ปลูกดอกไม้ในฮาเร็ม...เติมเต็มหัวใจให้ชื่นบาน
Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
มนตร์เพียงรัก ตอน ๖ แก้ไข

ตอน ๖ ...อริสา...





มนตราถือกระถางดินเผาเล็กๆ มีดอกเดซี่สีขาวกำลังบานเข้ามาในเรือนสำนักงานพลางฮัมเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดีในเช้าสดใส เมฆฝนเมื่อวานหายไปจากท้องฟ้าราวกับไม่เคยมีอยู่ แสงแดดสาดส่องทั่วทุกทิศถ้าไม่ใช่หน้าหนาวแล้วอากาศคงร้อนระอุ

“อ้าว...ขวัญมาเช้าจัง” หญิงสาวทักเด็กสาวที่นั่งอยู่ก่อน “สวัสดีจ้ะ” หล่อนรับไหว้แล้วยิ้มให้กับรอยเขินๆ บนดวงหน้าอ่อนเยาว์

“ต้นอะไรคะ...น่ารักจัง” ขวัญใจถามเบาๆ โดยนิสัยของหล่อนแล้วไม่ค่อยกล้าคุยอะไรกับใครนัก หล่อนชอบอยู่เงียบๆ ไม่ค่อยชอบที่คนเยอะๆ พอเรียนจบแล้วพ่อแม่ก็เลยเป็นห่วงไม่กล้าให้เข้าไปเรียนต่อในเมือง โชคดีที่ลุงโชติฝากงานให้ ถ้าหล่อนได้ทำงานที่นี่ประจำเลยก็คงดี เพราะคนในละแวกนี้รู้ว่าไร่เพียงหมอกใหญ่โตแล้วก็ดูแลคนงานดี ใครไม่อยากเข้าไปทำงานในเมืองต่างก็มาทำงานที่นี่

“ต้นเดซี่จ้ะ ฉันอยากได้ต้นไม้เล็กๆ มาวางที่โต๊ะ ลุงโชติก็เลยหาเจ้าต้นนี้ให้ กำลังออกดอกพอดีเลย” มนตราอธิบายพลางจัดตำแหน่งกระถางเดซี่บนโต๊ะทำงาน “ขวัญชอบไหม หรือจะเอาดอกอะไร รู้สึกที่นี่จะมีเยอะไปหมด”

รอยยิ้มเขินๆ ปรากฏบนดวงหน้าหวาน ขวัญใจชอบดอกไม้เหมือนกันแต่ไม่ค่อยรู้จักดอกไม้ชื่อฝรั่งเท่าไร เห็นบานเต็มไร่ไปหมด

“จริงๆ แล้วเราน่าจะเข้าไปดูนะเนี่ยว่าในไร่ทำอะไรกันบ้าง ท่าทางน่าสนุก” มนตราเปรย “แต่ว่าตอนนี้เรามาดูกันดีกว่าว่ามีงานอะไรบ้างเช้านี้”

สองสาวเริ่มต้นทำงานอย่างร่าเริง ด้วยบรรยากาศสดใสทำให้ตัวเลขต่างๆ ไม่น่าชวนปวดศีรษะอย่างเช่นทุกวัน แต่นอกจากงานชำระสะสางบัญชีของไร่แล้ว ดูเหมือนภูหมอกจะใจดีแถมงานธุรการให้หล่อนเพิ่มอีกอย่าง

ถ้าไม่ได้ขวัญใจมาช่วย...มีหวังท่านเจ้าของไร่คงไม่ได้ออกไปโลดแล่นอยู่กลางไร่หรอก

มนตราคิดอย่างหมั่นไส้เจ้าของไร่หน่อยๆ งานธุรการส่วนใหญ่จะอยู่ที่สำนักงานในเมืองซึ่งหล่อนรู้มาว่ามีผู้จัดการเป็นเครือญาติกับภูหมอกนั่นแหละดูแลอยู่ ส่วนเจ้าตัวนั้นเข้าไปดูงานหรือเซ็นเอกสารสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง หรือถ้าด่วนมากๆ ก็จะมีคนเอาเอกสารมาที่ไร่

ส่วนสำนักงานที่ไร่นี้จะดูแลเกี่ยวกับคนงานในไร่ โดยเฉพาะเรื่องเงินเดือนและกองทุนของไร่ที่สามารถให้คนงานกู้ยืมได้ซึ่งเป็นสวัสดิการพิเศษของไร่ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ในไร่เพียงหมอก

เงินที่ผ่านไร่เพียงหมอกจึงมีจำนวนไม่น้อย ซึ่งล่อกิเลสคนไม่ซื่อสัตย์ได้ง่าย

ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เป็นงานจิปาถะ เช่น ออร์เดอร์สินค้าซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากสำนักงานในเมืองเป็นผู้รวบรวมแล้วแฟกซ์มาให้

เป็นอันว่างานนี้ไม่เหลือมือหล่อน แต่ก็ใช่ว่ามนตราจะสบายใจนัก เพราะรู้ว่าตัวเองไม่สามารถทำงานที่นี่ได้ตลอดไป หล่อนยังมีอะไรอย่างอื่นรออยู่

ก็จุดประสงค์ที่หล่อนเดินทางขึ้นเหนือมาครั้งนี้อย่างไร



“สาวๆ ครับ เที่ยงแล้ว พักทานข้าวกันได้แล้วครับ” เอกพงศ์ส่งเสียงร่าเริงตั้งแต่ผลักประตูสำนักงานเข้ามา โดยมีเพื่อนสนิทตามมาติดๆ

มนตราเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ ยิ้มกว้างตอบสองหนุ่ม

“เที่ยงแล้วเหรอคะเนี่ย เร็วจัง”

“ปิดคอม ปิดไฟ ไปทานข้าวกันดีกว่าครับ ได้ข่าวว่าวันนี้ป้าคำแกผัดข้าวซอยสูตรเด็ดของแกด้วย” สงกรานต์ชักชวนพลางจะเข้าไปช่วยหญิงสาวแต่ถูกเพื่อนสนิทรู้ทันยืนดักไว้ก่อน

“ไม่ต้องถือโอกาสเลยพวก”

มนตราหัวเราะกับท่าทางเขม่นกันของสองหนุ่ม หล่อนพอมองออกว่าสงกรานต์กับเอกพงศ์ทำเป็นหมาหยอกไก่กับหล่อนไปอย่างนั้นเอง และหล่อนก็ชอบที่เขาเป็นเพื่อนมากกว่า

จริงๆ แล้วก็ยังไม่เคยมองผู้ชายคนไหนมากเกินกว่าคำว่าเพื่อน

มนตรายอมรับว่าตัวเองต้องการความเป็นส่วนตัวสูง มีโลกของตัวเองมากเกินไปจนบางครั้งแทบจะลืมคนอื่นในโลกไปเลย แล้วจะมีใครคนไหนไหมที่จะทนกับสภาพนี้ได้

อาจจะมี...แต่หล่อนยังไม่พบ

“ได้ค่ะ ขอเวลาปิดคอมแป๊บ” หล่อนหันไปทางเด็กสาว ที่นั่งโต๊ะข้างๆ หล่อน “ไปขวัญไปกินข้าวกัน”

เด็กสาวได้แต่พยักหน้ายิ้มๆ ไม่เอ่ยอะไร

“ว่าแต่...เจ้าข้าวซอยผัดนี่เป็นยังไงเหรอคะ”

“เดี๋ยวก็รู้ครับ” เอกพงศ์หลิ่วตา





นางบัวคำยิ้มกว้างเมื่อข้าวซอยผัดถาดใหญ่ของแกหมดไปอย่างรวดเร็ว สำหรับสองหนุ่มนั่นนางรู้อยู่แล้วว่ากินเก่ง แต่ก็ไม่นึกว่าสองสาวจะกินเก่งไม่แพ้กัน

“อร่อยมากเลยค่ะป้าคำ มนตร์เพิ่งรู้ว่าเอาข้าวซอยมาผัดได้ด้วย” สูตรเด็ดของป้าคำคือเอาเส้นข้าวซอยมาผัดคล้ายกับผัดหมี่ซั่วแต่ปรุงแบบผัดไทย เรียกว่าเป็นลูกผสมที่ออกมาแล้วทำให้หล่อนกินไปถึงสองจาน ขณะที่สองหนุ่มหมดกันไปคนละสามจานที่แต่ละจานเท่ากับจานครึ่งของหล่อน

“ถ้าชอบเดี๋ยวป้าทำให้ทานอีกค่ะ”

“โอย...แบบนี้มนตร์อ้วนเป็นตุ่มแน่เลย กินแต่ของอร่อยๆ ทุกวัน”

“อุ๊ย...ไม่หรอกค่ะ มีเนื้อมีหนังนิดหน่อยกำลังสวยค่ะ พวกผอมๆ แห้งๆ น่ะไม่เห็นจะสวยเลย” นางบัวคำค้านอย่างอารมณ์ดี “ขวัญเองก็กินเยอะๆ นะ จะได้ตัวโตๆ กับเขาบ้าง” นางหันไปทางเด็กสาวที่มาใหม่ แม้จะยังไม่คุ้นเคยแต่ก็รู้สึกถูกชะตากับท่าทางสงบเสงี่ยมของเด็กสาว โดยเฉพาะเมื่อขวัญใจกุลีกุจอช่วยงานนางยิ่งพอใจใหญ่

“เสียดาย นายภูไม่ได้กินของอร่อย” เอกพงศ์เอ่ยพลางลูบท้องเบาๆ “มัวแต่ตะลอนๆ ตากแดดอยู่กลางไร่ อดของอร่อยแบบพวกเราเลย”

“ใช่ๆ มีของอร่อยๆ แล้วยังมีเพื่อนกินสวยๆ สวรรค์แท้ๆ ใช่ไหมครับคุณมนตร์”

มนตราหัวเราะที่สงกรานต์แอบมาหยอดขายขนมจีบหล่อนได้ทุกที

“คุณกรานต์เขาชมว่าขวัญสวยแน่ะ ตาถึงจริงๆ นะเนี่ย” หล่อนหันไปทางเด็กสาวแล้วเย้าเล่น หลิ่วตาให้เจ้าของคำชมที่ทำหน้าปูเลี่ยนๆ กับอาการหน้าแดงของเด็กสาว

“เจ้านายของเรานี่รักไร่เหลือเกินนะคะ อยู่ในไร่ได้ทั้งวัน” หล่อนเปรย

“นั่นล่ะครับนายภู...แต่ว่าก็ไม่เสมอไปนะครับ มีบางทีเหมือนกันที่นายภูกระเจิงออกจากไร่ได้”

มนตราเลิกคิ้วกับคำพูดของเอกพงศ์ โดยเฉพาะเมื่อสงกรานต์ผสมโรงหัวเราะด้วย





แล้วตอนบ่ายแก่ๆ นั้นเองมนตราได้เห็นคนรักไร่สุดชีวิตหนีกระเจิงออกจากไร่เข้ามาซ่อนตัวในสำนักงานที่เขาแทบไม่เฉียดใกล้ถ้าไม่จำเป็น สองสาวได้แต่มองอย่างแปลกใจกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของเจ้านายหนุ่ม

“ถ้ามีคนมา บอกว่าผมไม่อยู่นะคุณมนตร์” ภูหมอกเอ่ยรัวเร็วก่อนจะเผ่นเข้าไปในส่วนของห้องทำงานของเขาซึ่งกั้นด้วยกำแพงกระจกแล้วดึงม่านบังตาลง ไม่ให้เห็นว่ามีคนอยู่ข้างใน

สองสาวได้แต่อ้าปากค้าง มองหน้ากันอย่างแปลกใจ

ไม่ทันได้สงสัยนานทั้งสองก็ได้รู้ว่าทำไม เจ้านายถึงมีอาการอย่างนั้น

“คุณภูหมอกอยู่ที่นี่ใช่ไหม” เสียงหวานๆ ทว่าติดเกรี้ยวกราดทำให้ไม่น่าฟังนักในความรู้สึกของคนฟังดังมาก่อนที่ร่างผอมบางราวกับนางแบบผุดจากแคตตาล็อกจะผลักประตูเข้ามาในสำนักงาน

มนตราผุดยิ้มน้อยๆ เมื่อพอจะนึกออกว่าหญิงสาวหน้าตาสวยแต่งหน้าจัดราวกับจะไปงานแฟนซี ผิวขาวนวลแบบชาวเหนือทว่าเรือนร่างนั้นออกจะผอมบางไปหน่อย น่าจะเป็นใคร

“นี่...ฉันถามว่าคุณภูอยู่ที่นี่ใช่ไหม ไม่ได้ยินกันหรือยังไง”

คนที่ทำให้หล่อนได้ประกันชีวิตเป็นสวัสดิการเพิ่มเติม

มนตราลุกขึ้นช้าๆ เหลือบตามองไปยังห้องกระจกด้านหลังของหล่อน แล้วยิ้มหวาน

“ใช่ค่ะ...นายภูอยู่ข้างในค่ะ”

ขวัญใจสะดุ้งเฮือกกับคำตอบของหญิงสาวรุ่นพี่ หล่อนเบิกตาโตเพราะเมื่อกี้นายภูเพิ่งบอกว่าไม่ให้บอกใครว่าอยู่ในห้อง

อริสาพยักหน้าอย่างพอใจกับคำตอบ

“อืม...ดี ขอบใจ” สาวสวยกำลังจะก้าวผ่านหน้ามนตราก็ชะงักน้อยๆ “เอ๊ะ...ฉันรู้จักเธอมาก่อนหรือเปล่า ฉันคุ้นๆ นะ”

มนตรายิ่งฉีกยิ้ม

“คงจะไม่ล่ะมังคะ ดิฉันเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่”

คิ้วเรียวที่เขียนไว้สวยขมวดน้อยๆ ก่อนจะคลาย

“อืม...งั้นก็แล้วไป” ขณะกำลังจะผลักประตูกระจกอริสาหันมาอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้น...ก็รู้ไว้นะ ว่าฉัน...อริสา แฟนของเจ้านายเธอ”

มนตรายกมือขึ้นปิดปากไม่ให้เสียงหัวเราะรอดออกมาเมื่อสาวสวยผลักประตูเข้าไปข้างในแล้ว

“เอ่อ...ไม่เป็นไรเหรอคะพี่มนตร์” ขวัญใจถามอย่างขยาด มองไปทางห้องที่ถูกปิดประตูไว้อย่างกังวล

“ไม่เป็นไรหรอกน่า...นั่นน่ะแฟนเจ้านายนะ เราจะโกหกได้ยังไง”

เด็กสาวอ้าปากแล้วก็หุบฉับ เมื่อได้ยินประโยคถัดไป

“อีกอย่าง...แกล้งนายภูเล่นก็สนุกดี”




มนตราฮัมเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดีเมื่อออกมาจากห้องน้ำ หล่อนทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สบดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววขบขันในกระจกเมื่อนึกถึงตอนที่เจ้านายหนุ่มเดินออกมาจากห้องหลังจากสาวสวยเข้าไปหาได้สักพัก

หล่อนยังจำแววตาสีนิลประกายอาฆาตหน่อยๆ ได้เมื่อภูหมอกปรายตามาทางหล่อน มนตรายิ้มหวานขณะขวัญใจก้มหน้างุด แล้วภูหมอกกับอริสาก็ออกจากไร่เพียงหมอกไป จนป่านนี้...

มนตราเหลือบมองนาฬิกาที่หัวตียง... หกโมงเย็นแล้ว

เมื่อใช้ผ้าขนหนูซับน้ำจนหมาดแล้วมนตราก็ปล่อยผมสยายเพื่อให้แห้งเอง หล่อนไม่ค่อยชอบเป่าผมด้วยความร้อน แต่กว่าผมยาวๆ ของหล่อนจะแห้งสนิทก็ใช้เวลานาน

ร่างสูงโปร่งลุกจากหน้าโต๊ะเครื่องแป้งมายังโต๊ะข้างหน้าต่าง สายตาบนโต๊ะหนังสือ หลังจากวันแรกที่มาถึงไร่เพียงหมอกข้าวของยังวางอยู่เช่นเดิมทั้งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและกระดาษปึกใหญ่

มนตราก้าวช้าๆ แล้วนั่งลง หยิบปากกาขึ้นอีกครั้ง



เสียงเคาะประตูทำให้มนตราเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายอย่างพึงพอใจอะไรบางอย่าง รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าอิ่ม

“คุณมนตร์คะ นวลตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วค่ะ” จันทร์นวลโผล่ขึ้นที่ประตูห้อง รอยยิ้มกว้างของเด็กสาวทำให้คำที่จะเอ่ยปฏิเสธถูกกลืนลงไปในลำคอ

มนตรายอมวางปากกา ขยับตัวลุกขึ้นแล้วออกจากห้องไปพร้อมกับเด็กสาวด้วยอารมณ์ชื่นมื่นเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือน

“วันนี้คุณมนตร์ต้องทานคนเดียว คุณแว่นกับคุณกรานต์ไปกินข้าวกับคนงานทั้งคู่ เหงาหน่อยนะคะ” จันทร์นวลเอ่ยขึ้น จมูกเชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเอ่ยประโยคถัดไป “ฝนไม่น่าหายเลย ยายคุณอริสาเลยมาฉกตัวนายภูเข้าเมืองไปจนได้”

“แหม...คนเป็นแฟนกัน เขาก็ต้องคิดถึงกันเป็นธรรมดาจ้ะ”

“โอ๊ย...คุณมนตร์พูดอะไรอย่างนั้นคะ” จันทร์นวลตาโต “นายภูยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักหน่อย”

“อ้าว...ก็เห็นคุณอริสาเธอบอกว่าเป็นแฟนนายภูนี่ ฉันไม่ได้หูหนวกนา”

“อุ๊ย...ทึกทักเอาเองสิคะ เห็นนายภูใจดีด้วยหน่อย ก็เกาะติดหนึบยิ่งกว่าตุ๊กแก”

มนตราหัวเราะกับท่าค้อนของเด็กสาวซึ่งทำราวกับว่าคนที่พูดถึงอยู่ตรงหน้า หล่อนไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างภูหมอกกับอริสาเป็นอย่างไร แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าติดตามเหมือนกัน

หล่อนรู้สึกเหมือนกำลังอ่านนิยายสนุกๆ อยู่สักเรื่อง





รถโฟร์วิลคันใหญ่แล่นเข้ามาจอดหน้าเรือนใหญ่ คนขับก้าวลงจากรถแล้วเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีนิลเปล่งประกายขึ้นแม้ในแสงสลัวเมื่อเห็นแสงไฟในห้องปีกตรงข้ามกับห้องของเขา

เมื่อตอนบ่ายเขาอยากเข้าไปบีบคอสวยๆ ของมนตรานักที่บอกอริสาว่าเขาอยู่ในห้อง เขารู้ว่าหล่อนแกล้งเขา ประกายแพรวพราวในดวงตาของหล่อนบอกว่าสนุกกับสถานการณ์ของเขานัก

เขากับอริสารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพราะบิดามารดารู้จักกัน เขากับพี่ชายของหล่อนก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันมาตั้งแต่ประถม เพื่อนที่ไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไรเพราะนิสัยชอบอวดเบ่งด้วยอิทธิพลของบิดาซึ่งเป็นผู้กว้างขวางอีกฝ่าย

เมื่อก่อนเขากับอริสาก็ไม่ได้สนิทกันมาก แต่หลังจากอริสากลับจากเรียนต่อต่างประเทศเมื่อสองปีที่ผ่านมา หล่อนก็พาตัวมาสนิทสนมกับเขา

ใช่ว่าภูหมอกจะไม่รู้ว่าหล่อนคิดอะไร เขาไม่ได้คิดอะไรกับหล่อนเกินเลย มีเพียงคำว่าสุภาพบุรุษเท่านั้นที่ทำให้เขาไม่ปฏิเสธหล่อนอย่างรุนแรง แต่เขาก็แสดงออกเสมอว่าไม่ต้องการอย่างที่หล่อนอยากให้เป็นไป ทว่ายิ่งแสดงอริสาก็ยิ่งไม่ยอมรับจนเขาอ่อนใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

วันนี้หล่อนก็พยายามหว่านล้อมให้เขาไปรับประทานอาหารกับหล่อนให้ได้ เขาต้องยอมไปเพราะไม่อย่างนั้นหล่อนจะเซ้าซี้ไม่หยุด

จริงๆ แล้วเพราะมนตรานั่นแหละ เขาอุตส่าห์หลบออกจากไร่ทันแล้ว แต่หล่อนกับบอกอริสาหน้าตาเฉยว่าเขาอยู่ในห้อง

เขามองแสงไฟแล้วเผยอยิ้ม ดวงตาคมเปล่งประกาย

ต้องให้รู้เสียบ้าง...ว่าใครเป็นใคร




Create Date : 19 มกราคม 2550
Last Update : 21 พฤษภาคม 2550 12:45:36 น. 7 comments
Counter : 1280 Pageviews.

 
น่าสงสารคุณภูจัง ...อิ...อิ...อิ....


โดย: aewwor IP: 124.157.136.185 วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:13:00:03 น.  

 
แล้วนายภูจะเอาคืนคุณมนตร์ยังไงคะเนี่ย
อย่าเอาคืนแรงน้า

อยากรู้จริงๆ รอตอนต่อไปนะคะ


โดย: bearcondo วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:14:20:24 น.  

 

เย้ย...สาวมนตร์ของเราไปทำแหย่หนวดเสือเสียแล้วสิ


โดย: DaLaTTa วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:17:16:47 น.  

 
พี่ฬีอะ ใจร้าย ชอบมาทำให้อยากแล้วก็จากไป โอ้ยๆๆ อยากรู้อยากรู้....


โดย: หนมผิง IP: 124.120.83.227 วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:19:01:50 น.  

 
ตามมาลุ้น มาเชียร์ (เอะผิดงานป่าวเธอ) ค่ะ อย่าทำกับหนูแบบนี้นะ มาลงต่อเลยด้วย


โดย: คนชอบนิยาย IP: 203.154.208.12 วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:15:24:24 น.  

 
คุณภูจะไปแกล้งอะไรได้ แค่นางเอกแกล้งงอนนิดเดี๋ยว สงสัยรีบง้อจนไม่รักษาฟอร์ม


โดย: ngek IP: 203.144.220.252 วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:17:27:58 น.  

 
555 สะใจได้แกล้งคุณภูอ่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักอีกเรื่องคะ


โดย: arso IP: 27.130.90.123 วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:12:54:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอกไม้ของฬีฬา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 84 คน [?]




จิบกาแฟ...อ่านนิยาย...ชมดอกไม้...ในสวนสวย
Friends' blogs
[Add ดอกไม้ของฬีฬา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.