คำสารภาพของคนสวน
เมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น พี่สาวของข้าพเจ้าได้เริ่มทำสวนเปิดที่บ้านไร่ เวลาเธอเข้ามาทำธุระใด ๆ ที่กรุงเทพฯ เธอจะต้องแวะหาซื้อต้นไม้ติดรถกลับบ้านไปด้วยเสมอ ครั้งใดที่พอมีเวลา เธอมักแวะเยี่ยมข้าพเจ้าซึ่งพักอยู่ในหอพักระหว่างทางกลับบ้าน ในบางอารมณ์ เธอชวนข้าพเจ้าเดินเล่นตามสนามหญ้าซึ่งมีอยู่ทั่วไปตลอดบริเวณกว้างใหญ่ของสถาบันที่ข้าพเจ้าศึกษาอยู่
ระหว่างทางที่เดินไปด้วยกัน เธอจะสังเกตต้นไม้พันธุ์ไม้ที่มีอยู่โดยรอบ ข้าพเจ้าเห็นเธอร่างภาพการจัดวางทำโครงเหล็กให้ไม้เลื้อยและการตัดพุ่มไม้กั้นทางหรือการปลูกสร้างรั้วสวนเพื่อเป็นแนวไม้กั้นสายตาระหว่างบ้านพักต่าง ๆ รวมไปถึงการใช้สปริงเกอร์รดน้ำสนามหญ้าที่กว้างขวางนับเป็นสิบ ๆ ไร่ สิ่งที่เธอสนใจเหล่านั้น เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าไม่เห็นความสำคัญเลย ของพวกนั้นเป็นของพื้น ๆ ที่ข้าพเจ้ามองว่า เป็นเรื่องของคนสวนคนงาน ข้าพเจ้าไม่คิดว่า คนอย่างข้าพเจ้าที่ตอนนั้นทระนงตนว่าเป็นพวกทำงานโดยสมองจะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับการทำงานในลักษณะของคนใช้แรงงาน ไม่เคยคาดคิดเลยว่า วันหนึ่ง ข้าพเจ้าจะต้องกลายมาเป็นคนสวนเสียเอง ในสถานที่เดียวกันนั้น ในขณะที่พี่สาวข้าพเจ้าเห็นวิธีการดูแลต้นไม้ การจัดแบ่งพื้นที่ และเห็นชีวิตที่แตกต่างกันของต้นไม้ ข้าพเจ้ากลับมองเห็นแต่ความสวยงาม รู้สึกถึงแต่ความร่มรื่นร่มเย็นที่ข้าพเจ้าคิดว่า นี่คือสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ที่เอื้อให้นักศึกษาครูอาจารย์ทั้งหลายได้ทำงานใช้สมองอย่างอิสระและผ่อนคลาย ข้าพเจ้ารู้สึกภูมิใจที่ได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งในสิ่งแวดล้อมที่ดีเช่นนั้น
ครั้งหนึ่ง พี่สาวบอกกับข้าพเจ้าว่า น่าอิจฉาชีวิตนักศึกษาของข้าพเจ้านัก คำว่า อิจฉา ของเธอในที่นี้ มิได้หมายถึงระดับการศึกษา แต่เธอหมายถึงสิ่งแวดล้อมที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ เธอชอบร่มไม้ใหญ่ที่ครึ้มตลอดทางที่เชื่อมต่ออาคารต่าง ๆ ของสถาบัน เธอชอบความกว้างใหญ่ของยอดอ่อนสีเขียวเรียบสะอาดสบายตาของสนามหญ้าระหว่างอาคารเรียน ระหว่างที่พัก และตลอดทุ่งกว้างริมสระน้ำที่เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของนักศึกษาอาจารย์และเจ้าหน้าที่ของสถาบัน เธอบอกว่าข้าพเจ้าโชคดีที่มีคนสร้างสวน สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีที่เหมาะสมให้กับชีวิตเสมอ
พี่สาวข้าพเจ้าเชื่อว่า คนเราควรอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติหรือมีโอกาสได้พัก สัมผัสธรรมชาติต่าง ๆ บ้างในบางโอกาส โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่คนเรามีอารมณ์ไม่ดี ทุกข์ท้อ โกรธเกรี้ยว หรือเศร้าสลดหดหู่ ร่มไม้ใบหญ้าและสายลมแสงแดดอุ่นจากพื้นที่ธรรมชาติจะช่วยผ่อนคลายความรู้สึกที่คับข้องในใจทั้งหลายลงได้ เธอบอกว่า ธรรมชาติมีความพิเศษและเป็นสิ่งอัศจรรย์ในตัวของมันเอง
เธออยากได้สิ่งแวดล้อมเหล่านี้ สำหรับดูแลใจของเธอเอง และของใครอีกหลาย ๆ คนที่เธอรู้จัก เริ่มจากคนในครอบครัวที่เธอรักและคนในชุมชนตลาดที่แวดล้อมชีวิตในบ้านไร่ของเธอ เธอบอกว่า ที่บ้านไร่มีพื้นที่ว่างเปล่ามากมาย เขตแบ่งพื้นที่ของบ้านก็เป็นลำธารสวย ตอนนั้นพื้นที่โดยมากถูกทิ้งไว้รกร้างว่างเปล่า เธอจึงคิดว่าน่าจะทำเป็นพื้นที่สวนเปิด และเมื่อมันสำเร็จตามภาพที่เธอร่างไว้ด้วยดินสอและจินตนาการ เธอจะให้คนแถวชุมชนเก่าของเราได้แวะเข้ามาพักผ่อน มาคลายความทุกข์ความร้อนในใจใต้ร่มไม้ในสวนเปิดที่เธอจะสร้างขึ้น สวนที่ตั้งต้นจากพื้นที่แห่งหัวใจที่เปิดกว้าง สวนที่หวังจะตอบรับและช่วยผ่อนปรนความทุกข์ของเพื่อนร่วมทุกข์คนอื่น ๆ ซึ่งไม่มีโอกาส โชคดี ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ๆ แบบที่ข้าพเจ้ามีอยู่ ณ ขณะนั้น
ข้าพเจ้าเคยกลับไปเยี่ยมบ้านบ้างเป็นครั้งคราว ความเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏให้เห็นเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่กลับไป จากทุ่งหญ้ารก ๆ เริ่มมีเขตไม้ใหญ่ เริ่มมีซุ้มไม้เลื้อยที่เธอดัดแปลงไปจากข้างหอพักของข้าพเจ้า มีสนามหญ้านวลน้อยที่เธอหาซื้อกลับไปปลูกจนเต็มท้ายรถกระบะที่เธอใช้เป็นพาหนะตระเวนซื้อพันธุ์ไม้ต่าง ๆ
ครั้งสุดท้าย ข้าพเจ้าเห็นสนามหญ้าเขียวกว้างเกือบเต็มพื้นที่ราวเจ็ดไร่ที่เธอกันไว้ทำสวนเปิด เห็นเฟื่องฟ้าออกดอกสีสด พันอยู่รอบซุ้มโครงเหล็กรูปเห็ดที่เธอออกแบบดัดแปลง ระหว่างทางลงไปลำธารมีบันใดขั้นเล็ก ๆ แทนพื้นที่ที่เคยลาดเอียง มีดอกไม้สีสดปลูกสลับแซมแทนราวบันใด บางช่วงของแนวริมลำธาร มีต้นพุทธรักษาปลูกเรียงเป็นแถว ต้นไม้ใหญ่ครึ้มริมลำธารสมัยพวกเราเป็นเด็กยังอยู่ในที่เดิม แต่เริ่มมีไม้ใหญ่อื่น ๆ ปลูกแซมขึ้นมา ทั้งไม้ผลประเภทมะม่วง ชมพู่ และไม้ใบประเภทพญาสัตตบรรณ และอีกหลายอย่างที่ข้าพเจ้าไม่รู้จักและไม่ได้ใส่ใจ รู้แต่ว่าแนวไม้ซึ่งปลูกกั้นเป็นรั้วระหว่างสวนกับถนนสาธารณะข้างทางคือต้นสะเดา
ภาพนั้นเป็นความทรงจำสุดท้ายที่ข้าพเจ้าเห็นเมื่อสิบปีก่อน เพราะไม่นานหลังจากนั้น พี่สาวของข้าพเจ้าต้องเดินทางจากไปในอีกดินแดนหนึ่งที่ไม่มีใครตามไปได้ แม้ว่า ถึงที่สุดแล้ว ทุกคนจะต้องไปที่นั่นก็ตาม
ภาพร่างในสมุดบันทึกของเธอเป็นมรดกสุดท้ายที่เธอมอบไว้ให้ข้าพเจ้า ภาพสวนและความเชื่อมั่นในความหลากหลายของธรรมชาติที่เธอเชื่อว่าจะสามารถช่วยเยียวยาหัวใจที่อ่อนล้าเหนื่อยยาก ภาพร่างของสวนในฝันที่จะสามารถช่วยลดระดับความทุกข์ ความเครียด ความขมขื่นของผู้คน ให้ผ่อนคลายลงจนสามารถช่วยให้คนได้พักใจ สงบ และเย็นลง จนสามารถมีสติและกำลัง และสามารถหันกลับไปเผชิญชีวิตของตนเองได้ใหม่อีกครั้งอย่างเข้มแข็งขึ้น
ข้าพเจ้าเก็บบันทึกนั้นไว้พร้อมกับความคาดหวังว่าสักวัน เมื่อข้าพเจ้าเข้มแข็งขึ้น แข็งแกร่งขึ้น ข้าพเจ้าจะสานต่อความฝันของเธอ
สิบปีผ่านไปแล้ว สวนของเธอไม่เหลือเค้าเดิม สนามหญ้าสีเขียวไม่มีเหลือให้เห็นนอกจากสีแดงของฝุ่นตรลบเต็มพื้นที่ บางหย่อมกลายเป็นทุ่งหญ้ารกเรื้อ บันใดลงลำธารกลับคืนไปสู่ความเป็นเนินลาดลงขรุขระ ไม่มีไม้ดอกใดในสวนเดิมให้มองเห็นอีกแล้ว ไม้ต้นใหญ่ที่ปลูกทิ้งไว้แห้งตายพร้อม ๆ กับไฟที่เผาทิ้งหญ้าในสนาม
ข้าพเจ้าเจ็บปวด และพยายามลืม แม้ในส่วนลึกของหัวใจ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงตัวเองเสมอว่า สักวัน
เมื่อข้าพเจ้าเข้มแข็งขึ้น แข็งแกร่งขึ้น ข้าพเจ้าจะสานต่อความฝันของเธอ
ในช่วงปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ทำสวนด้วยตนเอง แต่บนพื้นฐานที่แตกต่างจากความตั้งใจของพี่สาวของข้าพเจ้ายิ่งนัก ข้าพเจ้าเพียงแต่อยากได้สวนรอบบ้านที่สวย ๆ ร่มเย็น เป็น สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ให้กับการทำงาน ใช้สมอง ของข้าพเจ้าเท่านั้นเอง
น่าประหลาด ที่ระหว่างเวลาของการทำสวนตามอารมณ์ของตนเองนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ไม่ได้ใช้สมองในการทำงานเลย ข้าพเจ้าสัมผัสชีวิต สัมผัสอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองตลอดเวลาขณะที่ใช้แรงกายทำงานกลางแจ้ง ทำตัวเป็นคนสวนทั่วไปในแบบที่ข้าพเจ้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเป็น ในเบื้องต้นข้าพเจ้าบอกตัวเองว่าเป็นคนสวนกิตติมศักดิ์เพราะทำให้บ้านตัวเอง แต่สุดท้ายแล้ว ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่า ข้าพเจ้ารักที่จะทำสวน และข้าพเจ้าได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการทำสวนของข้าพเจ้า
หลายสิ่งหลายอย่างในความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวกับข้าพเจ้าผุดพรายขึ้นมาในบางช่วงของการทำสวน ข้าพเจ้าเห็นความแตกต่างในชีวิตและในหัวใจของคน ข้าพเจ้านึกบูชาความรักและศรัทธาที่เธอมีต่อตนเองและต่อครอบครัวของเราและความเผื่อแผ่เมตตาไปถึงคนอื่น ๆ ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์ทั้งหลายที่เธอรู้จัก ข้าพเจ้ารู้ว่าเราแตกต่างกันมากจริง ๆ
สักวันในอดีตได้มาถึง ณ วันนี้แล้ว แต่มิใช่เพราะข้าพเจ้าเข้มแข็งขึ้น แข็งแกร่งมากขึ้น จึงจะสามารถสานต่อความฝันอันยิ่งใหญ่ของเธอได้ แต่เพราะความฝันอันยิ่งใหญ่ของเธอต่างหาก ที่ช่วยสอนข้าพเจ้าให้เข้มแข็งขึ้น และแข็งแกร่งขึ้นได้ในวันนี้
แม้ข้าพเจ้าไม่อาจกลับไปทำสวนเปิดที่บ้านเก่าของเราได้อีก แต่หนทางของต้นไม้จะถูกบันทึกไว้ในงานเขียนของข้าพเจ้า เป็นบันทึกถึงหนทางแห่งการเรียนรู้จักความยิ่งใหญ่ในอีกมุมหนึ่งของธรรมชาติและชีวิต ข้าพเจ้าไม่ใช่คนสวนมืออาชีพ ไม่มีความรู้มากมายนักเกี่ยวกับธรรมชาติ และต้นไม้ แต่ข้าพเจ้าทำสวนเสมือนหนึ่งนักเรียนที่เพิ่งเริ่มเปิดหน้าการศึกษาบทที่ว่าด้วยความเกี่ยวพันระหว่างชีวิตและสรรพสิ่งรอบ ๆ ตัว ข้าพเจ้ามีความสุขที่ได้เริ่มเรียนรู้และเห็นคุณค่าของอะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตที่ข้าพเจ้าเคยมองข้าม และเริ่มตระหนักว่า หนทางนี้ มีส่วนช่วยข้าพเจ้าให้รู้จักอีกหนทางหนึ่งของความอัศจรรย์แห่งชีวิต
หนทางของต้นไม้ในที่นี้ เป็นเศษส่วนเสี้ยวของต้นไม้ในโลกอันมากมายจนเกินกว่าจะนับได้ แต่หนทางของต้นไม้เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในหนทางชีวิตของข้าพเจ้า ซึ่งหากตัวหนังสือเหล่านี้มีส่วนทำให้ท่านอยากทำสวนขึ้นมาบ้าง ไม่ว่าจะโดยทำเอง หรือสนับสนุนให้ใครทำ ก็หวังว่าท่านคงได้ค้นพบหนทางของต้นไม้ในแบบของท่านเอง และเมื่อมีโอกาสได้แบ่งปัน โลกนี้คงมีความหมายที่แสนรื่นรมย์และอัศจรรย์
Create Date : 07 กรกฎาคม 2551 |
|
9 comments |
Last Update : 7 กรกฎาคม 2551 10:24:33 น. |
Counter : 854 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Daoput IP: 203.144.130.176 7 กรกฎาคม 2551 11:06:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: big-lor 8 กรกฎาคม 2551 17:20:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: NAREEZ 8 กรกฎาคม 2551 18:09:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 8 กรกฎาคม 2551 21:17:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: กังสดาล (kangsadal ) 9 กรกฎาคม 2551 8:20:10 น. |
|
|
|
|
|
|
|