ปลูกดอกไม้ในฮาเร็ม...เติมเต็มหัวใจให้ชื่นบาน
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
31 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 
พะนอขวัญ บทที่ ๘

พะนอขวัญ บทที่ ๘



พะนอขวัญกะพริบตาปรับแสงจ้าที่ลอดผ่านหน้าต่างมา ก่อนจะประมวลความคิดว่าทำไมรู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ได้นอนอยู่ที่ห้องของตัวเองในอพาทเมนต์

จริงสิ...เธอค้างที่บ้านของแดนดินนี่

หญิงสาวลุกขึ้น มองรอบตัวด้วยสติครบถ้วน ริมฝีปากผุดยิ้มออกมา แล้วก้าวลงจากเตียงไปยังหน้าต่างที่เธอเปิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

ไม่น่าเชื่อว่าจะได้นอนห้องที่เพียงแค่เปิดหน้าต่างก็เย็นสบายแล้วในกรุงเทพ

คงเพราะต้นไม้ใหญ่ที่รายรอบอาณาเขตบ้านหลังนี้ทำให้อากาศเย็นขึ้น รวมทั้งกรองเสียงจากภายนอก แทบไม่ได้ยินเสียงรถที่วิ่งผ่านไปมาเลย

พะนอขวัญสูดลมหายใจอย่างสดชื่น จากหน้าต่างห้องทำให้เห็นสวนซึ่งเป็นไม้แบบพุ่มสลับแปลงดอกไม้หลากสีสันสลับกัน มองจากมุมสูงยิ่งทำให้ดูสวยมากขึ้น

“เหมือนฉากหนังเลย” พะนอขวัญมองสวนสวยด้านล่างด้วยความชื่นชม ดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานสะพรั่ง สลับกับใบไม้กับต้นหญ้าสีเขียวสด และยังมีอ่างน้ำพุเล็กๆ ให้ทั้งความสวยและความสดชื่น

“มีคุณพระเอกเข้าฉากมาด้วย” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นร่างสูงวิ่งเหยาะมาตามทางเดินที่ลัดเลาะในสวน

คุณพระเอกสวมทั้งเสื้อ กางเกง ถุงเท้าและรองเท้าสีขาวล้วน รวมทั้งผ้าขนหนูที่พาดไหล่ก็เป็นสีขาว เมื่อกระทบกับแสงแดดอ่อนๆ แล้วเหมือนมีประกายเปล่งออกมาจากร่างสูงนั่น

น่านฟ้ารู้สึกเหมือนมีสายตามองมาจึงเงยหน้าขึ้น ก็พบว่ามีคนยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องชั้นสอง ห้องเดิมของแดนดิน

พะนอขวัญสะดุ้งเพราะจู่ๆ ก็ประสานสายตากับคนที่เงยหน้าขึ้นมา ร่างสูงนั้นหยุดวิ่งแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดเหงื่อที่ใบหน้า หากสายตายังคงมองมา พะนอขวัญอยากจะผลุบลงกับพื้นแต่ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เหมือนถึงตรึงด้วยนัยน์ตาคมคู่นั้น

“อรุณสวัสดิ์ครับน้องแพง” น่านฟ้าร้องทักหญิงสาว มุมปากยกขึ้นนิดๆ

“เอ่อ...อรุณสวัสดิ์ค่ะ” พะนอขวัญทักตอบ ยิ้มแหยๆ ไม่รู้ว่าสภาพตอนนี้เธอเป็นอย่างไร ผมเผ้าคงกระเซอะกระเซิงน่าดูเพราะเธอลุกจากเตียงนอนมาที่หน้าต่างนี่เลย

ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง...ไม่อยากให้ใครเห็นตอนโทรมๆ หรอก

น่านฟ้าเลิกคิ้ว มองใบหน้าแหยๆ และมือไม้ที่แอบลูบผมของหญิงสาว ก่อนจะยิ้มบางๆ

“พี่ขอตัววิ่งต่อก่อน แล้วเจอกันนะครับ”

พะนอขวัญถอนหายใจโล่งออกเมื่อร่างสูงวิ่งต่อ เธอชมสวนอีกครู่จึงหันกลับมาเพื่อจะเข้าห้องน้ำจัดการตัวเอง เสียงเคาะประตูทำให้หญิงสาวเดินไปเปิด พบว่าเป็นน้ำหวานยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับตะกร้าหวายขนาดย่อม

“ชุดของคุณแพงค่ะ ซักรีดเรียบร้อยแล้วนะคะ”

“ขอบคุณมากค่ะ” พะนอขวัญรับตะกร้าผ้ามาอย่างแปลกใจ เธอไม่ทันเห็นว่าเสื้อผ้าถูกเก็บไปตั้งแต่เมื่อไร จะว่าไปเมื่อคืนเธอก็มึนๆ แดนดินกับคมคิดพามาส่งที่บ้านนี้ ก็เจอกับน้ำหวานรออยู่แล้ว เธอถูกพามาที่ห้องแล้วน้ำหวานก็เป็นคนดูแลต่อจนเธอจะเข้านอนนั่นแหละจึงออกจากห้องไป

“คุณแพงจะรับอาหารเช้าบนห้องหรือข้างล่างดีคะ”

“คะ...เอ้อ...ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวแพงก็กลับแล้ว” หญิงสาวรีบปฏิเสธ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รับคำนั่น

“ไม่รบกวนหรอกค่ะ ถ้าอย่างนั้นพี่จัดให้ที่ห้องอาหารเหมือนคุณใหญ่ก็แล้วกันนะคะ คุณใหญ่จะได้มีเพื่อนทาน เพราะคุณๆ ที่เรือนเล็กคงไม่รับอาหารเช้า” น้ำหวานพูดรัวเร็วไม่เปิดโอกาสให้แขกสาวได้ปฏิเสธ

ที่เรือนเล็กไม่มีใครตื่นสักคนนะ เพราะเมื่อเช้าเธอเข้าไปดูแลความเรียบร้อย ทั้งบ้านเงียบสนิท มีแต่คุณใหญ่เท่านั้นที่ตื่นมาวิ่งออกกำลังกายตามปกติ แต่วันนี้เธอรู้สึกว่าคุณใหญ่แปลกๆ เมื่อครู่ก็บอกให้เธอขึ้นมาดูแลคุณแพงเพราะว่าเห็นเธอตื่นแล้ว และยังบอกว่าจะทานอาหารเช้าที่นี่ ทั้งที่ปกติเวลาคุณท่านทั้งสองไม่อยู่ คุณใหญ่ก็จะรับประทานอาหารที่เรือนเล็กตลอด

“พี่ขอตัวไปจัดอาหารก่อนนะคะ” น้ำหวานยิ้มกว้างก่อนจะเดินออกมาก่อนที่จะถูกแขกของเจ้านายคนเล็กนั้นคิดปฏิเสธอะไร

อืม...ทำไมคุณใหญ่ถึงมาเทคแคร์แขกของคุณเล็ก



พะนอขวัญกลับเข้ามาในห้อง ถือตะกร้าผ้าเข้าไปในห้องน้ำ ใช้เวลาครู่ใหญ่จึงออกมาพร้อมกับความสดใส เธอกวาดสายตาไปรอบห้องอีกครั้ง

เวลาหนึ่งคืนกับห้องสวยๆ ในบ้านในฝันผ่านไปอย่างรวดเร็ว...แค่นี้เธอก็ดีใจแล้วล่ะ

หญิงสาวเปิดประตู ก้าวออกจากห้องก็ชะงัก เมื่อเห็นว่าห้องมุมสุดนั้นมีคนเปิดประตูออกมาเช่นกัน คิ้วเรียวเลิกขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างสูงนั้นไม่ได้อยู่ในชุดเดิมแล้ว แต่สวมเสื้อโปโลสีครีมกับสแล็กสีเข้มใบหน้าคมผ่องใสจนคนมองชักอิจฉา

“จะลงไปข้างล่างแล้วใช่ไหมน้องแพง” น่านฟ้าก้าวตรงมาหาหญิงสาว

“ใช่ค่ะ” หญิงสาวตอบเบาๆ หลุบตาลง รู้สึกประหม่าขึ้นมาอีก  

“หลับสบายไหมครับ” น่านฟ้าชวนคุย พลางเริ่มออกเดิน ทำให้หญิงสาวต้องก้าวตาม เขาลดฝีเท้าให้เดินข้างกับเธอ

“ค่ะ”

น่านฟ้าเลิกคิ้ว รู้สึกได้ว่าหญิงสาวเกร็งๆ ในการพูดกับเขา

“นายเล็กบอกว่าน้องแพงชอบบ้านหลังนี้”

“อืม...ขอแก้เป็นแพงชอบบ้านสไตล์นี้ดีกว่าค่ะ แต่แพงก็ชอบบ้านหลังนี้นะคะ ทั้งสวยมากแล้วก็ดูแลรักษาได้ดีมากๆ บ้านแบบนี้ที่ยังอยู่ในสภาพสวยงามมีไม่เยอะ” พะนอขวัญยิ้มกว้าง เมื่อได้พูดเกี่ยวกับสิ่งที่ชอบความรู้สึกประหม่าก็หายไป

น่านฟ้าพยักหน้า มุมปากยกขึ้น พอใจในท่าทางที่ผ่อนคลายขึ้นของหญิงสาว

“คุณแม่รักบ้านนี้มากแล้วก็ดูแลบ้านอย่างดี บางทีคุณพ่อยังค่อนว่าดูแลดีกว่าสามีด้วย”

พะนอขวัญยิ้มกว้าง ก่อนจะค่อยๆ จางลงเมื่อนึกถึงมารดาของอีกฝ่าย สตรีสูงวัยที่ดูสวยสง่าแต่นัยน์ตาคมปลาบไม่ต่างจากบุตรชาย คนที่มองเธอด้วยแววตานิ่งๆ เย็นๆ

เฮ้อ...ก็เข้าใจได้ว่าสถานการณ์มันไม่ค่อยดีนัก

“ที่จริงคุณแม่เป็นคนใจดีนะน้องแพง” น่านฟ้าเหลือบมองใบหน้าหงอยๆ ของหญิงสาว “คุณแม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว พี่ว่าคุณแม่ต้องชอบน้องแพงแน่ๆ เลย”

“คะ...ชอบแพงทำไมล่ะคะ”

“ก็น้องแพงเป็นพี่สาวคนสำคัญของนายเล็กนี่นา”

“โอ๊ย...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ”

“พี่ว่าขนาดนั้นล่ะ”

พะนอขวัญเหลือบมองใบหน้าคม เพราะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของอีกฝ่าย ใบหน้าระบายยิ้มแบบที่ทำให้เธอนึกแปลกใจ เพราะมักจะเห็นเขาทำหน้าเฉยๆ มีเพียงแววตาที่เปลี่ยนไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นแววที่บอกไม่ถูกว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน หรือกำลังคิดอะไรอยู่

แต่คิดเรื่องเขาแล้วก็ปวดหัวคงเปล่าๆ

“ระวังครับ ถึงบันไดแล้ว” น่านฟ้าเอ่ยเบาๆ เพราะเห็นว่าหญิงสาวเดินเหม่อๆ คงกำลังคิดอะไรสักอย่าง แต่เขากับเธอเดินมาถึงบันไดตรงโถงกลางแล้วจึงเอ่ยเตือนเธอ

พะนอขวัญชะงัก อีกแค่สองสามก้าวก็จะถึงบันไดแล้ว เธอไม่ทันได้ดูเลย

“ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวยิ้มกว้าง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกาย จนทำให้คนที่คอยมองอยู่นิ่งไปชั่วอึดใจ

น่านฟ้าระบายยิ้มน้อยๆ



“คุณใหญ่คะ” เสียงร้องดังมาจากชั้นล่าง สองหนุ่มสาวจึงหันไปตามต้นเสียง เห็นน้ำหวานยืนอยู่ด้วยสีหน้ายุ่งยากใจโดยมีแขกเป็นสตรีสองคนยืนอยู่กลางโถงชั้นล่าง

พะนอขวัญมองทั้งสอง คนหนึ่งเลยวัยกลางไปแล้วแต่ก็ยังคงความสวย ส่วนอีกคนเป็นสาวสวยสะดุดตา โดยเฉพาะเดรสสั้นสีส้มอมชมพูขับผิวขาวผ่อง สายตาของทั้งสองมองมายังเธออย่างสงสัย

หรือว่าจะเป็นนางเอกของคุณพระเอกคนนี้...

ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกขนลุกก็คงจะเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนตัวสูงข้างๆ เธอ เพราะมันไม่ได้ให้ความรู้สึกขำหรือสนุกเลยสักนิด เธอเหลือบมองใบหน้าคมแล้วก็ลอบกลืนน้ำลาย รอยยิ้มบนใบหน้านั้นให้ความรู้สึกเปลี่ยนไป

ใบหน้านั้นยิ้มจริง แต่เธอรู้สึกว่าเขาไม่ได้ยิ้ม

“บันไดค่อนข้างชัน ระวังนะครับน้องแพง” น้ำเสียงนุ่มนวลกว่าปกติ และมือที่ยื่นมาตรงหน้าทำให้พะนอขวัญแทบสะดุ้ง

เมื่อวานนี้เธอก็เดินขึ้นเดินลงไม่เห็นจะรู้สึกว่าบันไดชันตรงไหน

แต่เมื่อสบตาคมวาวแล้วก็ยิ้มแหย วางมือลงบนท่อนแขนแข็งแกร่งแล้วก้าวลงบันไดตามร่างสูง แต่ละก้าวนั้นระมัดระวัง ไม่ใช่เพราะบันไดชัน แต่เธอรู้สึกเหมือนกับเดินอยู่บนปากเหว โดยมีสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนักสองคู่จับจ้องไม่วาง

พะนอขวัญรู้สึกเหมือนนานเป็นชั่วโมงมากกว่าไม่กี่วินาทีในการเดินลงบันได เธอรีบชักมือออกจากท่อนแขนของคนข้างตัว รู้สึกอยากหายตัวออกจากตรงนี้ที่สุด แต่ที่ทำได้ก็คือยืนเงียบๆ ให้เหมือนกับเป็นตัวประกอบในฉาก

เธอขอเลือกแบบไม่มีบทพูดได้ไหม

“สวัสดีครับคุณน้ามณ คุณดา” น่านฟ้าเอ่ยทักพร้อมกับไหว้เพื่อนรุ่นน้องของมารดาและยิ้มนิดๆ ให้กับหญิงสาว

พะนอขวัญแทบกลั้นหายใจเมื่อเหลือบมองใบหน้าคม

คุณพระเอกน่ากลัวชะมัด ปากยิ้มแต่นัยน์ตาไม่ยิ้มด้วย

“สวัสดีค่ะคุณใหญ่ แล้ว...” คุณมณฑิรายิ้มแล้วปรายตาไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายของน่านฟ้า ทั้งเธอและบุตรสาวพยายามกลืนคำถามมากมายที่พุ่งขึ้นมาตั้งแต่เห็นน่านฟ้าเดินลงมาจากชั้นบนของบ้านกับผู้หญิงแปลกหน้า และยังท่าทางดูสนิทสนมกัน

“อ้อ...นี่น้องแพงครับ น้องแพงนี่คุณมณฑิราเพื่อนของคุณแม่กับคุณดาริกาลูกสาว” น่านฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และแนะนำทั้งสองฝ่าย เขาแตะมือที่แขนของหญิงสาว รู้สึกว่าร่างโปร่งนั้นสะดุ้งน้อยๆ

พะนอขวัญไหว้สตรีสูงวัยที่มองเธอเหมือนจะแสกนทั่วทั้งตัว เธอไม่เข้าใจคนข้างกายว่าคิดอะไรอยู่ แต่ที่แน่ๆ ท่าทางจะไม่ค่อยเป็นผลดีต่อเธอเท่าไร

“คุณน้ากับคุณดามีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” น่านฟ้าแย้มริมฝีปากน้อยๆ รู้ว่าแขกทั้งสองคิดอะไร แต่เขาก็ทำเฉยเสีย แต่ก็แอบลุ้นเล็กน้อยว่าคนข้างๆ จะโพล่งอะไรออกมาไหม

เขาไม่ได้พบกับดาริกาอีก ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศ เขาไม่รู้ว่ามารดาทำอย่างไร แต่ดาริกาก็พ้นจากตำแหน่งเลขานุการของเขา ส่วนจะไปทำอะไรอย่างอื่นนั้นเขาไม่ได้สนใจ และด้วยฝีมือของเลขานุการตัวจริงทำให้ดาริกาไม่ได้พบเขา

“เอ่อ...น้ากับน้องดามาพบคุณพี่ค่ะ”

“คุณแม่ไม่อยู่ครับ”

“เอ๊ะ...คุณพี่ไม่อยู่” คุณมณฑิราอุทานอย่างแปลกใจ

“ครับ ถ้ายังไงผมจะบอกคุณแม่ให้นะครับว่าคุณน้ากับคุณดาแวะมา” น่านฟ้าเอ่ยเรียบๆ

“แล้วไม่ทราบว่าคุณพี่จะกลับวันไหนคะ” คุณมณฑิราพร้อมกับรอยยิ้ม เธอไม่ยอมกลับไปง่ายๆ หรอก เพราะยังไงอีกฝ่ายก็ไม่กล้าไล่เธอกับลูกสาวตรงๆ

“คงอีกสักสองสามวันละมังครับ คุณน้ามีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าครับ”

“ก็ไม่หรอกค่ะ น้าแค่แวะมาตามคำสั่งของคุณแม่คุณใหญ่ ท่านบอกว่ามีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะค่ะ”

“อย่างนั้นเหรอครับ คุณแม่อาจจะลืมว่านัดคุณน้าไว้”

 “อุ๊ย...ก็ไม่ได้ถึงกับนัดหรอกค่ะ คุณพี่บอกว่าถ้าว่างก็แวะมา” คุณมณฑิรารีบแก้ เพราะเธอไม่ได้นัดกับเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงจริงอย่างที่ว่า

“อ้อ...ครับ” น่านฟ้าพยักหน้า เขารู้ว่าทั้งคู่มักถือสนิทแวะมาที่บ้านโดยไม่บอกล่วงหน้าเสมอ แต่การที่เขาอยู่เรือนเล็กก็ทำให้หลีกเลี่ยงได้ง่าย

“เสียดายจริง น้ากับน้องดาทำข้าวต้มปลาที่คุณพี่ชอบมาด้วย” คุณมณฑิราพยักพเยิดมาที่บุตรสาวซึ่งถือตะกร้าขนาดย่อมไว้ในมือ

“นั่นสิคะ นึกว่าจะได้ทานมื้อเช้ากับคุณป้าเสียอีก” ดาริกาเอ่ยเสียงหวานและส่งรอยยิ้มให้กับน่านฟ้า ยกตะกร้าขึ้นนิดๆ เป็นเชิงบอก

“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญทานด้วยกันไหมครับ ผมกับน้องแพงก็กำลังจะทานมื้อเช้าเหมือนกัน” น่านฟ้าเอ่ยชวนตามที่ทั้งคู่ต้องการ และเหลือบมองคนข้างตัว

พะนอขวัญกำลังจะอ้าปากปฏิเสธก็ต้องชะงักเมื่อเขา หันมาสบตา นัยน์ตาคมวาววับนั้นทำให้เธอพูดไม่ออก เหลือเพียงยิ้มแหยๆ ออกมา

“พี่น้ำหวานช่วยจัดโต๊ะเพิ่มด้วยนะครับ” น่านฟ้าหันไปยังแม่บ้านสาวที่ถอยไปยืนห่างๆ ฝ่ายนั้นค้อมศีรษะลงแล้วก้าวเข้ามารับตะกร้าจากแขกสาว ก่อนจะรีบไปยังห้องอาหารที่อยู่ทางปีกซ้ายของบ้าน

เขาแตะต้นแขนของหญิงสาวที่ยืนตัวแข็งอยู่ข้างๆ แล้วหันไปยังแขกทั้งสอง

“เชิญครับ”

พะนอขวัญถอนหายใจยาว จำต้องก้าวตามร่างสูงใหญ่ไปยังห้องอาหาร เธอไม่มีอารมณ์จะชื่นชมความสวยงามของการตกแต่งห้องและโต๊ะอาหาร แม้จะมีสิ่งที่โปรดปรานอย่างชุดจานชามพอร์ซเลนที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารแบบยาวสำหรับยี่สิบที่นั่งก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้

เมื่อไรเธอจะหลุดจากบทตัวประกอบของฉากละครนี่สักที





แสงสีเหลืองจางลงเรื่อยๆ เมื่อพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า สีส้มนวลจากโคมบนเสาไฟเริ่มสว่างขึ้นมาแทน แต่ยิ่งมืดผู้คนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น สร้างความคึกคักให้กับตลาดนัดยามค่ำ หญิงสาวร่างเล็กทรุดลงนั่งข้างๆ คนที่นั่งถอนใจเฝ้าแผงเสื้อยืดแผงหนึ่ง

“เป็นหยังล่ะแพง เห็นถอนหายใจหลายเทียแล้ว” ปราณีเอ่ยถามเพื่อนสาว วันนี้เธอเห็นพะนอขวัญถอนหายใจมาหลายครั้งแล้ว

“กะรู้สึกเซ็งๆ น่ะ” พะนอขวัญเหลือบมองเพื่อนสาวที่รู้จักกันตั้งแต่เป็นเรียนมหาวิทยาลัย ปราณีกับเธอได้ทำงานกลุ่มกันบ่อยๆ จึงทำให้สนิทกัน และได้รู้ว่าปราณีก็เป็นคนภาคเดียวกันพูดจาภาษาเดียวกันยิ่งทำให้สนิทกันมากขึ้น

ปราณีกับเธอเริ่มการเพนต์เสื้อยืดขายจากงานออกร้านของคณะ รู้สึกชอบและสนุกจึงทำมาเรื่อยๆ ตอนนี้ปราณีทำงานอยู่ในฝ่ายศิลปกรรมของสำนักพิมพ์ แต่ในวันหยุดพวกเธอจะมาเปิดแผงขายเสื้อยืดที่ตลาดนัดกลางคืนซึ่งเป็นที่รู้จักดีว่า ของที่นำมาขายเป็นงานประเภทความคิดสร้างสรรค์หรืองานฝีมือ

“เซ็งอะไร”

“เรื่องไม่เป็นเรื่องมั้ง” พะนอขวัญส่ายหน้า

“อ้าว...มีมั้งด้วยแฮะ” ปราณีหัวเราะ ท่าทางเพื่อนไม่ได้ดูกลุ้มใจ แต่เหมือนรำคาญใจอะไรมากกว่า เธอจึงไม่ได้รู้สึกกังวลนัก

“ช่างมันเถอะ เอาไว้ให้เป็นเรื่องก่อนค่อยคิดใหม่” พะนอขวัญเอ่ย เธอพยายามจะไม่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ แต่พอว่างทีไรก็แวบเข้ามาในสมองตลอด แล้วก็ต้องรู้สึกขนลุกไปกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะฉบับยะเยือกของคุณพระเอกละครทุกครั้ง

กว่าเธอจะหลุดพ้นจากโต๊ะอาหารเช้าที่มีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่ไม่น่าสนุกเลยก็อึดอัดใจแทบตาย จำรสชาติอาหารเมื่อเช้าไม่ได้ด้วยซ้ำ

ปราณีหัวเราะคิกคัก พะนอขวัญเป็นคนแบบนี้แหละ พยายามจะไม่เก็บเอาเรื่องอะไรมารกสมอง เจ้าตัวบอกว่าเอาเวลาไปคิดอะไรใหม่ๆ ดีกว่า

“แล้วน้องนิดว่าไงบ้าง” พะนอขวัญเปลี่ยนเรื่องเป็นถามถึงน้องสาวของเพื่อนที่โทรศัพท์มา ปราณีจึงเดินเลี่ยงออกไปรับโทรศัพท์

“ก็โทรมาคุยเล่นน่ะ อาทิตย์นี้นิดกลับบ้าน” ปราณีตอบยิ้มๆ เมื่อนึกถึงน้องสาว ตั้งแต่มาเรียนและทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เธอก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยนัก ส่วนน้องสาวนั้นกำลังเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่จังหวัดใหญ่ข้างเคียงสามารถกลับบ้านได้บ่อยกว่า

พะนอขวัญยิ้มกว้าง ครอบครัวเพื่อนสาวก็คล้ายคลึงกับเธอ พ่อกับแม่เป็นครูทั้งคู่ ฐานะปานกลาง แต่ปราณีมีน้องสาว ส่วนเธอมีแต่พี่ชาย

“ยายนิดบอกว่าวันนี้แม่หมกปลาซิวกับแกงหน่อไม้ รู้ว่าพี่อยากกินก็ยั่วใหญ่” ปราณีเอ่ยกลั้วหัวเราะ เธอกับน้องสาวค่อนข้างสนิทกัน โทรศัพท์คุยกันบ่อยๆ

“โห...ฉันก็อยากกินเหมือนกัน กลับบ้านคราวหน้าให้แม่ทำบ้าง เอาหมกหยวก ซุปหมากมี่ อ่อมไก่ด้วย” พะนอขวัญเอ่ยถึงอาหารพื้นบ้านจานโปรดฝีมือมารดา

นึกแล้วก็อยากกินซะเดี๋ยวนี้เลย...อยู่กรุงเทพก็พอมีส้มตำกินหรอก แต่แบบที่เป็นกับข้าวนั้นหายากจริงๆ

“นั่นสิ มีแต่ของอยากกินทั้งนั้น แล้ววันหยุดยาวนี่จะกลับบ้านไหม” ปราณีพยักหน้าก่อนจะถาม วันหยุดสามวันที่จะมาถึง

เธอกำลังจะจองตั๋วรถทัวร์ซึ่งวันหยุดยาวแบบนี้ต้องจองตั๋วล่วงหน้ากัน บ้านเธอใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง หมดเวลาไปเกือบวัน จึงมีเวลาเพียงแค่วันเดียวที่ได้อยู่ที่บ้านเต็มที่ เพราะต้องเผื่อเวลากลับมากรุงเทพอีก

แต่ขอแค่ได้อยู่กับครอบครัว ได้เห็นหน้าพ่อกับแม่ ได้กินข้าวด้วยกัน ได้คุยกัน แม้จะเพียงแค่วันเดียว เธอก็รู้สึกว่าคุ้มค่ามากมาย

“อื้ม...ไปจองตั๋วรถไว้แล้ว” พะนอขวัญพยักหน้า ทั้งเธอกับปราณีต่างก็มีวิถีชีวิตที่ไม่ต่างกัน และไม่ต่างจากคนต่างจังหวัดอีกมากมายที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอวันหยุดยาว เพื่อที่จะได้ ‘กลับบ้าน’ แม้ว่าจะต้องใช้ทั้งเวลาและความพยายามมากแค่ไหน

ไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นภาพคนแน่นสถานีขนส่งหรือสถานีรถไฟในช่วงวันหยุดยาว โดยเฉพาะปีใหม่หรือสงกรานต์ที่ใครๆ ก็ต้องการกลับบ้าน

“ฉันก็จะไปจองเหมือนกัน”

สองสาวยิ้มให้กัน ก่อนจะหันไปเอ่ยทักลูกค้าที่เดินมาหยุดที่หน้าแผง ค่ำคืนนี้เพิ่งเริ่มต้น





น่านฟ้าเปิดประตูห้องทำงานซึ่งเขาขลุกตัวอยู่ทั้งวันออกมาก็ได้ยินเสียงเปียโน จึงเดินไปที่ห้องโถง แล้วก็ต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังดีดเปียโนอยู่เป็นน้องชายคนเล็ก ใบหน้าคมระบายยิ้มบางๆ

พวกเขาทุกคนถูกจับให้เรียนดนตรีตั้งแต่เด็ก โดยเรียนเปียโนก่อน มีเพียงเขตชลที่ยังคงเรียนเปียโนตลอด ส่วนเขาเปลี่ยนมาเรียนไวโอลิน แดนดินเปลี่ยนไปเรียนกีต้าร์คลาสสิค ก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปคลั่งกีต้าร์ไฟฟ้าแล้วร่วมกับเพื่อนตั้งวงดนตรีเล็กๆ

“อ้าว...พี่ใหญ่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่” แดนดินหันขวับไปเมื่อเล่นจบแล้วได้ยินเสียงปรบมือ พี่ชายคนโตยืนพิงผนังกระจกใสอยู่

“ก็สักครึ่งเพลงได้ ไม่นึกว่าจะได้ฟังนายเล่นเปียโนอีกนะ”

แดนดินเกาศีรษะเขินๆ

“ก็ลองดูว่ายังเล่นได้อยู่ไหม”

“ไม่ใช่ว่าจะเล่นเอาใจสาวหรือเปล่าคุณหนูเล็ก” เขตชลเดินออกมาจากอีกฝั่งหนึ่ง เขามาที่ห้องโถงหลังจากน่านฟ้านิดเดียว

“มั่วล่ะ เล็กไม่ใช่พี่กลางนี่”

เขตชลหัวเราะเบาๆ

“ก็คิดว่าอยากเล่นให้รุ่นพี่ฟัง” เขาเย้าน้องชาย แล้วปรายตาไปทางพี่ชาย “ท่าทางคุณแพงจะชอบเปียโน เมื่อวานชมพี่ซะจนตัวแทบลอย”

“แหวะ เจ๊แพงเขาก็ชมไปตามมารยาทเท่านั้นแหละ” แดนดินแบะปาก หากคนเป็นพี่หัวเราะร่วน

“เป็นมารยาทที่พี่เห็นความจริงใจเต็มเปี่ยมนะ นายอิจฉาใช่ไหมล่ะคุณหนูเล็ก” เขตชลยักคิ้ว หัวเราะชอบใจที่เห็นน้องชายหน้างอเหมือนเด็กๆ

“ก็ไม่แน่หรอก...เจ๊แพงเขาอาจจะชอบอย่างอื่นมากกว่าเปียโนก็ได้”

“หืม...อย่างกีตาร์คลาสสิค หรือ...” เขตชลทิ้งระยะ ก่อนจะหันไปทางพี่ชาย “ไวโอลินดีล่ะ”

น่านฟ้ามองแววตายั่วเย้าของน้องชายคนกลาง เข้าใจความมาแฝงในคำพูดของเขตชลว่าไม่ใช่เครื่องดนตรีหรอก

“พี่ว่าไง คิดว่าคุณแพงเขาจะชอบอะไรมากกว่า”

น่านฟ้ายักไหล่

“พี่ไม่ใช่เจ้าตัวนี่ เขาอาจจะชอบแซค เชลโลหรือระนาดมากกว่าก็ได้ ใครจะรู้”

“หึๆ น่าสนใจนะ พี่ว่าไหม”

น่านฟ้ายักไหล่

“พี่กลางไม่ต้องมาสนใจเจ๊แพงเลย” แดนดินแทรกขึ้นมา มองพี่ชายคนกลางตาขุ่น “ไปหาสาวๆ ของพี่โน่น ไม่ต้องมายุ่งเลย”

“หวงอะไรขนาดนั้น นี่พี่ของนายนะ”  

“ก็เพราะเป็นพี่กลางนี่แหละ” แดนดินแสยะยิ้ม

“แล้วถ้าเป็นพี่ใหญ่ล่ะ” เขตชลหัวเราะเบาๆ ทั้งพี่ชายน้องชายจ้องเขาเขม็ง

“พี่ใหญ่ก็ดีกว่าพี่กลางแน่นอนอยู่แล้ว” แดนดินยักคิ้ว ก่อนจะมองไปทางพี่ชายคนโต เห็นแต่ยิ้มบางๆ เหมือนกลั้นขำอยู่เท่านั้น

“อะไรๆ แบบนี้มันลำเอียงนี่คุณหนูเล็ก”

“อ้าว หรือว่าพี่กลางจะเถียงว่าพี่ดีกว่าพี่ใหญ่”

“เอ่อ...” เขตชลหันไปมองพี่ชายก่อนจะถอนหายใจ อย่างว่าแต่เทียบกับเขาเลย จะหาใครดีกว่าน่านฟ้ามันก็ยากอยู่นะ “ก็คงไม่เถียงหรอกเรื่องนั้น แต่คุณแพงเขาอาจจะชอบความเร้าใจของพี่ก็ได้...จริงไหมพี่ใหญ่”

“ไร้สาระทั้งคู่นั่นแหละ ไปหาข้าวเย็นกินซะจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” น่านฟ้าเอ่ยน้ำเสียงนิ่งๆ เลิกคิ้วเมื่อน้องชายทั้งสองที่จ้องเขาเป็นตาเดียว

“พี่ใหญ่ว่าน้อง” สองเสียงประสานกัน

น่านฟ้าหลุดหัวเราะออกมาเพราะน้องชายตัวโตทั้งสองหน้างอ ปากยื่น ตวัดตาค้อนให้เขาเหมือนตอนเป็นเด็กไม่มีผิด

ทั้งสองชอบทำแบบนี้เวลารวมหัวก่อนกวนเขาแล้วถูกดุ   

“มาได้แล้ว...เด็กๆ” น่านฟ้าพยักหน้าให้กับน้องชายทั้งสอง แล้วออกเดินไปยังห้องครัว โดยมีน้องทั้งสองกอดคอกันเดินตามมา โดยมีเสียงซุบซิบนินทาเขาอยู่เบื้องหลัง



น่านฟ้าเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าห้องครัวดูคล้ายเมื่อวาน มีข้าวของอยู่เต็มโต๊ะ ทุกอย่างจัดอยู่ในจานอย่างเรียบร้อย เพียงแต่คนที่ยืนอยู่ในห้องครัวไม่ใช่หญิงสาวคนเมื่อวาน

“มาแล้วเหรอคะ พี่กำลังจะออกไปตามพอดี ทานได้เลยนะคะ”

“แจ่มเลยพี่น้ำหวาน ดีนะที่เมื่อวานให้เจ๊แพงทำน้ำจิ้มไว้เยอะๆ น้ำซุปก็เหลือ ทำได้อีกมื้อเลย” แดนดินรีบมานั่งประจำที่โต๊ะ เพ่งมองกระทะไฟฟ้าที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะ น้ำหวานใส่เครื่องเคราทุกอย่างลงไปเรียบร้อยแล้ว

ถึงเมื่อวานจะกินไปแล้วรอบหนึ่ง แต่เขากับเขตชลก็อยากกินอีกรอบเลยให้พี่น้ำหวานช่วยจัดการให้

“นั่นสิ...ลงมือกันเลยดีกว่า” เขตชลทรุดนั่งลงบ้าง “อ้าว...พี่ใหญ่ไม่กินเหรอ”

น่านฟ้าเลิกคิ้ว ทรุดนั่งประจำตำแหน่ง มองจานและตะเกียบที่วางอยู่ตรงหน้า แล้วมองน้องชายทั้งสองที่เริ่มง่วนกับการคีบสรรพสิ่งในกระทะไฟฟ้า

“แหม...ถ้าชอบขนาดนี้ เดี๋ยวพี่ขอสูตรคุณแพงมาทำให้ทานอีกนะคะ” น้ำหวานเอ่ยยิ้มๆ วันนี้เธอแค่เตรียมผักกับเนื้อบางส่วนเพิ่มให้เท่านั้น

“อืม...ก็ดีนะครับ แต่ถ้าได้เจ้าตัวมาทำให้ทานจะดีมากกว่า” เขตชลตอบ แล้วหันไปยักคิ้วให้น้องชายซึ่งคราวนี้ไม่ขัดคอ

“ใช่...ให้เจ๊แพงมาทำน่ะดีที่สุด” แดนดินเห็นด้วย แต่จะต้องไม่ใช่เพราะพี่ชายคนกลาง เขาเหลือบไปทางพี่ชายคนโตก็เห็นว่าน่านฟ้ายังนั่งนิ่ง “พี่ใหญ่ไม่เคยทานจิ้มจุ่มใช่ไหม ลองทานดูแล้วจะติดใจ”

สองหนุ่มมองพี่ชายหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วหัวเราะกัน

“พี่ว่าพี่มีอะไรเหนือกว่าพี่ใหญ่นิดนึงแล้วนะ” เขตชลหันไปทางแม่บ้านสาว “พี่น้ำหวาน ขอช้อนกับส้อมให้พี่ใหญ่ด้วยครับ”

“พี่ใช้ตะเกียบได้หรอกน่า” น่านฟ้าถลึงตาให้น้องชายที่หัวเราะไม่หยุด

“แหม...แค่ใช้ตะเกียบไม่ค่อยเป็นมันไม่ได้ทำให้พี่ใหญ่เพอร์เฟกน้อยลงหรอกครับ” แดนดินกระเซ้าท่าทางการจับตะเกียบแบบเก้ๆ กังๆ ของพี่ชาย  

“หัวเราะกันสนุกจริงนะพวกนายน่ะ” น่านฟ้าถอนหายใจ ก่อนจะวางตะเกียบ รับช้อนกับส้อมมาจากน้ำหวาน เขาไม่ถนัดการใช้ตะเกียบจริงๆ นั่นแหละ

“เดี๋ยวเล็กกับพี่กลางจะบริการพี่ใหญ่เอง” แดนดินหัวเราะ ก่อนจะคีบเนื้อที่สุกแล้วใส่จานให้พี่ชาย เช่นเดียวกับเขตชล ต่างช่วยกันจนน่านฟ้าแทบจะต้องยกจานหนี

“พอแล้วพวกนาย เต็มจานแล้วเห็นไหม” เขาถลึงตาใส่น้องชายทั้งสองที่หัวเราะอย่างชอบใจ ไม่เกรงกลัวเลยสักนิด

“พี่ใหญ่ต้องกินเยอะๆ นะ เอาแต่ทำงานทั้งวันทั้งคืนเดี๋ยวก็โทรมแย่” แดนดินหันมาคีบให้ตัวเองบ้าง โดยมีพี่ชายคนรองพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

“ถูกต้อง ขยันทำงานก็ดีหรอก แต่เยอะไปก็ไม่ดีนะ ต้องผ่อนคลายบ้าง” เขตชลเสริม ขณะมือง่วนไปกับการคีบเนื้อมาใส่จานตนเอง  

“หึๆ ขอบใจนะ” น่านฟ้ายิ้มน้อยๆ รู้สึกว่าพักหลังเขาไม่ค่อยได้คุยกับน้องๆ สักเท่าไร ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง

“อร่อยใช่ไหมล่ะพี่ใหญ่...ฝีมือเจ๊แพงน่ะ”

น่านฟ้าเลิกคิ้ว ท่าทางลุ้นๆ กับประกายตาวิบวับของแดนดิน

“พี่คงตอบเป็นอย่างอื่นไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”




======================================


ปล. ขอบคุณมากๆ นะค้าที่ติดตามกัน ถึงคนเขียนจะหายบ้างช้าบ้าง ขอบคุณจริงๆ ค่ะ ^^




Create Date : 31 สิงหาคม 2555
Last Update : 31 สิงหาคม 2555 12:09:56 น. 28 comments
Counter : 6607 Pageviews.

 
อิ่มตาและอิ่มใจค่ะ จะพยายามบริโภคแบบงูหลามค่ะ ให้อิ่มไปจนกระทั่งตอนใหม่มาค่ะ


โดย: ก้อนหิน IP: 171.7.241.114 วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:12:40:16 น.  

 
วันศุกร์ที่เป็นสุขค่ะ


โดย: pimpagee วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:14:02:13 น.  

 
อร็ายยย อยากทานจิ้มจุ่มมั๊งอ่ะ แบบมีคนคีบให้แบบนี้ด้วย...คุณใหญ่จะใช้วิธีมัดมือชกน้องแพงให้เป็นแฟนกำมะลอหรือปล่าวหนอ


โดย: ต่างแดน IP: 89.2.127.252 วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:16:18:40 น.  

 
สุขจริง ๆ จ๊ะ


โดย: นู๋ติ๋ว...จ้า IP: 223.27.233.126 วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:16:28:52 น.  

 
ดีใจที่มา


โดย: เล็ก IP: 115.67.33.146 วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:18:02:14 น.  

 
หิ้วววววววววววว....หิว อยากกินจิ้มจุ้มกับพี่ใหญ่ด้วยคนคะ 555555


โดย: หนอนฮับ IP: 101.108.235.210 วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:19:14:06 น.  

 
สนุกมากค่ะ พี่น้องน่ารักกันจังเลย


โดย: Jj IP: 110.49.226.219 วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:20:28:23 น.  

 
ค่อยหายคิดถึง


โดย: โนโตะ IP: 118.173.89.193 วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:21:24:57 น.  

 
หิวววววววววววววววว อยากกินแจ่วฮ้อนกับน้องแดนจัง อิอิอิ

(คว้าน้องสุดท้องนี่แหละ ไม่มีใครจอง หึหึหึ)


โดย: รมณ IP: 171.101.162.20 วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:22:30:03 น.  

 
พี่ฬีฬา ตอนนี้เล่นซะหิวเลย แต่ก็เป็นวันที่เป็นสุขนะคะ


โดย: sweet IP: 203.158.4.225 วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:22:36:30 น.  

 
อืม...วันสุขจริง ๆ


โดย: ต้นอ้อย IP: 58.11.243.182 วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:22:51:10 น.  

 
อยากกินจิ้มจุ่มบ้างงงงงอ่ะ


โดย: หนุ่ย IP: 110.49.232.115 วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:1:17:56 น.  

 
รักกันดีจัง พี่น้องบ้านนี้
น่านดูจะค่อยๆตีสนิทแพง เสียดายที่มีคู่ป่วนมาทำให้เสียบรรยากาศ


โดย: ปุ๊ก IP: 27.55.4.111 วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:1:33:11 น.  

 
พี่น้องบ้านนี้เค้าสนิทกันดีจัง น่ารักค่ะ


โดย: mooda IP: 223.205.67.80 วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:7:44:34 น.  

 
มีความสุขมากค่ะ ที่ได้อ่านเรื่องนี้


โดย: Natee IP: 98.175.224.60 วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:9:01:49 น.  

 
สนุกคะเรื่องนี่้ คือจริงๆก๋็สนุกทุกเรื่องของคุณฬีฬา เพราะอ่านทุกเรื่องคะ



โดย: ดวงใจ IP: 124.121.61.135 วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:14:02:17 น.  

 
สนุกมากเลยค่ะ มีรอยยิ้มรับต้นเดือน ^^


โดย: นู๋เต่า IP: 58.11.99.107 วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:19:50:58 น.  

 
อยากสอนใช้ตะเกียบ อิอิ


โดย: บ่าบี๋ วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:22:55:03 น.  

 
ครอบครัวนี้น่ารักอะ แล้วเมื่อไรเจ๊แพงจะมาอีกน้า รอๆๆๆนะค่ะ


โดย: อร IP: 101.108.204.109 วันที่: 2 กันยายน 2555 เวลา:13:05:19 น.  

 
พี่ใหญ่มีมุมน่าร้ากกกกกกแบบนี้ด้วย 555+


โดย: ของขวัญ...^=A=^... IP: 171.99.23.212 วันที่: 2 กันยายน 2555 เวลา:18:14:41 น.  

 
เฮ้อ!! ยังเหลือผู้ชายแบบพี่ใหญ่อีกมัยน่าหนูฬี อยากได้บ้าง อิอิ


โดย: เล็ก siricharee IP: 58.64.50.69 วันที่: 2 กันยายน 2555 เวลา:18:56:06 น.  

 
พี่น้องน่ารักมาก แอบอยากรู้ว่าคุยอะไรกันบนโต๊ะอาหารทำไมน้องแพงกังวลล่ะ?? ขอบคุณนะค่ะคุณฬี อัพต่อเลยค่ะน่าติดตามมากมาย ^^


โดย: ฟ้าใส IP: 113.53.206.40 วันที่: 3 กันยายน 2555 เวลา:14:09:15 น.  

 
รีบมารายงานตัวคับ
หายคิดถึงแหล่ะ


โดย: fiction addict IP: 49.0.96.37 วันที่: 3 กันยายน 2555 เวลา:17:23:53 น.  

 
หวังว่าพี่ใหญ่จะไม่เข้าใจผิดน้องเล็กกะแพงอีกคนนะ


โดย: nasa IP: 202.28.78.180 วันที่: 3 กันยายน 2555 เวลา:21:42:01 น.  

 
สงสัยนะนี่ ว่าคนเขียนชอบกิน หรือชอบทำ บรรยายอาหารแต่ละอย่าง กระตุ้นต่อมหิวทุกเรื่อง อิอิ


โดย: yao chan IP: 125.27.78.249 วันที่: 6 กันยายน 2555 เวลา:1:10:03 น.  

 
ดีใจทุกครั้งที่เจอตอนใหม่

สนุก เพลิดเพลิน ตลอดเลยค่ะ


โดย: คนตามอ่าน IP: 86.129.38.38 วันที่: 6 กันยายน 2555 เวลา:6:45:59 น.  

 
อยากอ่านต่อจัง


โดย: Jum IP: 58.137.16.27 วันที่: 6 กันยายน 2555 เวลา:12:45:25 น.  

 
พี่ใหญ่ว่าน้อง - - ฮามากประโยคนี้


โดย: wa-ne IP: 180.180.204.224 วันที่: 11 กันยายน 2555 เวลา:13:15:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอกไม้ของฬีฬา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 84 คน [?]




จิบกาแฟ...อ่านนิยาย...ชมดอกไม้...ในสวนสวย
Friends' blogs
[Add ดอกไม้ของฬีฬา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.