ต้นทุนชีวิตคือการสะสมความเคยชินที่ดี

สงครามสนามหญ้า

สนามหญ้าสีเขียวพร้อมไม้ใหญ่รายรอบสนามคือจุดขายบ้านที่ถูกใจชาวกรุงผู้โหยหาธรรมชาติเป็นอย่างมาก โครงการบ้านจัดสรรหลายแห่งจึงจัดสวนปูหญ้าหน้าบ้านให้ด้วย เป็นการสร้างเสน่ห์เพิ่มเติมจากพื้นที่สีเขียวในส่วนกลาง (ซึ่งวันดีคืนดีอาจถูกรื้อทิ้งแล้วเปลี่ยนเป็นลงเสาเข็มบ้านล็อตใหม่)

ช่วงแรกที่มาอยู่ ถ้อยคำเจรจาระหว่างเพื่อนบ้านมักจะเป็นว่า
“ไม่เห็นเข้ามาตัดหญ้าให้ซักที”
“หญ้าสูงท่วมเข่าแล้ว”
“หญ้าเหลืองตายเป็นหย่อม ๆ เลย ไม่รู้ละ ต้องมาเปลี่ยนให้ด้วย ไม่งั้นไม่ยอม”
และ อะไรประมาณนี้แหละ

เจ้าหน้าที่โครงการซึ่งรับศึกหนักจากเรื่องโครงสร้างและสภาพบ้านภายใน มองว่าเรื่องสนามหญ้าเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว แต่เพื่อมิให้โดนลากประเด็นไปโยงกับเรื่องบ้านในส่วนอื่น ๆ บริการดูแลต้นไม้และซ่อมแซมสนามเปลี่ยนหญ้าให้ จึงเกิดขึ้นอย่างอะลุ่มอล่วย สำหรับบางบ้านโครงการฯ ยอมเปลี่ยนหญ้าให้ทั้งสนาม เจ้าของบ้านยิ้มหน้าบาน แต่ผู้รับเหมาจัดสวนและเจ้าของโครงการอาจกำลังกัดฟันกรอด ๆ

เมื่อหมดระยะเวลารับประกันเรื่องสวน คุณสาว ๆ แต่ละบ้านก็หันหน้าเข้าไปหาคุณหนุ่ม ๆ ในบ้านแทน ทั้งนี้เพราะฝ่ายการคลังพากันคำนวณแล้วว่า ถ้ามีสนามหญ้าสวย ๆ ต้องเสียค่าตัดหญ้าเดือนละสองครั้ง หนึ่งปีมีตั้งสิบสองเดือน สู้ใช้ประโยชน์จากแรงงานแฝงภายในบ้านดีกว่า ด้วยเหตุนี้ หัวข้อพูดคุยเกี่ยวกับสนามหญ้าระหว่างบ้านจึงเปลี่ยนเป็น

“ซื้อรถตัดหญ้ารุ่นนี้ดีกว่านะคะ ใช้ง่าย” (ไม่รู้ว่ารถหรือคน?)
“ซื้อแบบสะพายบ่าเหมือนคนที่มาตัดหญ้าให้ดีกว่านะคะ บ้านพวกเราปลูกต้นไม้เยอะ ใช้รถเข้าไม่ถึงหมดหรอก” (นั่นสิ มีต้นไม้ใหญ่ตั้งสองต้น ไม้พุ่มเล็ก ๆ อีกตั้งสองแถวข้างรั้ว)
“ซื้อแบบของบ้านโน้นดีกว่า ใช้ไฟฟ้า ท่าทางจะง่าย-แค่เสียบปลั๊ก!” (โอ้โฮ..ที่ไหนคะ เท่าไรคะ)
“ใช้กรรไกรตัดก็ได้มั้ง”
และ อะไรประมาณนี้แหละ

หลังจากคุยกันไม่นาน แต่ละบ้านก็มีเครื่องตัดหญ้าพร้อมออกรบกับสนาม เพื่อความมั่นใจว่าจะชนะศึกแน่ บางบ้านจึงมีทั้งแบบรถตัดหญ้า แบบตั้งพื้น และกรรไกร ในวันเสาร์อาทิตย์ช่วงแรก ๆ มีเสียงเครื่องตัดหญ้าดังกระหึ่มไปทั่ว ลองคิดดูสิ แต่ละซอยมีบ้านฝั่งละสิบหลัง รวมสองฝั่งก็เป็นยี่สิบ แล้วไหนจะซอยใกล้เคียงอีกล่ะ นอกจากเสียงตัดหญ้าแล้วยังมีเสียงคุณ ๆ ผู้หวังดีตามมากันอีก

“ระวังนะคะ ระวังเท้าด้วยค่ะ”
“พี่ว่า คุณน่าจะใส่รองเท้าผ้าใบกันไว้ซะหน่อยนะ แฟนพี่เคยตัดโดนนิ้วเท้าตัวเองค่ะ”
และ อะไรประมาณนี้แหละ

แค่เสียงเครื่องตัดหญ้าก็หนวกหูจะแย่อยู่แล้ว ยังสารพัดเสียงกองเชียร์ทั้งในบ้านข้างบ้านอีก ด้วยเหตุนี้ คนตัดหญ้าจึงต้องใส่รองเท้าผ้าใบ ใส่ถุงมือ และใส่หมวกด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวมีเสียงเพิ่มเรื่องหน้าดำอีกหนึ่งเสียง

ฝ่ายข้าศึกคือหญ้านวลน้อยในสนามไม่อาจพูดได้ จึงเห็นเพียงปลายยอดหญ้าสั่นไหว ๆ ไม่รู้ว่ากลั้นหัวเราะหรือส่ายหน้าปลงกับเรื่องราวของพวกคนสวนมือใหม่

สงครามสนามหญ้าใช้เวลาไม่นาน ฝ่ายขุนศึกทั้งหลายก็ถอดใจ ยอมเปิดกระเป๋าเงินสำรองที่แอบซุกซ่อนเอาไว้เพื่อการอื่น นำมาใช้เป็นข้อต่อรองแลกเปลี่ยนพร้อมคำอ้อนนิด ๆ ว่า ในระยะยาว หยาดเหงื่อแรงกายของฝ่ายนักรบคงไม่อาจเอาชนะสนามหญ้าได้ ถ้าจะเปลี่ยนสนามหญ้าเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์อื่นน่าจะคุ้มค่ากว่า ทั้งต่อบ้าน ต่อสวน และโดยเฉพาะต่อฝ่ายทหารกล้าผู้ต้องการวันหยุดอันแสนสงบคืนมา

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงเครื่องตัดหญ้าช่วงเสาร์อาทิตย์ก็ค่อย ๆ จางไป จากเสียงดอลบี้เสตอริโอกระหึ่มรอบทิศทาง ก็กลายเป็นเสียงสเตอริโอธรรมดา จนสุดท้ายแทบจะกลายเป็นแค่เสียงครางเบา ๆ จากวิทยุทรานซิสเตอร์ ในขณะเดียวกัน สีน้ำตาลเข้มของพื้นไม้ สีน้ำตาลแดงของก้อนศิลาแลง รวมทั้งสีสว่างสดใสของกระเบื้องหลากสีก็เข้ามาแทนที่ตามความเหมาะสมของแต่ละบ้าน พื้นที่สีเขียวเริ่มกลายเป็นสีลูกกวาด ดูมีสีสันจนจ้าหน้าที่โครงการที่เพิ่งปูหญ้าให้ใหม่ ต้องตะลึง ทึ่ง และอึ้ง!

โชคยังดี ที่สนามหญ้านวลน้อยในสวนแก้วกังสดาลถูกช่วยชีวิตไว้ เพราะขุนศึกผู้ปราณีมีความเห็นใจคนสวนซึ่งต่อรองว่า เว้นพื้นที่สีเขียวไว้สักหน่อยเถิด เหตุผลสำคัญที่ได้รับความเห็นใจอย่างมากคือผู้ต่อรองมีเจตนาแถมข้อเสนอ “ตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต” โดยการอนุญาตให้ปูหินปูกระเบื้องด้านข้างตลอดแนวยาวไปในส่วนพื้นที่ด้านหลังของทั้งสองฝั่งด้วย

คนตัดหญ้าพิจารณาข้อเสนอแล้วเห็นว่า การศึกครั้งนี้คงไม่หนักหนาเท่าเดิม เพราะพื้นที่สีเขียวของสาวนวลน้อยหายไปเกือบครึ่ง สนธิสัญญาสงบศึกจึงถูกทำขึ้น บนเงื่อนไขของขุนศึกผู้เปลี่ยนฐานะจากนักรบเป็นฝ่ายกฎหมายและการเมืองว่า ต่อไปนี้ ข้อหนึ่ง-คนตัดหญ้าจะใช้กรรไกรตัดหญ้าด้วยมือ ข้อสอง-ไม่จำเป็นต้องตัดให้เสร็จในวันเดียวกัน และ ข้อสาม-ถ้าสนามหญ้ารกเพราะคนตัดมีงานอื่นล้นพ้นตัว คนสวนห้ามบ่น!!

ความสงบกลับคืนมาสู่พื้นที่เล็ก ๆ ของสวนได้ไม่นาน คนตัดหญ้าก็ลางานหนีหายไปเที่ยวสบายใจเฉิบ ตอนล่ำลากัน คนสวนแทบสะอื้น เพราะห่วงว่าตนคงต้องควบหน้าที่เป็นคนตัดหญ้าอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย

ดูสิ ยังไม่ถึงเดือนเลย ทำไมหญ้ามันโตเร็วอย่างนี้หนอ ร่ำ ๆ จะจ้างมืออาชีพมาตัดหญ้าให้แล้วเชียว แต่เผอิญนึกถึงข้อตกลงตอนแบ่งแยกดินแดนกันได้ก็เลยลองกัดฟันทำหน้าที่บนสนามหญ้าดู สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องกำหนดไว้แบบนั้น

ข้อหนึ่ง ใช้กรรไกรตัดหญ้าด้วยมือ
ลองดูแล้วแทบจะหมดกำลังใจ อยากเปลี่ยนไปใช้เครื่องตัดหญ้า แต่คิดได้เสียก่อนว่า ถึงใส่รองเท้าผ้าใบก็เถอะ คนตัดหญ้าหน้าใหม่มีสิทธิเสี่ยงไม่เฉพาะนิ้วเท้า แต่อาจจะทั้งเท้าเลยก็ได้ ด้วยเหตุนี้ จึงกัดฟันก้มหน้าก้มตาใช้กรรไกรตัดเล็มไป นึกในใจไปด้วยว่า อีกแค่สามอาทิตย์เขาก็จะกลับมาแล้ว สนามหญ้าเท่ากะแบะมือนี้จะตัดเสร็จไหมหนอ…

กรึบ กรึบ กรึบ ….
โอย ตัดมาตั้งนานแล้วเพิ่งได้ตารางฟุตเดียว
กรึบ กรึบ กรึบ ….
รักอยากมีสนามหญ้าเขียว ๆ ไว้ดูเพลิน ๆ ก็ต้องนั่งตัดหญ้าเพลิน ๆ อย่างนี้นี่เอง
กรึบ กรึบ กรึบ ….
หญ้าอะไร โตเร็วชะมัด ยิ่งตัดยิ่งโต
กรึบ กรึบ กรึบ ….
โอย เหนื่อย เมื่อย และเบื่อ!!
--------------------

กรึบ กรึบ กรึบ ….
เออหนอ, ต้นหญ้าพวกนี้ มันช่างเหมือนกิเลสในใจของคนเราเสียนี่กระไร ไม่หมั่นดูแลขัดเกลามันก็เติบโตรกรุงรัง

กรึบ กรึบ กรึบ ….
ต้องพยายามวางกรรไกรไว้ระนาบเดียวกันนะ ไม่งั้นปลายหญ้าไม่เรียบเสมอกันด้วย
กรึบ กรึบ กรึบ ….
อือม..ตัดไปตัดมาก็เพลินดีเหมือนกัน
กรึบ กรึบ กรึบ ….
ยอดอ่อนสั้น ๆ นี่สวยดีนะ ดูเรียบร้อยสะอาดตา ไม่เหมือนมุมที่ยังไม่ได้ตัดเนอะ
กรึบ กรึบ กรึบ ….
ฟังไปฟังมา เสียงจังหวะของกรรไกรก็เพราะดี มิน่า คนตัดหญ้าบ้านเราถึงชอบหนีคนมานั่งตัดหญ้าในสวน
กรึบ กรึบ กรึบ ….
เออแน่ะ นี่มันเสียงกรรไกรหรือเสียงลมหายใจกันแน่ แทบจะกลายเป็นจังหวะเดียวกันเสียแล้ว ลองฟังสิ
กรึบ กรึบ กรึบ ….

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ความท้อใจของการตัดหญ้าด้วยกรรไกรก็หายไปหมด แถมยังปรากฏผลเป็นยอดหญ้าเรียบเสมอกันในพื้นที่ประมาณสามตารางเมตร คนตัดหญ้าหน้าใหม่ดีใจแทบแย่ รู้สึกเม็ดเหงื่อเป็นเหมือนน้ำมนต์พรมให้ ช่างเย็นหัวใจเหมือนหญ้าได้น้ำจากสปริงเกอร์
แต่เอ้อ, พอหันกลับมาเพ่งพิศผลงานแล้ว ทำไมต้องนึกถึงลูกชายตอนเล็ก ๆ ที่ถูกปัตตาเลี่ยนไถผมแหว่งไปปื้ดหนึ่ง ก่อนเจ้าหนูตกใจร้องไห้จ้าไม่ยอมให้ช่างตัดผมต่อด้วยก็ไม่รู้

บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร เพราะในส่วนที่เสร็จแล้วดูสะอาดตาสบายใจดี เหมือนตัดอะไรรก ๆ ในใจทิ้งไปด้วย วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า มีงานอีกมากมายรออยู่ ใครจะมานั่งตัดหญ้าอยู่ได้ทั้งวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ สนธิสัญญาว่าด้วยสนามหญ้านวลน้อยข้อที่สองกำหนดไว้นี่นา ว่าไม่จำเป็นต้องตัดให้เสร็จในวันเดียว!

เมื่อทำตัวเป็นคนทิ้งงานไว้เสียเอง รอยแห่วง ๆ เหล่านี้ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนักหนา แปลกจัง กลับกลายเป็นว่า มองผลงานตัวเองแล้วเห็นอะไรในสนามมากกว่ายอดหญ้าที่ไม่เรียบเสมอกัน เริ่มเกิดอาการดวงตาเห็นธรรม เข้าใจเหตุผลของบทบัญญัติข้อสามในสนธิสัญญาสงบศึก

ด้วยเหตุฉะนี้ ถ้าใครมีโอกาสแวะไปเยี่ยมสวนแก้วกังสดาลก็อย่าได้แปลกใจเลย ถ้าสนามหญ้าทั้งหน้าบ้านหลังบ้านจะเขียวเป็นหย่อม ๆ เรียบร้อยเป็นจุด ๆ และรกเป็นช่วง ๆ
คนตัดหญ้าสวนนี้เขากำลังปฏิบัติธรรม
หรือ อะไรประมาณนี้แหละ!!




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2551
7 comments
Last Update : 11 กรกฎาคม 2551 15:39:46 น.
Counter : 885 Pageviews.

 

อ่านแล้วนึกภาพตาม..

เริ่มจะมีดวงตาเห็นธรรม ขึ้นมาบ้างแล้วค่ะ..

เขียนได้สนุกน่าอ่านมากเลยค่ะ

 

โดย: ว่าน 11 กรกฎาคม 2551 19:19:01 น.  

 

เปรียบเทียบได้ดีทีเดียวระหว่างหญ้ากับกิเลสในใจคน
หญ้าต้องหมั่นตัดแต่งจึงจะดูสวยงาม กิเลสในใจคนก็ต้องหมั่นขัดเกลาบ่อยๆจึงจะรู้จักพอ ดีใจที่มีบล็อกแนวนี้
ขอให้สุขภาพแข็งแรง และมีความสุขทุกๆวัน

 

โดย: กาแฟสดกะพรรณไม้งาม 11 กรกฎาคม 2551 21:30:45 น.  

 


สวัสดีตอนเช้าของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า



ฝากเมฆฝนที่ลอยอยู่กลางฟ้า

ฝากนภาพื้นใหญ่แผ่ไพรสาร

ฝากไปบอกถึงเธอทุกวันวาน

ว่าตัวฉันเฝ้าคิดถึง-ห่วงใย เธอ



** ขอให้มีความสุขกับวันหยุดพักผ่อนนะจ้า **



เห็นด้วยกับ คอมเม็นท์ ข้างบนเลยอะจ้า

 

โดย: จอมแก่นแสนซน 12 กรกฎาคม 2551 12:03:47 น.  

 

เอ๊ะ เสียงอะไรดังแปลก

กรึบ กรึบ กรึบ
อ้อ นั่นไง คนสวนกำลังก้มหน้าก้มตาตัดหญ้าอย่างเอาเปนเอาตาย

กรึบ กรึบ กรึบ
เอ๊ะ เสียงกรรไกรตัดหญ้าบ้านนี้ทำไมดังถึงแปลก ๆ แฮะ

กรึบ กรึบ กรึบ
เอ ลมหายใจเข้าออกก็มีเสียงดังพิลึกเหมือนกัน

กรึบ กรึบ กรึบ
อ้าว นั่นเขาปฏิบัติธรรมจวนจะบรรลุขั้นโสดาแล้วกระมัง

กรึบ กรึบ กรึบ
อ๋อ ที่แท้กรรไกรตัดหญ้าบ้านนี้คงจะทื่อเพราะคนสวนไม่เคยลับลิสิท่า

อัญญาสิ กังสดาล (กังสดาลเห็นแล้ว กังสดาลรู้แจ้งแล้ว)

 

โดย: ลุงแว่น 12 กรกฎาคม 2551 12:38:00 น.  

 

เหนื่อยนักเสียพักบ้าง ถูกต้องแล้ว อะไรก็ตามทำให้พอดี
ทุกอย่างจะดีเอง มีความสุขกับการพักผ่อนในวันหยุด
รักษาสุขภาพด้วย หลับและฝันดี

 

โดย: กาแฟสดกะพรรณไม้งาม 12 กรกฎาคม 2551 20:20:15 น.  

 

ชอบจังที่ว่า"หญ้าเหมือนดั่งกิเลสในใจคน"
ยิ่งตัดก็ยิ่งขึ้น ต้องถอนรากโคนทิ้งไป...

 

โดย: จันทร์ไพลิน 20 กรกฎาคม 2551 10:31:34 น.  

 

ช่าย ๆๆ หญ้านวลน้อย เป็นเหมือนกิเลสที่ต้องหมั่นดูแล ที่บ้านเลยตัดกิเลส โดนฉีดยาให้มันตายซะเลย อิอิอิ กิเลสก็เลยไม่งอกเงยอีก แต่ก็ไม่แน่เพราะตอนนีกำลังปลูกหญ้ามาเลย์ ไม่รู้จารอดรึเปล่า






























 

โดย: oil_phuket IP: 58.147.55.190 12 สิงหาคม 2551 0:59:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


kangsadal
Location :
เวียงจัน Laos

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]






พระจันทร์เต็มดวงคนมองเห็นได้บางวัน
เช่นกันกับวันที่เห็นพระจันทร์เสี้ยว
แต่ทุกวัน....
พระจันทร์เต็มดวง
online
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kangsadal's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.