radio have brought us closer together. The very nature of these inventions cries out for the goodness in men; cries out for universal brotherhood; for the unity of us all. Even now my voice is reaching millions throughout the world, millions of despairing men, women, and little children, victims of a system that makes men torture and imprison innocent people. To those who can hear me, I say, do not despair. The misery that is now upon us is but the passing of greed, the bitterness of men who fear the way of human progress. The hate of men will pass, and dictators die, and the power they took from the people will return to the people. And so long as men die, liberty will never perish. Soldiers! Don't give yourselves to brutes, men who despise you, enslave you; who regiment your lives, tell you what to do, what to think and what to feel! Who drill you, diet you, treat you like cattle, use you as cannon fodder. Don't give yourselves to these unnatural men - machine men with machine minds and machine hearts! You are not machines, you are not cattle, you are men! You have the love of humanity in your hearts! You don't hate! Only the unloved hate; the unloved and the unnatural. Soldiers! Don't fight for slavery! Fight for liberty! In the seventeenth chapter of St. Luke, it is written that the kingdom of God is within man, not one man nor a group of men, but in all men! In you! You, the people, have the power, the power to create machines, the power to create happiness! You, the people, have the power to make this life free and beautiful, to make this life a wonderful adventure. Then in the name of democracy, let us use that power. Let us all unite. Let us fight for a new world, a decent world that will give men a chance to work, that will give youth a future and old age a security. By the promise of these things, brutes have risen to power. But they lie! They do not fulfill that promise. They never will! Dictators free themselves but they enslave the people. Now let us fight to fulfill that promise. Let us fight to free the world! To do away with national barriers! To do away with greed, with hate and intolerance! Let us fight for a world of reason, a world where science and progress will lead to all men's happiness. Soldiers, in the name of democracy, let us all unite! Hannah, can you hear me? Wherever you are, look up Hannah! The clouds are lifting! The sun is breaking through! We are coming out of the darkness into the light! We are coming into a new world; a kindlier world, where men will rise above their hate, their greed, and brutality. Look up, Hannah! The soul of man has been given wings and at last he is beginning to fly. He is flying into the rainbow! Into the light of hope, into the future! The glorious future, that belongs to you, to me and to all of us. Look up, Hannah. Look up!
Create Date : 29 มกราคม 2552 |
Last Update : 23 มกราคม 2562 9:17:35 น. |
|
17 comments
|
Counter : 4080 Pageviews. |
|
|
|
+ จริงๆ พี่ก็ทำสรุปเรื่องราวต่างๆ ของหนังที่ได้ดูในปีที่แล้วไป (รู้สึกน้องคริสจะวุ่นๆ เลยไม่ได้เข้าไปอ่านมั้งช่วงนั้น) แต่พอดีมันยาว เลยตัดเป็น ๒ ภาค เด๋วโพสต์ภาค ๒ เมื่อไหร่ จะมาตามไปอ่านรวดเดียวเลยละกันนะครับ (คงเป็นหน้าถัดไปเนี่ยแหละ เพราะทำไว้เสร็จแล้ว แค่รอโพสต์)
+ เนื้อหาหน้านี้ ขออ่านแป๊ะนึงนะฮับ เด๋วมาเขียนต่อ