มหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ได้ เพราะอยู่ต่ำกว่าแม่น้ำทั้งหลาย.....................

Dr.Manta and the gang พาตะลุยแดนมังกร , Episode 4 (ตะลอนในเมืองเก่าลี่เจียง)








ใครที่พลาดสามตอนแรกและอยากจะย้อนกลับไปอ่านก็คลิกที่ลิงค์ล่างนี้น่ะครับ


คลิกที่นี่เพื่อดู Episode1



คลิกที่นี่เพื่อดู Episode2



คลิกที่นี่เพื่อดู Episode3



อย่างที่ได้บอกมาแล้วก่อนหน้านี้ว่าเมืองลี่เจียงเป็นเมืองที่มีการผสมผสาน
ระหว่างเมืองที่เก่าแก่ และล้อมรอบโดยเมืองที่สร้างขึ้นมาใหม่

การเดินทะลุประตูเมืองเก่าออกมาสู่เมืองใหม่นั้นจึงเป็นเหมือนการเดินทาง
ผ่านประตูมิติของโดราเอมอน

กล่าวคือมันค่อนข้างแตกต่างกันคนละขั้วเลย
จากบ้านที่สร้างด้วยดิน สร้างด้วยไม้ สูงไม่เกินสองสามชั้น
เปิดไฟสลัวๆสีแดงๆส้มๆ
พอออกมายังเมืองใหม่ มันกลับกลายเป็นตึกสูง
ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งแรง รถราวิ่งกันขวักไขว่
ผู้คนก็เดินกันเหมือนจะแข่งเดินทน

วันแรกๆพวกเราก็ยังไม่ค่อยคุ้นตากับสิ่งเหล่านี้สักเท่าไหร่
แต่พออยู่ไปสองสามวัน มันก็เริ่มปรับตัวและคุ้นชินกับภาพเหล่านี้ไปโดยปริยาย







ลองหลับตานึกย้อนไปหลายร้อยปีก่อน
ตอนที่ยังไม่มีเครื่องมืออำนวยความสะดวก
ผู้คนในเมืองแห่งนี้คงอยู่กันอย่างมีความสุขมาก

คนที่เป็นเจ้าของเมืองแห่งนี้คือชาวนาซี (Naxi)
ชาวนาซีนั้นเชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากดินแดนแถบธิเบต
ภาษาที่ใช้กันนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเรียกว่าภาษาภาพตงปา (Dongba)
ที่จะใช้เป็นรูปสัญลักษณ์ง่ายๆตรงตัว(แต่พวกเราก็อ่านไม่ออกหรอกน่ะครับ)

แถวๆเมืองเก่าพวกเราจะเห็นร้านค้านำหนังสือพจนานุกรมของภาษาตงปา
ออกวางขายเต็มไปหมดเห็นว่านาย ณ มิตรอยากได้มากๆ
สงสัยอยากจะเป็นชาวนาซีเต็มแก่แล้ว







ดูจากหน้าตาของคนพื้นเพที่นี่ก็คล้ายๆกับผู้คนทางธิเบต
แต่ผมว่าบางทีดูๆไปเหมือนชาวเขาแถวๆบ้านเราซะมากกว่า

คนแก่ที่นี่แข็งแรงมากครับ
สามารถเดินขึ้นเนินและแบกสัมภาระหนักๆมาได้สบายๆ
แถมยังมีแรงส่งยิ้มให้พวกเราอีกต่างหาก







บ้านเรือนก็จะสร้างติดๆกันหลังต่อหลังแบบนี้
มีตรอกเล็กๆให้เดินสัญจรไปมาได้ในเมือง
ใหม่ๆพวกเราเดินแล้วหลงนิดหน่อย

มีความรู้สึกเหมือนพวกเราเป็นมดปลวกเลยครับ
อยู่กันแน่นๆแบบนี้เนี่ย







ที่พื้นของเมืองนี้จะปูด้วยหินเป็นก้อนใหญ่ๆ
เมื่อก่อนคนที่ช่วยกันทำเมืองนี้ขึ้นมาคงต้องลงทุนลงแรงด้วยพลังมนุษย์ทั้งหมด
ไม่มีเครื่องทุ่นแรงเหมือนกันสมัยนี้ งานช้างเลยน่ะเนี่ย

พื้นแบบนี้สวยและคลาสสิคมากครับ
น่าเอามาทำพื้นที่บ้านของผมมั่งจัง






จวนตระกูลมู่ หรือ ศาลาว่ากลางเมืองลี่เจียง
สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง

ตระกูลมู่ เป็นผู้นำของชนเผ่าน่าซีในลี่เจียงมา 22 รุ่น
ตลอด 470 ปีจากสมัยราชวงศ์หยวนจนถึงราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง








ส่วนปราสาทแห่งนี้อยู่บนเนินเขาเหนือเมืองเก่าลี่เจียงมาเล็กน้อย
เป็นปราสาทที่เพิ่งสร้างขึ้นมาในภายหลังไม่กี่ปีนี้เอง

เอาไว้เป็นจุดชมวิวครับ
ด้านล่างจะมีคุณลุงแก่ๆนั่งเฝ้าทางเข้าออก
บางทีถ้าอารมณ์ติสต์ของคุณลุงแตกขึ้นมา คุณลุงก็จะหยิบเครื่องดนตรีคล้ายซอบ้านเรา
มานั่งสีเพลงซึ้งๆเศร้าๆให้พวกเราได้ฟังกัน
เพลงนั้นเพราะพริ้ง เหมาะกับบรรยากาศที่นี่มากเลยครับ








จากจุดสูงสุดของปราสาท Wangu Pavillion แห่งนี้
เมื่อมองลงไปข้างล่างจะเห็นเมืองลี่เจียงได้รอบทิศทีเดียว

ด้านล่างที่มองลงไปด้านนี้จะเห็นตัวเมืองเก่าลี่เจียงเกือบทั้งหมด
ที่หลังคาสีเข้มๆมีต้นไม้สีเหลืองขึ้นตรงกลางคือจวนผู้ว่าซึ่งเป็นของตระกูมู่
ดังที่ได้บอกประวัติไปเมื่อกี้นี้

ล้อมรอบไปด้วยบ้านเรือนของประชาชน
ที่ปัจจุบันมีกลุ่มนายทุนมาซื้อทำเป็นร้านขายของที่ระลึกมั่ง เป็นเกสต์เฮาส์มั่ง
เห็นเค้าว่ากันว่าปัจจุบันนี้เมืองลี่เจียงนั้นสูญเสียความขลังไปพอสมควร









มองไปอีกด้านก็จะเป็นโซนของเมืองลี่เจียงใหม่
มีฉากหลังเป็นเทือกเขาสูงชัน

บนยอดเขามีหิมะปกคลุม เขานี้เค้าว่ากันว่ามีเจ็ดยอด
มองดูคล้ายๆกับหลังของมังกร
จึงเป็นที่มาของชื่อเขาลูกนี้ว่า Jade Dragon Snow mountain
หรือเขาหิมะมังกรหยกนั่นเอง
ชื่อภาษาจีนเห็นเค้าเรียกกันว่า อวี้หลงเสวียซาน(เวลาพูดต้องอมฮอลล์ด้วย)








ซูมให้ดูยอดเขากันชัดๆ
วันมะรืนนี้แหละที่เราจะได้ไปเที่ยวบนยอดนั้นแล้ว

วันพรุ่งนี้ขอไปเป็นอัศวินขี่ม้าที่ทะเลสาบ Lashi Lake ก่อนละกัน









ถ่ายรูปจากในตัวปราสาทรู้สึกอึดอัด
เพราะมันบดบังทัศนียภาพ
เลยยื่นกล้องผ่านกรงเหล็กออกมาถ่ายด้านนอกตัวปราสาทซะเลย
เสียวๆอยู่เหมือนกันว่าถ้าเผลอทำกล้องหล่นลงไปแล้วเนี่ย
คงอดเก็บภาพมาฝากเพื่อนๆแน่นอนครับ

ภาพนี้เห็นเงาสะท้อนของตัวเมืองกับกระจกของตัวปราสาท
เป็นความหมายนัยๆว่าเมืองลี่เจียงในอดีตกับปัจจุบันครับ








ที่เห็นมีคนนำสิ่งที่เป็นเหมือนโมบายมาแขวนนี้
คงไม่ใช่เค้าแขวนเพื่อประดับประดาให้ความสวยงามน่ะครับ
แต่คงเป็นเหมือนกันแขวนเพื่อเคารพบรรพบุรุษหรือว่าแขวนเพื่อสะเดาะห์เคราห์ซะมากกว่า

ใครมีข้อมูลจะมาช่วยบอกให้พวกเราก็จะขอบพระคุณมากน่ะครับ
อยากถามเค้าเหมือนกันว่าแขวนเอาไว้ทำไม
แต่เผอิญเราไม่ได้ไปกับทัวร์ และคนที่นี่พูดภาษาอังกฤษกันไม่ค่อยได้ครับ










ที่เห็นเป็นรูปคน รูปหัวใจ สัญลักษณ์ต่างๆนาๆนั้น
ไม่ใช่เขียนให้มันดูคิกขุอาโนเนะน่ะครับ

แต่นั่นคือภาษาตงปาที่ชาวนาซีหรือหน่าซีใช้กันเมื่อก่อนนู๊นครับ
เขียนกันเป็นรูปสัญลักษณ์ง่ายๆแบบนี้เลยครับ









เสร็จแล้วตอนบ่ายแก่ๆก็เดินตะลอนเก็บบรรยากาศในเมืองเก่ากันต่อ

บริเวณถนนเส้นหลักของเมืองเก่าลี่เจียงช่วงกลางวันคนจะหนาแน่นมากครับ
ผมยิ่งเป็นคนที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับผู้คนที่ทะลักทะลายแบบนี้ซะด้วย
เห็นแล้วใจคอไม่ค่อยดี เดินในถนนตรอกเล็กๆแบบนี้ผมว่าสบายใจกว่าเยอะเลย

ยิ่งตอนกลางคืนบนถนนเส้นหลักเนี่ยเค้าจะมีนายทุนมาซื้อโรงเตี๊ยมมาทำเป็นร้านอาหาร
เปิดเพลงแดนซ์เสียงดังกระหึ่ม มีไฟสปอตไลท์แบบในดิสโก้เทค
ผมว่ามันขัดกับบรรยากาศเมืองเก่ามากๆ

แถมยังไม่พอเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่เราไปเจอกันยังเล่าให้พวกเราฟังว่า
เค้าไปร้านนวดแผนโบราณ กลับโดนถามขายบริการทางเพศโดยการออรัลให้อีก
สงสัยทางการจีนคงต้องหานโยบายอะไรมาควบคุมสักอย่างแล้วหล่ะครับ
ไม่งั้นอีกหน่อยเมืองลี่เจียงเละตุ้มเป๊ะแน่นอนเลย









ภาพนี้นาย ณ มิตรเห็นคุณลุงคนนึงกำลังนั่งผิงแดดอุ่นยามบ่ายอยู่
เลยเกิดคึกอยากเลียนแบบท่าสัปหงกของลุง

แอบเนียนเลยน่ะเนี่ย
นี่ถ้าคุณลุงตื่นขึ้นมาหล่ะก็ โดนตื๊บแน่ๆ
โทษฐานล้อเลียนคนแก่ อิอิ








วันที่เราเดินทางมานั้น
ท้องฟ้าปลอดโปร่งมากๆ
เดินเล่นกันสบายๆไม่ค่อยร้อน

มีอย่างเดียวคือหิวบ่อยไปหน่อย
จะกินบ่อยๆก็ไม่ดี(ต่อกระเป๋าตังค์)
เพราะอาหารค่อนข้างแพงเอาเรื่องครับ

เราแวะไปทานอาหารที่นี่
แค่ผัดบะหมี่จานเดียวก็ปาไปยี่สิบกว่าหยวนแล้วครับ
(จานละประมาณหนึ่งร้อยบาทแหน่ะ)








เดินไปเหนื่อยๆแวะนั่งกินบรรยากาศที่ร้านกาแฟซะหน่อยดีกว่า
เพราะตอนที่อยู่ประเทศไทย ผมกินกาแฟทุกวันเลย
มาที่นี่บางทีถ้าได้กลิ่นกาแฟลอยมาแตะจมูกแล้วขามันก้าวเข้าร้านกาแฟโดยอัตโนมัติ

แต่ดูราคากาแฟแล้วเนี่ยไม่ธรรมดาเลย
เหมือนราคากาแฟยี่ห้อแมลงต่างดาวบ้านเราเลยอ่ะ
ร้อยกว่าบาทแหน่ะ ซี๊ดดดด

แต่สุดท้ายก็ยอมเสียตังค์ให้เค้าไปจนได้
เพราะหิวกาแฟทนไม่ไหวแล้ว








คนจีนกับสีแดงเนี่ยคงแยกกันไม่ออกครับ
เห็นคนจีนที่ไหนเป็นอันต้องเห็นสีแดงอยู่ที่นั้นเสมอๆไป

ก็สีแดงคนจีนเค้าถือว่าเป็นสีนำโชคของเค้านี่เนอะ








บ่ายคล้อยแล้ว พวกเราเดินกลับเข้ามาในเขตถนนเส้นหลักอีกครั้งหนึ่ง
เพื่อที่จะเดินหาซื้อทัวร์แบบ One day trip
ไปเขามังกรหยกและทริปไปขี่ม้าที่ Lashi lake

ตอนแรกก็กะว่าจะไปกันเองไม่พึ่งทัวร์
แต่กลัวว่าจะบริหารจัดการเรื่องเวลาไม่ถูก
เพราะเรื่องภาษาที่เป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวง
เดี๋ยวพลาดรถกลับเข้าเมืองจะยิ่งยุ่งยากไปกันใหญ่

แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว
ทัวร์ที่เราซื้อไปก็พูดภาษาอังกฤษกันไม่ค่อยได้อยู่ดี
เพียงแต่จะดีตรงที่ว่าเค้าจะดูแลเราเรื่องการบริหารจัดการเวลามากกว่าครับ








ตอนบ่ายแก่ๆแล้ว
เด็กนักเรียนก็กลับมาจากโรงเรียน

เด็กที่นี่แก้มใสและแดงสุกกันเกือบทุกคน
ที่เห็นแดงๆแบบนี้เพราะว่ามันแห้งและแตกครับ








สาวน้อยยืนเฝ้าประตูที่หน้าคุ้มเจ้าเมือง
เพื่อเก็บค่าผ่านประตู

ที่เมืองจีนเนี่ย อะไรนิดอะไรหน่อยก็ต้องเจอค่าผ่านประตู
จ่ายๆอยู่ตลอดเวลา
แต่ก็น่ะ เค้าคงเก็บไปเป็นเงินในการบูรณะสถานที่เหล่านี้ให้คงความสวยงามหน่ะครับ








คุณลุงก็คงเหงาปนกับหนาวด้วย
เลยออกมานั่งกินซุปร้อนๆพร้อมกับผิงแดดยามบ่ายที่หน้าบ้านของตัวเอง

ผมชอบบ้านที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆของคนที่นี่แหละครับ
ผนังบ้านสร้างจากดินหรือหิน
เค้าว่าเวลาฤดูร้อนอยู่แล้วจะเย็น ส่วนฤดูหนาวก็จะอบอุ่น

เอาไว้เก็บมาเป็นไอเดียทำบ้านพักร้อนดีกว่า









สำหรับเรื่องราวในวันนี้คงพอเท่านี้ก่อนครับ
เนื่องจากรูปเยอะแล้ว

เดี๋ยวเก็บมาเล่าต่อในวันพรุ่งนี้ละกันครับ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมครับ
เห็นบางท่านติดตามอ่านทุกกระทู้เลยน่ารักจริงๆ











เพลง ano hi nokawa E
Ost.ภาพยนต์การ์ตูนเรื่อง Spirited away ครับ




 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2551
14 comments
Last Update : 23 สิงหาคม 2552 20:16:13 น.
Counter : 1448 Pageviews.

 

แหร่มมากๆพี่หมอ...

แบบว่าอัพเดทรายวันเลยนะเนี่ย..ผมตามแทบจะไม่ทัน...


เมืองจีนนี่จะว่าไปมีเสน่ห์เหมือนกันนะครับ...วิถีชีวิตของคน น่าสนใจมากๆ.. ถ่ายทอดมาทางรูปถ่าย และมันมีชีวิตชีวาดีจัง...

ตามมาเที่ยวอีกครับ...เดี๋ยวมาแวะใหม่อีกตอนหน้าวันพรุ่งนี้นะ...

 

โดย: อ๊อด สิงห์นครพิงค์ IP: 92.12.7.216 25 พฤศจิกายน 2551 21:14:50 น.  

 

ขยันอัพจริงๆน่ะ

อยากไปเที่ยว


Y-Y

 

โดย: iPOND IP: 61.19.67.39 25 พฤศจิกายน 2551 22:45:10 น.  

 

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมครับ
เห็นบางท่านติดตามอ่านทุกกระทู้เลยน่ารักจริงๆ

^
^
^

ของมันแน่อยู่แล้วพี่


วันนี้พี่ชายเราขยันจริงๆเลยวันเดียวอัพซะสองบล็อก
ดองๆไว้แบบลุงต๊อกกะพี่โบ๊ตบ้างก็ได้พี่
แต่กินของดองมากไม่ดีต่อสุขภาพเนอะพี่(ฝากบอกต่อ555)

เห็นบ้านเมืองเค้าแล้วมันอึดอัดจังเลยค่ะ
ชอบอยู่ที่โล่งๆมีที่ให้เดินเล่นปลูกต้นไม้มากกว่าแบบนี้
แต่บ้านเมืองเค้าก็สวยนะคะ
ถ้าเป็นบ้านเราคงสกปรกน่าดูเลย

ฝันดีค่ะพี่
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตามไปขี่ม้าต่อ
อยากขึ้นภูเขาไวๆ เหอๆ

 

โดย: มัยดีนาห์ 25 พฤศจิกายน 2551 22:46:09 น.  

 

สวยจังเลยค่ะ สวยมากๆ เห็นแล้วอยากไปตะลุยแดนมังกรขึ้นมาเลยเชียว

 

โดย: เบบูญ่า 25 พฤศจิกายน 2551 23:03:49 น.  

 

เปิดภาพแรกก็แหล่มมากๆ เลย ไม่บอกไม่รู้คิดว่าเป็นยุโรป วันนี้ก็ได้ฟังเรื่องขำๆ ที่เมืองจีนจากเจ้าโอ๋ เล่าได้ดุเด็ดเผ็ดมันมั๊กๆ โดยเฉพาะเรื่องแพคของกินใส่ลังเนี้ย ได้ข่าวว่าทั้งสนามบินมีกล่องของเบสเพียงกล่องเดียวเท่านั้นที่น่าสงสัยที่สุด

 

โดย: พี่รี่+ต๊อก 25 พฤศจิกายน 2551 23:14:43 น.  

 

อยากย้อนเวลากลับไปเยือนเมืองจีนแบบนี้จังอ่ะค่ะ
ถึงแม้ว่าจะได้ดยินเรื่องราวแย่ๆ เกี่ยวกับประเทศจีน
มาบ้างแล้วแต่ว่าที่เล่ามาด้วยภาพ ชักอยากกลับไปเยือน
ที่จีนจังเลยอ่ะ ...ดูเค้าอนุรักษ์สิ่งเก่าๆ ไว้อย่างดีเลยนะคะ
ผู้คนเอย บ้านเอย ธรรมชาติเอย ... เห็นภาพแล้วประทับใจจัง

 

โดย: JewNid 26 พฤศจิกายน 2551 0:46:23 น.  

 

ของเค้าดีจริงๆเลย...
เปิดตัวภาคนี้ด้วยภาพแหล่มๆ ขนาดนี้

แต่มันไม่สมบูรณ์หรอกเฟ้ย..ของอย่างนี้ต้องมีอึ้งย้ง
ไม่รู้ว่าภาพที่3เป็นตอนแก่ของเธอหรือเปล่า...อิอิ


เรื่องนี้มีกี่ภาคอ่ะ..

 

โดย: Little Knight 26 พฤศจิกายน 2551 3:14:29 น.  

 

อัพบล้อกเร็วมากค่ะ..ตามเกือบไม่ทัน..ภาพสวย(อีกแล้วครับท่าน)..

 

โดย: AB_PAE 26 พฤศจิกายน 2551 9:20:02 น.  

 

โอว...นึกว่าแอบไปทำ อา-เจล แล้วได้เบนส์อิอิ..

ยังไงคงต้องติดตามครบทุกภาคอยู่แล้วนิ..
เพื่อนกัน..ไม่ติดตามกัน...เคืองกันแย่เลย..

เที่ยวนี้ว่าจะพาเรฟไปไร่แสงอรุณ..สนใจเปล่า...
ทำบุญกะเด็กน่ะดีนะ...จะได้หน้าเด็กตลอดไป..ลาแมร์ก็งั้นแหละ

 

โดย: Little Knight 26 พฤศจิกายน 2551 10:44:22 น.  

 

หนาวไหมเนี่ย แต่ทำไมมันสวยเยี่ยงนี้ น่าไปเนอะ ต่อมเที่ยวกำลังจะระเบิดแล้วเรา

 

โดย: นักเดินทางพเนจร (นักเดินทางพเนจร ) 26 พฤศจิกายน 2551 11:38:48 น.  

 


ตามอ่านทยอยย้อนหลัง..อิอิ

ภาพสวยงามทั้งนั้นเลยอ่ะ
ถ้าไม่รวมเรื่องราวที่รับรู้มา...เอิ่ม..ห้องสุขา..เหอๆๆ

 

โดย: ย้งยี้ ณ. สะพานไม้ .. ฮุฮุ IP: 125.24.166.213 26 พฤศจิกายน 2551 15:41:48 น.  

 

สวยจังค่ะ เป็นมุมมองที่ไม่ค่อยได้เห็น อยากไปเที่ยวแบบนี้บ้างจัง

 

โดย: Invisible Angel 2 ธันวาคม 2551 22:37:09 น.  

 

สวยทุกภาพเลยค่ะ
ชอบโมบาย น่ารักจัง

 

โดย: มันจะดีเหรอคะ 3 ธันวาคม 2551 9:20:54 น.  

 

ถ่ายภาพสวยมากค่ะ ตามดูบล๊อคคุณหมอมาตลอด ชอบ 4 ตัวที่เป็น BG มั่กๆ

 

โดย: siri_bhutara IP: 118.172.106.108 4 มกราคม 2552 10:57:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Dr.Manta
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]




&key



Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
25 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Dr.Manta's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.