สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ

หินน้ำลาย

หินน้ำลาย หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “หินปูน” มีที่มาอย่างไร? สามารถทำให้เกิดเหงือกอักเสบได้อย่างไร ? และมีการป้องกันการเกิดหินน้ำลายได้อย่างไร? วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันนะครับ


การเกิดของหินน้ำลายและคราบจุลินทรีย์

หินน้ำลายมีต้นกำเนิดจากแผ่นคราบจุลินทรีย์หรือชื่ออีกหลายชื่อเช่น Plaque, bacterial plaque เจ้า Plaque จะถูกแร่ธาตุในน้ำลายที่อยู่ในช่องปากจับตัวตกตะกอนแข็งตัวเป็นหินน้ำลายที่เกาะแน่นกับผิวฟัน ซึ่งเราอาจพบทั้งที่อยู่เหนือเหงือกและใต้เหงือก


แผ่นคราบจุลินทรีย์ในปัจจุบันมีชื่อใหม่อีกว่า Biofilm จะเกิดขึ้นไม่นานนักภายหลังการแปรงฟันหรือการทำความสะอาดในช่องปาก แรกเริ่มจะมีเมือกใสน้ำลายมาเกาะที่พื้นผิวฟัน จากนั้นเจ้าจุลินทรีย์ในช่องปากจะตามมาเกาะทับถมกันจนกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ของจุลินทรีย์ หากเราใช้กล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูงส่องดูชุมชนดังกล่าว เราจะพบว่ากลุ่มก้อนของจุลินทรีย์หลายชนิดมากมายโดยจะมีระบบท่อส่งน้ำและอาหารเพื่อเป็นทางส่งเข้าสารอาหารและน้ำไปยังจุลินทรีย์และส่งสารพิษและกรดมายังภายนอกแผ่นคราบจุนลินทรีย์


จุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนมนุษย์จำเป็นต้องได้รับอาหารซึ่งก็คือน้ำตาลจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปเพื่อสังเคราะห์พลังงานแล้ว ผลผลิตที่ได้ก็คือสารพิษและกรดซึ่งจะเป็นพิษต่อร่างกายมนุษย์ โดยสารพิษจะก่อให้เกิดเหงือกอักเสบ ส่วนกรดก็จะกระตุ้นให้กระบวนการเกิดฟันผุเริ่มขึ้นที่ผิวเคลือบฟัน


คราบจุลินทรีย์เมื่อเริ่มเกิดใหม่ๆจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จำเป็นต้องใช้สารย้อมสีจึงจะเห็นได้ว่าคราบจุลินทรีย์เกาะตามบริเวณคอฟัน,ผิวฟันและเหงือก ในกรณีที่คราบจุลินทรีย์มีความหนาๆจึงจะมองเห็นได้และรู้สึกได้เมื่อใช้ลิ้นสัมผัสไปตามพื้นผิวฟัน


คราบจุลินทรีย์เมื่อเริ่มเกิดใหม่ๆจะเกาะไม่ค่อยแน่นกับพื้นผิวฟันซึ่งกำจัดได้ง่ายโดยการแปรงฟันและขัดฟัน ส่วนคราบหินน้ำลายจะเกาะอย่างแน่นหนากับพื้นผิวฟันสามารถกำจัดได้โดยการขูดหินน้ำลายเท่านั้น ไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการแปรงฟันและการขัดฟัน


สารพิษที่จุลินทรีย์ปล่อยมาหลังจากสังเคราะห์พลังงานจากกระตุ้นให้เกิดเหงือกอักเสบโดยจะมีอาการบวมแดงและเลือดออกง่ายขณะแปรงฟัน นอกจากนี้สารพิษของจุลินทรีย์ยังกระตุ้นกระบวนการอักเสบของร่างกายทำงานเป็นการเพิ่มความรุนแรงของการอักเสบของเหงือกมากยิ่งขึ้น


ความสำคัญในการขูดหินน้ำลาย

พื้นผิวของหินน้ำลายที่เกาะกับผิวฟัน จะมีคราบจุลินทรีย์หรือ Biofilm ปกคลุมซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการทำให้เกิดเหงือกอักเสบ หินน้ำลายจะเกาะแน่นกับผิวฟันต้องอาศัยการขูดหินน้ำลายและการเกลารากฟันโดยทันตแพทย์ ทันตแพทย์จะขูดหินน้ำลายที่อยู่ใต้เหงือกและเหนือเหงือก ส่วนหินน้ำลายที่เกาะลึกอยู่ใต้


เหงือก จะต้องอาศัยการเกลารากฟันเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถกำจัดหินน้ำลายใต้เหงือกได้อย่างหมดจดและทำให้รากฟันเรียบขึ้น การเกลารากฟันยังช่วยกำจัดจุลินทรีย์และสารพิษที่แทรกซึมอยู่กับผิวรากฟันที่อยู่ลึกๆด้วย การขูดหินน้ำลายและการเกลารากฟันจำเป็นต้องใช้เวลาครั้งละ 20-30 นาที ในระยะที่มีการอักเสบของเหงือกมากและหินน้ำลายมากอาจต้องใช้เวลามากกว่านี้ และคนไข้ในบางรายอาจได้รับการนัดหมายการรักษามากกว่า 1 ครั้ง เมื่อการรักษาครั้งแรกสิ้นสุด ทันตแพทย์จะนัดหมายผู้ป่วยกลับมาเพื่อประเมินผลการรักษาและการดูแลรักษาความสะอาดในช่องปากคนไข้ หลังจากนั้นอีก 4-6 อาทิตย์ในกรณีที่ยังคงมีการอักเสบของเหงือก โดยดูจากลักษณะรูปร่าง,สีและความลึกของร่องลึกปริทันต์และสภาวะเลือดออกง่ายหลังจากการแปรงฟัน ทันแตพทย์อาจพิจาณาทำการขูดหินน้ำลายและเกลารากฟันซ้ำอีกครั้ง การอักเสบรุนแรงของเหงือกที่มีผลทำให้เกิดการทำลายของกระดูกรอบรากฟัน อาจต้องอาศัยการผ่าตัดเหงือกร่วมด้วยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์ผู้รักษา


ผลข้างเคียงของหินน้ำลาย มีหลายอย่างได้แก่

1. เลือดออกขณะแปรงฟัน

2. เหงือกบวมแดง

3. มีกลิ่นปาก ในกรณีอาการรุนแรง ก็จะมีอาการน้อยลง

4. เหงือกร่น

5. มีหนองออกจากร่องเหงือก

6. ฟันโยก

7. ฟันเคลื่อนออกจากกัน


ผู้ป่วยที่มีปัญหาเลือดหยุดยากกับการขูดหินน้ำลาย

ควรปรึกษาแพทย์โรคเลือดเพื่อแพทย์จะได้ปรึกษาและทำการวางแผนการรักษาร่วมกับทันตแพทย์ ผู้ป่วยที่ได้รับยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้าอาจต้องหยุดยาดังกล่าวก่อน ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบการแข็งตัวของเลือดอาจต้องให้เลือด,ส่วนประกอบของเลือดหรือสารทดแทนก่อนที่จะทำการขูดหินน้ำลายหรือเกลารากฟัน ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาแทรกซ้อนหรือภาวะเลือดไหลไม่หยุด


การป้องกันการเกิดหินน้ำลาย มี 2 วิธีคือ

1. การใช้สารเคมีหรือน้ำยาบ้วนปากในท้องตลาดปัจจุบันมีหลายชนิดและยี่ห้อซึ่งจะมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันไป แต่แท้ที่จริงแล้วการใช้น้ำยาบ้วนปากจะเหมาะกับผู้ป่วยที่มีการพิการทางมือหรือไม่สามารถแปรงฟันได้ปกติ หรือผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดในช่องปาก เช่นผ่าฟันคุด, ผ่าตัดเหงือก น้ำยาบ้วนปากบางชนิดเมื่อใช้ในระยะยาวอาจทำให้ผลแทรกซ้อนตามมาเช่นเกิดคราบฟันดำจากตัวยา ภาวะสมดุลของจุลินทรีย์ในช่องปากเสียไปทำให้จุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดเกิดโรคเพิ่มจำนวนมากผิดปกติ ดังนั้นทันตแพทย์จึงไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาบ้วนปากในคนที่สามารถแปรงฟันได้ตามปกติ


2.การแปรงฟันและการทำความสะอาดบริเวณซอกเหงือก การแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งคือตอนเช้าและก่อนนอน และการแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อจะเป็นสิ่งที่ดีมาก การทำความสะอาดบริเวณซอกเหงือกอุปกรณ์เสริมได้แก่ไหมขัดฟัน,แปรงซอกฟัน,ปุ่มนวดเหงือก,ผ้าก๊อซ,ไม้กระตุ้นเหงือก การที่จะเลือกใช้อุปกรณ์ชิ้นใดขึ้นอยู่กับคำแนะนำของทันตแพทย์ นอกจากนั้นการหลีกเหลี่ยงการทานอาหารจุกจิกระหว่างมื้อและพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้งเพื่อตรวจสภาพฟันและเหงือก


เท่านี้ก็กล่าวคำว่าโรคฟันผุหรือโรคเหงือกก็ได้แถมไม่ต้องร้องเพลงเหงือกจ๋าฟันลาก่อน





ขอบคุณข้อมูลจาก//www.si.mahidol.ac.th




 

Create Date : 30 กันยายน 2552
0 comments
Last Update : 30 กันยายน 2552 8:24:02 น.
Counter : 970 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
30 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.