ปลูกดอกไม้ในฮาเร็ม...เติมเต็มหัวใจให้ชื่นบาน
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
6 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 
มนตร์เพียงรัก ตอน ๓ แก้ไข

ตอน ๓ คุณนักบัญชีคนใหม่





เสียงไก่ขันยามเช้ามืดทำให้มนตราตื่นขึ้นด้วยความแปลกใจ มองไปรอบตัวอย่างงงๆ กับสภาพห้องไม่คุ้นตา ก่อนจะนึกได้ว่าตอนนี้หล่อนไม่ได้อยู่ในห้องนอนของตัวเองที่กรุงเทพฯ ซึ่งไม่เคยเลยที่จะได้ยินเสียงไก่ขัน

มนตราลุกออกจากเตียงหยิบเสื้อคลุมผ้าฝ้ายสีนวลแบบกิโมโนมาสวมแล้วออกจากห้อง มุ่งไปยังเฉลียงบ้าน ภาพไร่เพียงหมอกตอนเช้าคงเป็นอะไรที่สวยงามไม่แพ้ยามเย็นเป็นแน่

ที่ระเบียงกว้างยังไม่สว่าง แต่ก็พอจะมองเห็นเงารางๆ ในแสงสลัว

“ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ” เสียงห้าวๆ ทำให้หล่อนเกือบสะดุ้ง

มนตราหันไปทางรั้วไม้ด้านหนึ่ง เห็นร่างสูงใหญ่ของเจ้าของบ้านยืนโดยให้สะโพกพิงราวไม้ไว้ มือถือถ้วยกระเบื้องเคลือบที่มีไอลอยกรุ่น

“ได้ยินเสียงไก่ขันค่ะเลยตื่น ไม่ยินมานานแล้ว”

ภูหมอกอมยิ้มกับคำพูดของหญิงสาว เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้ร่างโปร่ง ตาพราวขึ้นกับท่ากระชับเสื้อคลุมของหล่อนที่มองยังไงก็ไม่เห็นว่าข้างในจะเป็นชุดวาบหวานอะไร ชุดหล่อนดูเรียบร้อยทีเดียว

“ที่นี่ยังมีไก่ขันให้ฟังครับ ไม่เหมือนในกรุงเทพ”

“นั่นสิคะ...ในกรุงมีแต่ไก่นาฬิกา” มนตราพยักหน้าเห็นด้วย แม้ตัวหล่อนเองจะไม่ค่อยได้ใช้นาฬิกาปลุกเพราะว่าไม่ได้มีความจำเป็นในการตื่นนอนให้เป็นเวลา หล่อนไม่ต้องรีบร้อนออกจากบ้านเพื่อไปทำงานเช่นเดียวกับคนเมืองหลวงส่วนมาก ปกติหล่อนจะใช้เวลากลางคืนทำงาน

“หลับสบายดีไหมครับเมื่อคืน”

“ดีค่ะ...หลับสนิทเลยค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นตอบเพราะว่าคนตั้งคำถามนั้นสูงกว่าหล่อนไม่น้อย ก่อนจะหันไปยังหน้าเรือน สูดลมหายใจลึกได้กลิ่นหอมของดอกไม้กำจาย “แล้วยังอากาศดีมากด้วยค่ะ”

“ครับ ที่นี่อากาศดีทั้งปี มีแต่ปีหลังๆ นี่แหละครับที่ชักไม่ค่อยสู้ดี สงสัยธรรมชาติจะเริ่มเอาคืนที่มนุษย์ทำลายเขาไว้เยอะ”

มนตราหัวเราะเบาๆ กับข้อสันนิษฐานของเขา ซึ่งหล่อนเองก็คิดไม่ต่างกันนัก

“กาแฟไหมครับ...จิบกาแฟชมพระอาทิตย์ยามเช้าก็ไม่เลวนะครับ”

มนตราพยักหน้าทันที เพราะเป็นเครื่องดื่มที่หล่อนโปรดปรานเช่นกัน

ภูหมอกวางถ้วยกาแฟตัวเองลงบนโต๊ะ รินกาแฟในกาซึ่งจันทร์นวลชงไว้ให้ทุกเช้า โดยจัดถ้วยและครีมกับน้ำตาลไว้ครบ เพราะบางทีเขาก็พอจะมีเพื่อนร่วมดื่มบ้างเช่นวันนี้ แต่ดูเหมือนมนตราจะชอบกาแฟดำเช่นเดียวกับเขา

“หอมจังค่ะ” มนตรารับถ้วยมา กลิ่นหอมอบอวลเรียกรอยยิ้มบนริมฝีปากบาง

“เมล็ดกาแฟของบ้านเรา แถบดอยตุงนี่เองครับ คุณภาพไม่แพ้กาแฟจากอเมริกาใต้เลย”

“อืม...วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่ๆ” มนตราพึมพำกับรสเข้มข้นแต่กลิ่นหอมละมุนบ่งบอกถึงคุณภาพตามที่คนข้างๆ รับประกัน

หล่อนไม่ว่าอยู่แล้วว่าเป็นกาแฟจากไหน ขอให้รสชาติและกลิ่นหอมถูกใจก็พอ แต่การที่มีกาแฟดีๆ ที่ปลูกในบ้านเราเอง มนตราก็คิดว่าหล่อนคงจะเป็นลูกค้ารายใหม่แน่ๆ

ภูหมอกอมยิ้มกับท่าทางดื่มด่ำกับกาแฟของมนตรา กาแฟเป็นพืชอีกชนิดในโครงการพัฒนาดอยตุงส่งเสริมให้ชาวเขาปลูก เพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น ในเมื่อมีผลผลิตดีๆ ภายในประเทศก็ไม่จำเป็นต้องซื้อของจากต่างประเภท

เขาลอบมองดวงหน้าใสๆ เสียงของน้องสาวที่โทรศัพท์มาเมื่อคืนยังติดหูเขาอยู่เลย

คำชื่นชมเกี่ยวกับ ‘พี่มนตร์’ ของนุชนารถกับถ้อยรำพันอีกร้อยแปดประการบอกให้เขารู้ว่าน้องสาวของเขาสนิทสนมกับรุ่นพี่สาวคนนี้มากมายนัก

‘พี่มนตร์เป็นคนดีมากค่ะ ทั้งดีทั้งเก่ง พี่ภูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ’ น้ำเสียงเชื่อมั่นของน้องสาวอาจจะทำให้เขาพอจะวางใจงานสำคัญไว้ในมือหล่อนได้ แต่ที่สำคัญคือ ดวงตาระยับคู่นั้นที่แม้จะมีแววเจ้าเล่ห์แสนกลปะปนแต่ก็ไม่มีแววของความกลิ้งกลอกหลอกลวง

สงสัยวันนี้ท้องฟ้าจะสีทองกว่าปกติ ดอกไม้เบ่งบานยามเช้าส่งกลิ่นหอมอบอวลมากขึ้น เขาจึงรู้สึกว่าบรรยากาศของเช้านี้ดูสดใสกว่าทุกวัน

ไม่เกี่ยวกับผู้หญิงร่างโปร่งคนที่เป่าฟลุ้ตได้แสนหวาน

“เมื่อคน...คุณเป่าฟลุ้ตใช่ไหมครับ”

มนตราหันไปทางคนตัวสูงอย่างแปลกใจ

“เอ่อ...ฉันขอโทษค่ะ คราวหลังฉันจะไม่รบกวนอีกแล้ว”

ใบหน้านวลผ่องออกเค้าฉงน

“อ้าว...ทำไมล่ะครับ คุณเป่าเพราะออกนะ ผมเสียมารยาทยืนฟังอยู่ที่นี่ตั้งนาน”

“จริงเหรอคะ...คุณไม่รำคาญนะคะ”

ภูหมอกหัวเราะกับท่าทางกังวลของหล่อน

“ไม่หรอกครับ ผมชอบมาก ถ้าคุณจะกรุณาเป่าให้ฟังบ่อยๆ จะขอบคุณมากครับ”

ไม่รู้ว่าเสียงฟลุ้ตหรืออะไรที่ทำให้เมื่อคืนเขาหลับอย่างง่ายดาย

มนตราพยักหน้ากับน้ำเสียงหนักแน่นของอีกฝ่าย ถ้ามีเวลาว่างหล่อนจะชอบหยิบฟลุ้ตออกมาเป่าเสมอ ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนหล่อนก็มักจะนำติดตัวไปด้วย

ความจริงเครื่องดนตรีอื่นที่หล่อนพอเล่นได้ก็คือเปียโน แต่ด้วยความที่คุณป้าใหญ่ชอบเล่นเปียโนและอยากให้หล่อนดำเนินรอยตาม หล่อนจึงไม่ค่อยสนใจเปียโนเพราะอยากขัดคอคุณป้าใหญ่ จึงหันมาเล่นอย่างอื่นแทน ก่อนจะหลงเสน่ห์เสียงฟลุ้ต

แสงสีทองเริ่มจับขอบฟ้า สองหนุ่มสาวซึบซับความงดงามของแสงแรกแห่งวันด้วยความดื่มด่ำในอารมณ์ ต่างคนต่างจิบกาแฟฟังเสียงนกร้อง ดอกไม้ที่ค่อยๆ แย้มกลีบรับแสงอรุณ สีทองทาบทาบทั่วสรรพสิ่งในโลก



หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวใหม่และรับประทานอาหารเช้าฝีมือนางบัวคำซึ่งทีแรกมนตราจะปฎิเสธเพราะไม่ค่อยกินอะไรหนักท้องตอนเช้า แต่สายตาดุคล้ายกับแม่บ้านของคุณป้าใหญ่กับคำกระซิบของภูหมอกที่บอกว่านางบัวคำจะไม่พอใจมากที่ใครไม่กินข้าวมื้อเช้า และจะงอนไปหลายมื้อทีเดียว

มนตราจึงคิดว่าหล่อนไม่ควรจะขัดใจคนดูแลปากท้องของหล่อน และอีกอย่างข้าวต้มหอมกรุ่นนั่นก็อร่อยไม่น้อย ดูอย่างคนกระซิบบอกหล่อนนั่นก็จัดการไปหลายชามทีเดียว

จากนั้นมนตราก็ตาม ‘เจ้านาย’ ไปยังเรือนสำนักงานที่หล่อนไปพบเขาเมื่อวานนี้ เพื่อเริ่มงานในวันแรก

เมื่อวานมัวแต่งงงวยกับความเข้าใจผิดของภูหมอก จึงทำให้หล่อนไม่ได้สังเกตสำนักงานมากนัก มนตราเลิกคิ้วนิดๆ อย่างแปลกใจเมื่อรู้ว่าคนที่จะทำงานในนี้มีเพียงหล่อนเท่านั้น

“แต่ก่อนผมมีนักบัญชีกับธุรการที่ดูแลด้านเอกสารของไร่อีกคน” ภูหมอกเอ่ยก่อนจะยักไหล่ “พอดีมีเรื่องนิดหน่อยก็เลยต้องหาคนใหม่มา แต่คุณไม่ต้องกังวลนะ ผมให้ลุงโชติหัวหน้าคนงานหาเด็กมาช่วยงานธุรการแล้ว น่าจะภายในวันสองวันนี้”

เรื่องที่ว่าคงเรื่องใหญ่ไม่น้อยทีเดียวหรอกถึงให้คนออกทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คนใหม่มาแทน มนตรานึกอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร หล่อนเดินไปยังโต๊ะทำงานของหล่อน ซึ่งอยู่ข้างหน้ากำแพงกระจกที่กั้นเป็นห้องของภูหมอก และยังมีโต๊ะทำงานอีกสองชุดอยู่ด้านหน้าโต๊ะของหล่อน รวมถึงตู้เอกสารที่อยู่ชิดผนังอีกสองตู้ แต่หน้าต่างหลายบานที่เปิดกว้างรับแสงสว่างและลมเย็นๆ ที่โชยมาเป็นระยะหอบเอากลิ่นดอกไม้หอมๆ เข้ามาก็ทำให้บรรยากาศน่าทำงานไม่น้อย

บนโต๊ะของหล่อนมีคอมพิวเตอร์หนึ่งชุดพร้อมติดตั้งอินเตอร์เนตเรียบร้อย และยังมีแฟ้มเอกสารต่างๆ ทั้งที่วางซ้อนกันบนโต๊ะและในตู้เตี้ยข้างๆ โต๊ะก็เรียงกันเป็นพรืด

“เอ๊ะ...นั่นคุณจะไปไหนคะ” มนตราร้องเมื่อเหลือบไปเห็นว่าร่างสูงใหญ่กำลังจะเปิดประตูอาคารออกไป

ภูหมอกชะงัก หันมาทางหญิงสาวที่ยกแขนขึ้นกอดอกจ้องเป๋งมาทางเขา

“อ้าว...ก็จะเข้าไปดูงานในไร่ไงครับ” คนรักงานในไร่เป็นชีวิตจิตใจตอบ

มนตราแสยะยิ้มกับสีหน้าที่บอกว่าคำถามของหล่อนไม่ได้เรื่อง

“ไม่ต้องเลยค่ะเจ้านาย...คุณต้องอยู่ช่วยฉันสะสางงานก่อน”

“อะไรนะ...” ภูหมอกร้องอย่างงงจริงๆ

รอยยิ้มอย่างมาดร้ายปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบางของมนตรา

คิดจะเอาตัวรอดแล้วให้หล่อนสะสางบัญชีที่ยุ่งเหยิงคนเดียวน่ะเหรอ ไม่มีทางเสียหรอก...

ภูหมอกมองใบหน้าหวานๆ ที่ลวงตา เพราะนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของหล่อนบอกชัดว่าเขาไม่รอดแน่ๆ งานนี้ แค่คิด...ตัวเลขก็แทบจะลอยมาทับเขาตายซะแล้ว





ภูหมอกยังไม่ตาย แต่ก็เกือบๆ ไปอยู่เหมือนกัน เจ้าของไร่หนุ่มจึงยิ้มร่าเมื่อประตูเรือนสำนักงานไร่ถูกเปิดออก เขามองใบหน้าขาวกับแว่นตาหนาๆ ของเอกพงศ์ราวกับเทวดามาโปรด เพราะตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็ถูกมนตรากักไว้ในห้องนี้ไม่ยอมให้ก้าวเท้าออกไปไหนเมื่อหล่อนเริ่มต้นทำงาน

เขายอมรับว่ามนตรามีความสามารถ หล่อนเปิดคอมพิวเตอร์เรียกไฟล์งานแต่ละไฟล์ออกมาดู ตรงไหนที่หล่อนสงสัยหรือมีปัญหาอะไรหล่อนจะถามเขาทันที และจะซักจนกว่าจะได้คำตอบ ชนิดที่น่าสยดสยองจริงๆ ถ้าใครทำผิดให้หล่อนสงสัย

ไม่รู้ว่าปกตินักบัญชีจะใจร้อนและปากกล้าเหมือนหล่อนหรือเปล่า

มนตราทำงานได้เร็วก็จริงแต่งานที่ค้างคาก็เยอะมากทำให้เวลาในตอนเช้าหมดไปอย่างรวดเร็ว

ภูหมอกได้แต่นั่งคอตกอยู่กับแฟ้มตัวเลขมากมายที่หล่อนให้เขาช่วยดูรายละเอียด

“ใกล้จะเที่ยงแล้วนะครับ...หิวข้าวกันหรือยัง” เอกพงศ์ส่งเสียงอย่างร่าเริง พร้อมกับพาตัวเข้ามาในสำนักงาน แล้วก็ต้องเลิกคิ้วกับสายตาของเจ้านายที่มองมาราวกับเขาเป็นพระมาโปรด

“หิว...หิวมากๆ เลยนายแว่น” ภูหมอกแทบกระโดดเข้าไปกอดเอกพงศ์ ถ้าไม่ติดเกรงใจสายตาขุ่นๆ ที่ตวัดมาของคนนั่งหน้ายุ่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์

“หิวอะไรมากมาย...ไม่เห็นได้ใช้แรงงานอะไรเลย” มนตราเปรยเบาๆ การทำงานช่วงเช้าที่ผ่านมาทำให้หล่อนกล้าที่จะแขวะเจ้านายหนุ่ม

ภูหมอกวางตัวง่ายๆ กึ่งเจ้านายกึ่งเพื่อนทำให้หล่อนค่อยโล่งใจกับการทำงาน แต่ยังไม่ทันจะดีใจอะไร ก็ต้องอ่อนใจกับเสียงโอดครวญเป็นระยะ ที่บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ชอบงานเอกสารและตัวเลขเอามากๆ การที่ต้องนั่งอยู่ท่ามกลางแฟ้มที่มีตัวเลขยุ่งเหยิงทำให้ภูหมอกดูเหมือนดอกไม้เฉา

แต่ก็นั่นแหละ...หล่อนต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการจัดการ เพราะแทบต้องรื้อทำใหม่ทั้งหมด เนื่องจากสาเหตุที่หล่อนรู้แล้วว่าทำไมตำแหน่งนี้ถึงว่างลงกะทันหันอย่างนี้

ไร่เพียงหมอกถูกยักยอกเงิน...เป็นตัวเลขที่สูงทีเดียว

ภูหมอกจึงทำให้หล่อนทั้งอ่อนใจปนรำคาญนิดๆ แต่หล่อนก็ปล่อยให้เขาเข้าไปในไร่ตามที่ออดๆ มาตั้งแต่เช้าไม่ได้ การสะสางบัญชีอันยุ่งเหยิงนั้นหล่อนต้องให้ภูหมอกช่วยในการอธิบายที่ไปที่มา รวมถึงรายการผลผลิตและอุปกรณ์การทำไร่ต่างๆ ตามรายการซื้อเข้าขายออก เพราะบางชื่อนั้นหล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร

เล่นเอาอ่อนใจทั้งงานที่สะสางกับเจ้านายที่ต้องขู่ปนปลอบ

เอกพงศ์ยิ้มร่า ขยับแว่นมองหน้ามุ่ยๆ ของเจ้านายอย่างขันๆ เพราะรู้ดีว่าภูหมอกนั้นเกลียดการทำงานในสำนักงานเป็นที่สุด การที่ต้องมานั่งจับเจ่าอยู่กับกองเอกสารเป็นสิ่งทรมานเจ้านายของเขาเป็นอย่างมาก เมื่อวานเจ้านายจึงทำท่าเหมือนได้นางฟ้ามาโปรดกับการที่มนตรามาทำงานให้ แต่ดูเหมือนตอนนี้นางฟ้าจะกลายเป็นนางมารร้ายไปแล้วเสียกระมัง

“ไม่ได้ใช้แรงงาน...แต่ใช้แรงใจคร้าบบบบบ” ภูหมอกลากเสียง แม้จะรู้ว่ามนตราจำเป็นจะต้องอาศัยเขาในการทำงานในช่วงแรกแต่ก็อดไม่ได้ที่จะโอดครวญ

มนตราถลึงตาใส่เจ้านาย

เอกพงศ์หลุดหัวเราะออกมาเพราะกลั้นไม่อยู่กับท่าทางของหญิงสาวกับเจ้านาย ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงส่งค้อนมากกว่าถลึงตาอย่างนี้

“อิ๊ว... ใครใช้แรงใจอะไรเหรอครับ” เสียงห้าวๆ อีกเสียงแทรกขึ้นมา ขณะเจ้าตัวดันประตูด้วยไหล่เข้ามาเพราะว่าในมือมีกล่องใบใหญ่

มนตราตวัดสายตาจากเจ้านายไปยังผู้มาใหม่ คิ้วเรียวเลิกน้อยๆ กับใบหน้าคร้ามรูปสี่เหลี่ยมด้วยกรามขึ้นสัน สีผิวเข้มๆ กับรูปร่างที่ไม่สูงนักแต่ล่ำสันทำให้หล่อนอดนึกถึงนักมวยไม่ได้

“อ้าว...กลับมาแล้วเรอะ กรานต์” ภูหมอกไม่ตอบแต่ย้อนถามยิ้มๆ

“ไม่กลับแล้วจะเห็นได้ไงครับเจ้านาย” สงกรานต์ตอบกลับด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมผิดกับคำพูดและสีหน้า แล้วก็ต้องรีบเดินเลี่ยงรัศมีเท้าของเจ้านาย

“ก็นึกว่ามาแต่วิญญาณ เดี๋ยวจะเตะส่งกลับร่างให้” ภูหมอกเอ่ยเสียงเหี้ยมๆ

สงกรานต์ทำปากจู๋ เกรงกลัวอย่างเสแสร้ง

“โอย...ไม่ต้องลำบากเจ้านายหรอกครับ มาทั้งร่างทั้งวิญญาณแล้วครับ โอ๊ะ...” ตอบเจ้านายแล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นหญิงสาวแปลกหน้านั่งอยู่ในห้อง “เดี๋ยวนี้ไร่เรามีนางฟ้าด้วยเหรอครับเนี่ย”

เอกพงศ์ส่ายหน้ากับท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยของเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย

“นางฟ้าใจร้ายต่างหาก” ภูหมอกพึมพำ แต่ดูเหมือนนางฟ้าใจร้ายจะมีหูทิพย์จึงตวัดสายตามาที่เจ้านาย ริมฝีปากโปรยยิ้มหวานอย่างน่ากลัวในความรู้สึกของสามหนุ่ม

“ว่าอะไรนะคะ...เจ้านาย”

ภูหมอกยิ้มแหยๆ กับใบหน้าอิ่มหวานที่ดูมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านอย่างไรชอบกล ก่อนจะโบกมือ

“ไม่มีอะไรครับ ใครจะกล้ามีอะไร” ประโยคหลังอุบอิบอยู่ในลำคอ

“ตกลง...ไม่มีใครบอกผมใช่ไหมเนี่ย” สงกรานต์ประท้วง “งั้นผมทำความรู้จักกับนางฟ้าเองก็ได้” ว่าแล้วก็รีบวางกล่องกระดาษที่หอบมาด้วยบนโต๊ะว่างๆ สืบเท้าเข้าหาหญิงสาวพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

“ผมชื่อสงกรานต์ครับ...หนุ่ม ก.ท.ม. รอรักแท้ ชีวิตไม่เคยแพ้อะไร มีแพ้แค่รอยยิ้มของนางฟ้า ไม่ทราบว่าชื่ออะไรเหรอครับ”

เสียงโอ้กอ้ากสองเสียงประสานกันทำให้หนุ่ม ก.ท.ม. ตวัดตาขุ่นๆ ไปทางเพื่อนสนิทกับเจ้านาย แล้วหันมาทางหญิงสาวที่กลั้นยิ้มไม่ได้

“มนตราค่ะ...เรียกมนตร์ก็ได้”

“โอ...ชื่อเพราะ เหมาะกับความน่ารักของคุณเลยครับ”

เสียงโห่ฮาดังประสานขึ้นอีกแต่สงกรานต์ก็ไม่สนใจ

“อย่าไปสนใจเสียงนกเสียงกาเลยครับ พวกนี้ชอบอิจฉาในความหล่อของคน ก.ท.ม. อย่างผม”

“กลางทุ่งมหาสารคามน่ะสิ บอกมาได้ ไม่ดูหน้าเหลี่ยมๆ กรามๆ ของตัวเองซะเลย คุณมนตร์อย่าไปเชื่อมันมากครับ อีกอย่างเจ้ากรานต์น่ะเมียสองลูกสี่แล้ว” เอกพงศ์อดไม่ได้ที่จะขัดคอเพื่อนสนิทที่ลอยหน้าลอยตาจีบสาวต่อหน้าไม่ได้

“เฮ้ย... ไอ้เพื่อนทรยศ อย่าไปเชื่อมันครับคุณมนตร์ มันใส่ร้ายผม”

มนตราหัวเราะคิกคักกับเจ้านายและลูกน้องทั้งสามที่นิสัยไม่ได้ต่างกันเลย คำพูดคำจาราวกับแกะออกมาจากบล็อกเดียวกัน ไร่เพียงหมอกช่างหล่อหลอมได้ดีจริงๆ

“ตกลงค่ะ... มนตร์เชื่อแล้วว่าพวกคุณทุกคนเมียสี่ลูกสองกันแล้ว” หล่อนกลับตำแหน่งครอบครัวให้เสียเลย

“เฮ้ย...ไม่ใช่ครับ” สามหนุ่มประสานเสียงพร้อมกัน



มนตรายอมปล่อยเจ้านายเพราะว่าเป็นเวลาเที่ยงอย่างที่เอกพงศ์มาตาม งานยุ่งๆ ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภูหมอกจึงชวนทุกคนกลับไปกินข้าวเที่ยงที่เรือนใหญ่โดยโทรศัพท์ไปบอกให้นางบัวคำรู้แล้วว่าจะมีสมาชิกมื้อกลางวันเพิ่ม

เสียงหัวเราะดังประสานกันตลอดเวลาทำให้นางบัวคำซึ่งคอยดูแลโต๊ะอาหารเองอมยิ้ม นางเป็นแม่บ้านมาตั้งแต่ที่บิดามารดาของภูหมอกยังมีชีวิตอยู่ นางรักและเอ็นดูภูหมอกกับน้องสาวเหมือนเป็นลูกหลาน เช่นเดียวกับสองหนุ่มที่มาทำงานในไร่ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษามาฝึกงาน จนกระทั่งเรียนจบแล้วบิดาของภูหมอกชักชวนให้มาทำงานที่ไร่ต่อ

นางเหลือบมองหญิงสาวที่หัวเราะเสียงดังอย่างไม่มีจริตมารยาอย่างนึกชอบใจเช่นกัน ได้ข่าวว่ามนตราเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยเดียวกับคุณนุชนารถซึ่งท่าทางจะสนิทกันอยู่ไม่น้อย เพราะคุณหนูคนเล็กของนางโทรศัพท์มาฝากฝังให้นางช่วยดูแลรุ่นพี่สาวคนนี้อย่างดี

ส่วนการที่ได้นักบัญชีคนใหม่มาช่วยงานคงทำให้คุณภูหมอกของนางคงหายปวดหัวได้บ้าง เพราะคุณน้องนั้นก็ต้องไปดูบริษัทที่กรุงเทพฯ คงอีกสักพักถึงจะกลับบ้าน

ดวงหน้าใสๆ ไร้การเติมแต่งยกเว้นลิปสติกแบบมันเคลือบไม่ให้ริมฝีปากแห้ง แม้จะอายุมากกว่าคุณนุชนารถแต่เพราะดวงตากลมโตสดใสที่ทำให้ดูเยาว์วัย นางนึกชอบใจแววตาที่ดูทันคนของคุณนักบัญชีคนใหม่อย่างมาก

ผู้หญิงที่สามารถอยู่ในวงสนทนาของผู้ชายปากจัดอย่างสามหนุ่มที่นางรู้จักดีนี้ได้ ก็คงไม่ใช่ธรรมดาเหมือนกัน

“เป็นไงบ้างคะคุณ พอจะทานได้ไหมคะ”

มนตรายิ้มกว้างกับคำถามของแม่บ้านใหญ่

“โอ๊ย... พอทานได้ที่ไหนคะ มนตร์ไม่เคยกินขนมจีนน้ำเงี้ยวที่ไหนอร่อยอย่างนี้มาก่อนเลย มนตร์ว่าจะไม่พอทานมากกว่าสิคะ”

ภูหมอกหัวเราะกับคำตอบของหญิงสาวซึ่งทำให้นางบัวคำยิ้มแป้น มนตราได้ใจนางบัวคำไปยกใหญ่ทีเดียว แต่ดูจากขนมจีนที่หมดไปสองจานของมนตราก็บอกได้ว่าหล่อนไม่ได้แค่แกล้งชม

แต่ว่า...ดูจากท่าทางปลาบปลื้มกับคำตอบแล้ว สงสัยเขาจะได้กินขนมจีนน้ำเงี้ยวอีกหลายมื้อแน่ เพราะอย่าได้ชมว่าทำอะไรอร่อยเชียว นางบัวคำจะทำให้กินอีกหลายๆ มื้อจนเบื่อกันไปข้างทีเดียว และข้างที่เบื่อมักจะเป็นข้างคนกินมากกว่าคนทำ

“ว่าแต่ไปอบรมเที่ยวนี้เป็นยังไงบ้าง” ภูหมอกถามสงกรานต์ที่เพิ่งกลับจากการอบรมเรื่องการปลูกผักเมืองหนาวที่มหาวิทยาลัย ซึ่งสงกรานต์ดูแลส่วนนี้

คนถูกถามรีบกลืนขนมจีนคำใหญ่ลงคอก่อนจะฉวยแก้วน้ำมาจิบ

“เยี่ยมเลยครับ มีวิทยากรจากโครงการหลวงมาแนะนำเทคนิคใหม่ในการเพิ่มผลผลิตของการปลูกผักไฮโดรโฟรนิกส์ ผมคิดว่าไร่เราก็น่าจะทำได้ ลงทุนไม่สูงเลยครับ แล้วยังมีผักอีกหลายอย่างที่ทางโครงการหลวงแนะนำให้ปลูกเพิ่มเติมอีก”

ภูหมอกพยักหน้าอย่างสนใจ และซักถามรายละเอียดซึ่งสงกรานต์ก็ตอบอย่างกระตือรือร้น

มนตรายิ้มกับคำอธิบายอย่างละเอียด บ่งบอกความจริงจังและความเอาใจใส่ในงานของหนุ่มจากกลางทุ่งมหาสารคามที่ตอนแรกเอาแต่ขยันปล่อยมุกน้ำเน่าๆ ไม่แพ้ละครซิตคอมยอดนิยมต่างๆ

เช่นเดียวกับเอกพงศ์ก็ร่วมซักไซ้และออกความเห็นอย่างจริงจังเช่นกัน ทำให้หล่อนรู้แล้วว่าทำไมไร่เพียงหมอกถึงมีผลผลิตที่มีคุณภาพออกมามาย

การเอาใจใส่ในการหาความรู้เพิ่มเติมในการพัฒนาการผลิต เป็นหนึ่งในหัวใจที่ทำให้เกิดความก้าวหน้า

อาหารมื้อเที่ยงนอกจากอร่อยแล้วหล่อนยังได้ความรู้เพิ่มเติมอีกหลายอย่าง

ก็ไม่เลวนักหรอกกับการทำงานที่นี่

มนตราเหลือบมองใบหน้านวลผ่องกับนัยน์ตาสีนิลที่แปล่งประกายแวววาวเอาจริงเอาจังกับเรื่องงานของไร่อย่างครุ่นคิด

บุคลิกของภูหมอกดูน่าสนใจทีเดียว



.................................................................................................






Create Date : 06 ธันวาคม 2549
Last Update : 21 พฤษภาคม 2550 12:39:49 น. 5 comments
Counter : 1222 Pageviews.

 
แวะมาอ่านค่ะพี่ฬี ต่อไปนี้คงจะอ่านที่นี่แล้วล่ะค่ะ อิอิ


โดย: DaLaTTa วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:15:07:57 น.  

 
เหมือนคุณ DaLaTTa เลยค่ะ ต่อไปนี้คงจะตามมาอ่านที่นี่เลย โผล่มา 3 หนุ่มแล้ว ไม่ทราบว่าเรื่องนี้จะมีหนุ่ม ๆ ในคอลเล็กชั่นกี่คนดีจ๊ะ


โดย: คนชอบนิยาย IP: 203.154.208.12 วันที่: 6 ธันวาคม 2549 เวลา:15:40:26 น.  

 
คู่แข่งหลายคนจัง แต่ก็คิดว่าต้องไม่เครียดอยู่แล้ว เพราะเป็นสไตร์ของฬีฬานิ


โดย: ngek IP: 203.144.220.252 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:18:05:31 น.  

 
คุณฬีฬาแต่งสนุก


โดย: เพต IP: 110.49.225.13 วันที่: 24 มีนาคม 2555 เวลา:14:39:30 น.  

 
ถึงเริ่มมาจะไม่ได้อ่านตั้งแต่ตอน 1 แต่ก็จะอ่านที่คุณฬีลงไว้ทุกตอนค่ะ
และจะซื้อหนังสือด้วยคะ ไม่อ่านฟรีแน่นอน อิอิอิ


โดย: arso IP: 27.130.90.123 วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:11:48:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอกไม้ของฬีฬา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 84 คน [?]




จิบกาแฟ...อ่านนิยาย...ชมดอกไม้...ในสวนสวย
Friends' blogs
[Add ดอกไม้ของฬีฬา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.