พะนอขวัญ บทที่ ๑๗
Serenade ทันทีที่เปิดประตูห้องในคอนโดมิเนียมเข้ามาน่านฟ้าก็ได้ยินเสียงเปียโนเซเรเนดของคีตกวี Franz Schubert ริมฝีปากที่กำลังจะยิ้มกลับต้องชะงักเพราะท่วงทำนองอ่อนหวานแสนโรแมนติกนั้นกลับแฝงด้วยความรู้สึกเดียวดายและหม่นเศร้าของผู้ถ่ายทอดมันออกมา น่านฟ้าปิดประตูแผ่วเบาเดินแบบไร้เสียงต่อมายังห้องโถงกว้างซึ่งเป็นห้องอเนกประสงค์ห้องชุดแห่งนี้ตกแต่งไม่ต่างจากที่บ้านนัก เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นหากที่ขาดไม่ได้ก็คือเครื่องดนตรีชิ้นโปรดของน้องชายคนกลางสายตาพุ่งไปยังร่างสูงที่อยู่หลังแกรนด์เปียโน ทำไมเซเรเนดของเขตชลจึงอ้างว้างและเหงาขนาดนี้ น่านฟ้าถอนหายใจเมื่อโน้ตตัวสุดท้ายหยุดลงและดูเหมือนเขตชลจะรู้ว่ามีผู้ฟังจึงหันมา สองพี่น้องสบตากันชั่วครู่ นานๆ จะเห็นพี่มาที่นี่นะเขตชลเอ่ยขึ้นก่อนเพราะไม่ต้องการให้น่านฟ้าพูดในสิ่งที่อยู่ในแววตานั่นออกมา ความรู้สึกของเขา! อืม...มันใกล้โรงแรมที่ต้องไปมากกว่า น่านฟ้าตอบ ห้องชุดนี้ก็เหมือนเรือนเล็กที่บ้านเป็นอาณาจักรส่วนตัวของพี่น้อง แต่คนที่มาใช้คอนโดมิเนียมนี้มากที่สุดคือเขตชล นัดสาวไว้เหรอ เขตชลยักคิ้วนัยน์ตาเป็นประกายวิบวับ หึ...จะไปด้วยกันไหมล่ะ คุณแม่คงดีใจ น่านฟ้าแสยะยิ้ม เอาไว้ไปให้คุณแม่ดีใจที่บ้านดีกว่า เขตชลหัวเราะแหะๆ ถ้ามีแค่คุณแม่คนเดียวก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่เดาได้ว่าน่าจะมีสาวอื่นด้วยเห็นจะไม่น่าไปด้วยสักเท่าไรและก็อดกระเซ้าพี่ชายไม่ได้ ไม่อยากเป็นข่าวกอสซิป งั้นเป็นข่าวอาชญากรรมแทนดีไหม น่านฟ้าแกล้งหักข้อนิ้วมือ แสยะยิ้มให้กับคำแซวของน้องชายจนตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าพะนอขวัญได้เห็นภาพหรือได้ข่าวนั่นบ้างไหมไม่รู้ว่าถ้าได้เห็นเจ้าตัวจะคิดยังไงบ้าง ไม่เป็นข่าวอะไรน่าจะดีกว่า... เขตชลแกล้งยกมือยอมแพ้ เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำล่ะ นายจะกลับบ้านหรือเปล่าวันนี้ เขตชลนิ่งไปนิด ก่อนจะพยักหน้า อืมแต่ขอไปกินข้าวกับ...คุณแพงก่อนดีกว่าเขตชลเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงเมื่อนึกถึงหญิงสาวที่ทำให้เขารู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่ใกล้โอ๊ะ...โทรศัพท์อยู่ไหน ไม่รู้ว่าจะเลิกงานหรือยังน้า ไม่ต้องโทรหรอก น้องแพงไม่ว่างไปกับนายหรอก เขตชลเลิกคิ้ว มองสีหน้ายิ้มๆ ของพี่ชาย เขาไปงานเลี้ยงกับทางบริษัทน่ะ อื้อหือ...รู้ความเคลื่อนไหวของคุณแพงดีจังเลยนะพี่ชายผมเนี่ยเขตชลเอ่ยกลั้วหัวเราะ นัยน์ตาคมพราวพร่างสบตาพี่ชายด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่ไม่เป็นไรหรอก...เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันอยู่แล้ว อย่างงั้นเหรอน่านฟ้ายิ้ม ไม่เคยโกหกพี่ใหญ่สักที...หึ เขตชลยิ้มเช่นกัน อืม...ก็ดีแล้วน่านฟ้ายักไหล่ ก่อนจะออกเดินไปยังห้องส่วนตัว เดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดหันกลับมายังน้องชายที่ยังนั่งอยู่หน้าเปียโน เซเรเนดของนาย...ไม่ใช่น้องแพงสินะ เขตชลมองตามแผ่นหลังของพี่ชายที่มุ่งไปยังห้องส่วนตัวหลังจากทิ้งคำพูดเอาไว้เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะแย้มริมฝีปากขึ้น น่านฟ้าไม่ควรมาได้ยินเลย... แบบนี้ก็หมดสนุกน่ะสิ
พะนอขวัญมองโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่รถของเจ้านายกำลังรอเลี้ยวรถเข้าไปเพราะการจราจรแน่นหนาแม้คิดว่าทำใจได้แล้วแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกไม่ได้ หึๆ จะตื่นเต้นอะไรนะแพง สิทธาพยายามกลั้นหัวเราะเหลือบมองนักออกแบบสาวที่วันนี้สวยสะดุดตาทีเดียว ก็แพงไม่เหมือนพี่สินี่คะ ที่จะได้ชิน พะนอขวัญตอบเสียงอ่อยๆ งั้นเดี๋ยวไปกับพี่บ่อยๆ จะได้ชินไง โอ๊ย...ไม่เอาหรอกค่ะแค่งานนี้งานเดียวก็แย่แล้ว แพงจะทำอะไรให้พี่สิขายหน้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ พะนอขวัญเอ่ยอย่างกังวล ไม่ขายหรอกหน้าน่ะพี่ขายแต่เฟอร์นิเจอร์ พะนอขวัญหันมาค้อนเจ้านายจริงจัง แพงไม่ค่อยขำนะคะ อ้าว...มุกไม่ฮา พาเครียดเหรอ สิทธาหัวเราะเบาๆ อย่าไปเครียดก็เหมือนกับงานทั่วๆ ไปนั่นแหละ แต่แพงอาจจะตาพร่าหน่อย เพราะแสงเพชรเยอะแต่เพชรจริงเพชรปลอมก็อีกเรื่อง พะนอขวัญได้แต่ระบายลมหายใจนี่ดีนะที่ท้องอิ่มแล้วไม่อย่างนั้นคงจะเครียดขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แซนด์วิชกับขนมปังหมดเรียบทั้งสามกล่องด้วยฝีมือของเธอกับเพื่อนร่วมงานแน่ล่ะว่าย่อมต้องมีคำถามว่าใครส่งมาให้กันสายตาเป็นประกายวิบวับที่ทำให้เธอทั้งเขินทั้งหมั่นไส้ เรื่องอะไรจะบอก...
เมื่อเข้ามาในโรงแรมพะนอขวัญก็อดมองการตกแต่งแบบผสมผสานระหว่างไทยและยุโรปอย่างลงตัว ดูหรูหราและสวยงามสมกับที่ได้รับคำชมมานั่นต่อนักเธอตามเจ้านายเข้าลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นสิบซึ่งเป็นห้องจัดเลี้ยงสิทธาบอกว่าห้องนี้สามารถมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้สวยมากเป็นอีกไฮไลต์หนึ่งของห้องจัดเลี้ยง พะนอขวัญเหลือบมองตัวเองในกระจกลิฟต์เสื้อผ้าหน้าผมยังดูเหมือนเดิม แล้วก็รีบฉีกยิ้มเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง เอาวะไอ้แพง...กระทบไหล่ไฮโซกับเขาสักวัน เสียงกริ่งของลิฟต์ดังเบาๆ ก่อนลิฟต์จะนิ่งสนิทประตูเปิดออก ทั้งคู่ก้าวออกมาเป็นห้องโถง ตกแต่งอย่างหรูหราไม่แพ้ล็อบบี้มีผู้คนในชุดราตรีและสูทหรูอยู่ประปราย และดูเหมือนจะมุ่งความสนใจไปยังประตูห้องจัดเลี้ยงที่เปิดกว้าง ได้เวลาลุยกันแล้ว สิทธาเอ่ยยิ้มๆ เพื่อให้พะนอขวัญผ่อนคลายแต่เมื่อกี้ก็เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายแล้วก็คลายใจไปได้ท่าทางจะเรียกตัวตนกลับมาได้แล้ว เรื่องที่พะนอขวัญจะทำให้เขาขายหน้าน่ะเหรอ...ยากมาก เท่าที่รู้จักพะนอขวัญมา ถึงจะหลุดโลกเป็นพักๆบ้างตามสไตล์ เด็กติสต์ แต่พื้นฐานของพะนอขวัญนั้นน่าจะถูกอบรมมาดีแม้ไม่ได้เรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้แต่ก็มีมารยาทดี รู้จักกาลเทศะและมีสัมมาคาราวะไม่ใช่เด็กก้าวร้าว ค่า...เจ้านายพะนอขวัญก้าวตามร่างสูง ตรงไปยังประตูห้องจัดเลี้ยงซึ่งด้านหน้าตกแต่งด้วยซุ้มดอกไม้อย่างสวยงามมีโต๊ะยาวและหญิงสาวหน้าตาดีแต่งกายด้วยเดรสสวยแบบเดียวกันหลายคนประจำอยู่ผู้ที่มาร่วมงานกำลังเขียนคำอวยพรก่อนจะเข้าไปในงาน หากกำลังจะถึงจุดหมาย สิทธาก็หยุดเดินหยิบโทรศัพท์ออกมาจากสูท อืม...พี่รับโทรศัพท์ก่อนนะแพงจะเข้าไปในงานก่อนไหม พะนอขวัญส่ายหน้าหวือ รีบบอก ไม่ค่ะ แพงรอได้ สิทธาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินถือโทรศัพท์เลี่ยงออกไปให้จุดที่สามารถคุยเป็นส่วนตัวได้พะนอขวัญมองตามร่างสูง ก่อนที่จะมองไปรอบๆ และสะดุดตาหญิงสาวที่เพิ่งออกมาจากลิฟต์เดินตรงมายังห้องจัดเลี้ยง นวลนี่นาพะนอขวัญมองหญิงสาวในเดรสสั้นสีเทาเงิน จันทร์นวลนั่นเองพะนอขวัญรีบเดินเข้าไปหาและทักอย่างดีใจ นวล...เอ้อ...นีน่า เกือบลืมชื่อใหม่ของเพื่อนไปแล้วสิ ณัฐนนทยาชะงักเมื่อเห็นคนที่ยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้าก่อนจะสบถในใจอย่างดุเดือด หากไม่ได้แสดงออกมาอย่างที่รู้สึกเธอกวาดตามองเพื่อนสาวอย่างรวดเร็ว แม้ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็เห็นว่าวันนี้พะนอขวัญ ดูดี กว่าที่เคยเห็น แต่ยังไงก็คงสู้เธอไม่ได้ วันนี้เธอสวมเดรสสั้นสวยหรูจากแบรนด์โปรดกระเป๋าและรองเท้าก็จากแบรนด์ดังเช่นกัน แม้เครื่องประดับจะมีเพียงต่างหูและสร้อยข้อมือหากประดับด้วยเพชรน้ำงามเพราะเธอไม่ต้องการประโคมเครื่องประดับราวกับพวกคุณนายที่ดีแต่มีเงินทว่าแต่งตัวไม่เป็น มางานของคุณหญิงเกศแก้วเหรอด้วยเหรอแพง ณัฐนนทยาพยายามยิ้มออกมานิดๆ แม้ในใจจะไม่อยากยิ้มสักนิดแต่เธอจะมาทำหน้าบึ้งไม่ได้ เพราะอาจจะมีใครมองเธออยู่ก็ได้ อืม...ใช่จ้ะ นีน่าก็เหมือนกันใช่ไหมดีจังเลยมีเพื่อนแล้ว พะนอขวัญตอบอย่างดีใจอย่างน้อยในงานก็ยังมีคนรู้จักอีกคนนอกจากสิทธาส่วนคุณหญิงเกศแก้วนั้นคงจะนับรวมไม่ได้เพราะอย่างมากวันนี้ก็คงจะได้เพียงแค่เข้าไปทักทายและอวยพรวันเกิดท่านเท่านั้น ณัฐนนทยาพยักหน้านิดๆหากในใจกลับเต็มไปด้วยความแปลกใจว่าทำไมพะนอขวัญถึงได้รับเชิญมางานของคุณหญิงเกศแก้วที่ได้ชื่อว่าเป็นไฮโซพันธุ์แท้ หรือว่ามากับคุณเขตชล...สองคนนี้ก้าวหน้าไปถึงไหนกันแล้ว แพงมาคนเดียวเหรอ เปล่าจ้ะ มากับเจ้านายน่ะ นีน่าล่ะ นักการตลาดสาวยิ้มมากขึ้นอีกนิดเมื่อรู้ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่นึกกลัวไว้แน่ล่ะแม้ว่าคุณน่านฟ้าจะเป็นที่ปลื้มของสาวๆ ทั้งอังสนาแต่คุณเขตชลก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า ฉันเป็นเพื่อนสนิทกับหลานสาวของคุณหญิงเกศแก้วน่ะท่านก็เลยเอ็นดูฉันเหมือนลูกหลาน ณัฐนนทยาตอบด้วยรอยยิ้มเหนือกว่า เหรอ...ดีจังนะ ณัฐนนทยากลั้นความไม่พอใจที่วูบขึ้นมากับท่าทางไม่ตื่นเต้นของอีกฝ่ายพะนอขวัญคงไม่รู้ล่ะสิว่าใครๆก็ต้องการที่จะเป็นคนสนิทชิดเชื้อกับคุณหญิงเกศแก้วทั้งนั้น เหอะ...ไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลย โชคดีที่บังเอิญได้รู้ว่าเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันนั้นเป็นหลานสาวของคุณหญิงเกศแก้วเธอต้องใช้ความพยายามมากมายเพื่อตีสนิทอีกฝ่ายโดยที่ไม่ให้รู้ตัวแต่การเข้าถึงตัวคุณหญิงเกศแก้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเพื่อนคนนั้นไม่ใช่หลานคนโปรดอะไรเธอเคยเจอคุณหญิงก็แค่ตอนงานเลี้ยงรับปริญญาของเพื่อนเท่านั้น แต่เรื่องอะไรจะต้องพูดความจริง อ้อ...จริงสิตอนกลับบ้านพ่อกับแม่บอกว่าเจอพ่อกับแม่นีน่าด้วย... เอาไว้ค่อยคุยกันนะ ฉันจะรีบเข้างาน พะนอขวัญชะงักเมื่อถูกอีกฝ่ายตัดบทและแววตายังวูบขึ้นเหมือนกำลังโกรธก่อนจะก้าวผ่านหน้าเธอไปยังประตูหน้าห้องจัดเลี้ยง เฮ้อ...อะไรกันนะพะนอขวัญถอนหายใจ ก่อนจะเหลือบมองเจ้านายซึ่งยังติดพันอยู่กับการคุยโทรศัพท์จึงมองหามุมที่จะไปรอ เพราะเริ่มมีแขกทยอยออกมาจากลิฟต์จะยืนอยู่กลางทางเดินก็ชักเขินเหมือนกันหากเมื่อเหลือบไปมองเพื่อนสาวที่หน้าโต๊ะซุ้มดอกไม้ มีสีหน้าท่าทางแปลกๆเธอจึงอดเดินเข้าไปหาไม่ได้ สวัสดีค่ะขอบัตรเชิญแล้วก็กรุณาเขียนคำอวยพรตรงนี้ด้วยนะคะเจ้าหน้าที่สาวที่เธอเห็นแต่แรกหันมายิ้มและเอ่ยเสียงหวานเมื่อเห็นเธอเดินเข้าไป เอ่อ...บัตรเชิญพะนอขวัญทวน ก่อนจะนึกถึงบัตรสีทองที่สิทธาเป็นคนเก็บไว้ในสูทเพราะกระเป๋าผ้าไหมใบเล็กของเธอนั้นใส่ได้แค่โทรศัพท์กับของอีกเล็กน้อยเท่านั้น อยู่กับเจ้านายค่ะ ท่านกำลังติดโทรศัพท์อยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้รอข้างนอกก่อนนะคะ เจ้าหน้าที่สาวยิ้มหวาน หากสายตามองหญิงสาวอย่างสำรวจเพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญที่อยากจะเข้าไปในงานไม่น้อยและก็ไม่ได้รู้สึกคุ้นหน้าเลยหญิงสาวคนนี้ ค่ะ...พะนอขวัญพยักหน้า เพราะเธอก็ไม่คิดว่าจะเข้าไปก่อนอยู่แล้วที่เดินเข้ามาก็เพราะเพื่อนสาว เธอหันไปถามณัฐนนทยาซึ่งกำลังพิมพ์ข้อความอยู่ในโทรศัพท์อยู่มีอะไรเหรอนีน่า ไม่มีอะไรหรอกณัฐนนทยาตอบสะบัด มองหน้าจอที่มีคำตอบจากเพื่อนสาวแล้วว่ากำลังจะเดินออกมาจากงาน ยายบ้า...ไหนว่าจัดการเรื่องรายชื่อแขกว่ามีเธอแล้วไงเมื่อกี้กลับบอกง่ายๆ ว่าลืม ทำให้เธอต้องโดนพวกเจ้าหน้าที่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าดูถูกเอาว่าอยากจะมั่วนิ่มเข้าไปในงาน อ้าว...งั้นเหรอพะนอขวัญอุทานเบาๆ แหม...คงจะแอบเนียนเข้างานอื่นเสียจนเคยสินะคนเรา ณัฐนนทยาหันควับมองเจ้าของคำพูดกล้วเสียงหัวเราะด้วยนัยน์ตาวาวโรจน์ พะนอขวัญก็หันตามไปจึงพบกับรอยยิ้มเหยียดและแววตาไม่เป็นมิตรของสาวสวยที่เธอจำได้ดี...ดาริกา คุณว่าใคร...คุณดาริกา ณัฐนนทยาแทบกัดฟัน ต๊าย...รู้จักฉันด้วยเหรอเนี่ย แหม... ดาริกาหัวเราะ ก่อนจะตาลุกโผลงเมื่อณัฐนนทยาตอบโต้ด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน รู้จักสิคะ...อดีตผู้ช่วยเลขาฯ ของคุณน่านฟ้าที่ถูก...ปลด นี่แก...ดาริกาแทบตัวสั่น เธอมองใบหน้ายิ้มเยาะนั้นก่อนจะนึกออกยายพนักงานที่เจอกันหน้าลิฟต์ที่ตึกอังสนา เป็นแค่พนักงานของอังสนาแค่นั้นเอง เมื่อครู่เธอไม่ทันได้สังเกตเพราะเห็นเพียงผู้หญิงในชุดสีไวน์แดง ตอนแรกก็ไม่ได้นึกสนใจเพราะทั้งชุดทั้งคนก็ไม่ได้ดูโดดเด่นน่าสนใจหากเมื่อมองดีๆ แล้วเธอก็จำได้ว่าคือผู้หญิงที่เจอที่บ้านอังสนาในตอนนั้นผู้หญิงที่น่านฟ้าแนะนำว่า น้องแพง แค่นั้น ทั้งเธอและแม่พยายามสืบหาว่ายายน้องแพงเป็นใครแต่ก็ไม่มีใครรู้จัก แม่เธอลองแยบถามคุณวรัญญาแล้วแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบอะไร แล้วจู่ๆ ยายนี่มาโผล่ที่ตรงนี้ทำให้เธอที่กำลังเล่นแชททางโทรศัพท์ขณะรอมารดากับคุณวรัญญาทำธุระอยู่ในห้องน้ำต้องรีบมาดูและทันได้ยินว่ายายนี่ไม่มีบัตรเชิญ พะนอขวัญมองเพื่อนสาวกับดาริกาสลับกันทั้งสองส่งสายตาเชือดเฉือนใส่กัน เหมือนกับว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอยู่ หึ...อย่างฉันไม่ต้องมั่วนิ่มหรอกเพราะฉันเป็นเพื่อนสนิทของหลานสาวคุณหญิง ท่านก็เอ็นดูฉันเหมือนลูกหลาน ณัฐนนทยาเชิดคาง จริงเหรอ...สมัยนี้พวกชอบแอบอ้างมีเยอะแยะไป ดาริกาเหยียดริมฝีปากเธอไม่เชื่อหรอกว่ายายพนักงานนี่จะเป็นอย่างนั้นจริง ทำบ่อยสินะ...ถึงว่าได้รู้ดี นักการตลอดสาวย้อนเรื่องอะไรเธอจะยอมยายไฮโซไร้สาระที่มีดีแค่โชคดีเกิดมาพ่อแม่รวย แก...ดาริกาพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้กรีดร้องออกมา เพราะตรงนี้ไม่ได้มีแค่เธอกับยายพยักงานยังมีเจ้าหน้าที่สาวหลายคนมองมาเป็นตาเดียว มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะน้องดา คุณมณฑิรารีบส่งเสียง หากยังสะกดตัวเองให้เดินเนิบๆมาพร้อมกับคุณวรัญญาได้ พอออกจากห้องน้ำก็ไม่เห็นบุตรสาวมองหาก็เห็นว่าอยู่ทีส่วนด้านหน้าแล้ว และดูบรรยากาศไม่ดีเสียด้วย คุณแม่...คุณป้า ดาก็แค่มาช่วยพวกน้องๆดูแขกน่ะค่ะ พอดีมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญ คิดจะเข้าไปในงานดาริกาปราดเข้าไปหามารดา ปรับเสียงให้หวานน่ารัก คุณวรัญญามองหญิงสาวสองคนที่ยืนประจัญหน้ากับดาริกาและทั้งสองก็ไหว้เธอพร้อมกัน เธอรับไหว้ก่อนจะนึกออกว่าทั้งสองเป็นใคร หนึ่งในนั้นก็คือคนที่น่านฟ้าต้องการจะให้เธอ ดู นั่นเอง คุณดาริกาเธอเข้าใจผิดน่ะค่ะท่านรองฯนีน่าเป็นเพื่อนสนิทกับหลานสาวคุณหญิงท่าน ก็เลยได้รับเชิญมาร่วมงานด้วย ณัฐนนทยาเอ่ยกับคุณวรัญญาอย่างอ่อนหวาน คุณวรัญญาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้หากความสนใจนั้นอยู่ที่หญิงสาวอีกคนซึ่งตอนแรกเธอเกือบจำไม่ได้เพราะจะว่าไปก็ได้เจอเพียงแค่ครั้งเดียว ก็เห็นเธอไม่มีบัตรเชิญมา ใครๆก็คงจะเข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอกนะ ดาริกาเหยียดยิ้มก่อนจะหันไปสบตามารดา ตายจริง...หนูไม่มีบัตรเชิญกันจริงๆเหรอจ๊ะ คุณมณฑิรารับลูกต่อจากบุตรสาวทันที พะนอขวัญนิ่วหน้า รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆของสองแม่ลูก เธอเองก็พอจะเข้าใจว่าทั้งคู่คงจะคิดว่าเธอกับจันทร์นวลคิดจะแอบตีเนียนเข้าไปในงานโดยไม่ได้รับเชิญสินะ เธอชักเข้าใจคุณพระเอกแล้วล่ะว่าทำไมถึงดูไม่ค่อยชอบทั้งสอง คนสวยๆ แต่นิสัยน่ารำคาญแบบนี้ก็ไม่ไหว พะนอขวัญเหลือบมองคุณแม่ของคุณพระเอกแล้วก็แทบสะดุ้งเมื่อเห็นว่านัยน์ตาคมไม่ต่างบุตรชายนั้นมองเธออยู่ ท่านจะคิดเหมือนคุณแม่ลูกคนสวยนี่หรือเปล่านะ คุณวรัญญามองนัยน์ตาใสแจ๋วคล้ายเด็กที่มองตอบมาแม้จะไม่ได้อยากคิดในแง่ร้ายว่าเด็กคนนี้จะเป็นอย่างที่ดาริกาว่า แต่การมาร่วมงานนี้โดยไม่มีบัตรเชิญก็ทำให้ต้องสงสัยเพราะเธอเองยังไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอของเด็กสาวคนนี้ดี แม้ว่าแดนดินจะพูดถึงบ่อยๆว่ารุ่นพี่สาวเป็นคนดีแค่ไหนและน่านฟ้าเองก็พึงใจอย่างมาก คนเรามีหลายด้าน...ยากที่จะรู้จักครบทุกมุม หรือว่า... คุณวรัญญาอดคิดอีกแง่ไม่ได้เพราะน่านฟ้าโทรศัพท์มาบอกว่าอาจจะมาถึงช้าไปสักนิด ขอให้เธอเข้าไปในงานก่อนเธอไม่ได้ว่าอะไรแต่สงสัยเล็กน้อยว่าน่านฟ้าน่าจะเดาได้ว่าเธอจะมางานพร้อมกับมณฑิราซึ่งความจริงเธอก็ไม่ได้คิดจะให้เป็นอย่างนี้แต่ก็เคยรับปากเพื่อนรุ่นน้องไว้แล้วว่าจะมางานพร้อมกัน หรือว่า...น่านฟ้านัดเด็กคนนี้มา ก็เป็นไปได้ หนูแพง...มาคนเดียวเหรอจ๊ะ พะนอขวัญตาโตเมื่อถูกมารดาของคุณพระเอกถามหากรอยยิ้มและน้ำเสียงนุ่มละมุนทำให้เธอใจชื้นขึ้น ท่าทางไม่ค่อยน่ากลัวนักแต่ก็ยังรู้สึกประหม่าอยู่ไม่น้อย เปล่าค่ะ...แพงมากับเจ้านาย ท่านโทรศัพท์อยู่ค่ะก็เลยรออยู่แถวๆ นี้ก่อน พะนอขวัญพยายามยิ้มแต่ก็ยังรู้สึกเกร็งอยู่ไม่น้อย อย่างนั้นเหรอจ๊ะคุณวรัญญาพยักหน้านิดๆ อย่างพอใจ แสดงว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดสินะ เธอไม่ได้ใส่ใจเรื่องฐานะครอบครัวของหญิงสาวที่จะมาเป็นสะใภ้แต่เรื่องนิสัยใจคอต่างหากที่สำคัญ ดาริกาสบตากับมารดาแล้วรู้สึกอยากจะกรีดร้องคำพูดและท่าทีของคุณวรัญญาดูเหมือนจะคุ้นเคยกับผู้หญิงคนนี้ไม่น้อยแต่ก็ไม่สามารถทำให้อะไรต่อหน้าคุณวรัญญาได้เช่นเดียวกับณัฐนนทยาได้แต่มองเพื่อนอย่างประหลาดใจแกมริษยา พะนอขวัญก้าวหน้าถึงขนาดรู้จักกับคุณวรัญญาแล้วเหรอนี่ สวัสดีค่ะคุณวรัญญา คุณมณฑิรา คุณดาริกามาถึงนานแล้วหรือคะ ขอโทษด้วยค่ะที่ออกมาต้อนรับช้าดิฉันแวบไปดูความเรียบร้อยข้างในมาสาวใหญ่ที่เดินออกมาจากห้องจัดเลี้ยงรีบเอ่ยแทรกขึ้นเหมือนเห็นว่าแขกยืนอยู่เป็นกลุ่ม ท่าทางดูแปลกๆเธอเหลือบไปยังเจ้าหน้าที่ดูแลส่วนต้อนรับก็ดูไม่ได้เรื่อง สวัสดีค่ะคุณวิไลเพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี้เองคุณวรัญญาหันไปเอ่ยอย่างเป็นกันเองกับเลขานุการของคุณหญิงเกศแก้วเพราะรู้จักกันเป็นอย่างดี เชิญข้างในเลยไหมคะ วิไลลักษณ์ผายมือเธอจำแขกรับเชิญได้ทั้งหมดเพราะเป็นคนทำบัตรเชิญเองตามคำสั่งของคุณหญิง ก่อนจะเหลือบมองหญิงสาวอีกสองคนแล้วอุทานเบาๆอุ้ย...น้องแพงนี่เอง สวยจนพี่จำแทบไม่ได้คุณหญิงเพิ่งถามถึงอยู่เลย เชิญข้างในนะคะ คำพูดของเลขานุการของคุณหญิงเกศแก้วทำให้สายตาทุกคู่พุ่งมายังพะนอขวัญเป็นตาเดียวโดยเฉพาะดาริกากับคุณมณฑิรามองอย่างไม่อยากเชื่อ แม้พะนอขวัญจะบอกว่ามากับเจ้านายก็ยังไม่อยากเชื่อเพราะอีกฝ่ายจะยกขึ้นเป็นข้ออ้างก็ได้ พะนอขวัญไหว้สาวใหญ่ก่อนจะเอ่ยอย่างโล่งใจ เธอน่าจะหลุดออกจากสถานการณ์ตรงนี้ได้แล้วสินะ อ่า...เดี๋ยวแพงรอเข้าไปพร้อมกับพี่สินะคะ มาพร้อมกับคุณสิทธาเหรอคะ วิไลลักษณ์พยักหน้ายิ้มๆ ค่ะ...อ่า พี่สิมาแล้ว...เอ่อ พะนอขวัญเสียงขาด เมื่อไม่ใช่แค่สิทธาที่เดินตรงมาหากยังมีร่างสูงคุ้นตาอยู่เบื้องหลังสิทธาไม่มาก กำลังตรงมาเช่นกัน น่านฟ้า... บุรุษร่างสูงในชุดแบล็กไทด์มาพร้อมกับหญิงสาวในชุดราตรียาวสีแดงเพลิงที่สวยจนแทบลืมหายใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Create Date : 05 มีนาคม 2556 |
Last Update : 5 มีนาคม 2556 20:14:40 น. |
|
46 comments
|
Counter : 21060 Pageviews. |
|
|