เที่ยวละไมกับปู่เย็น
ทริปนี้เกิดขึ้นมาได้ เพราะพี่ยุ้ยพี่ที่ทำงานคุณสามี เกิดอาการคิดถึงปู่เย็นขึ้นมา เคยพยายามไปหาแล้วครั้งหนึ่งช่วง บ.ทีวีบูรพาจัดงานครบรอบ 4 ปี แต่พอไปถึงที่งาน ปรากฎว่า ปู่เย็น เดินทางกลับไปแล้ว พี่เค้าเลยเกิดอาการค้างคาใจ ด้วยความที่เราและอีตาปล่อง สามีสุดร๊ากกก... อยากทำให้ฝันพี่เค้าเป็นจริงซะที เลยรับอาสาพาไปตามหาปู่เย็น และพาเที่ยวด้วยซะเลย!!

วันที่ 10 เม.ย. 50 เวลา 13:30 น. พวกเราทั้งหมด 4 ชีวิต ก็ออกเดินทางจาก กทม. ด้วยความหวัง ความตั้งใจ ที่จะไปเยี่ยมปู่เย็น ขับไปเรื่อย ๆ ตามทางจนถึงตัวเมืองเพชร แวะถามหาปู่เย็นกับคนเพชร ไม่มีใครไม่รู้จักปู่เย็น ได้ใจความว่า ปู่เย็น อยู่ที่สะพานลำใย ที่เมืองเพชรมีสะพานเยอะมาก ๆ แต่ละสะพานมีชื่อทุกสะพาน!!
และแล้วเวลา 16:30 น. ก็ตามหาปู่เย็นเจอ ไปถึงสะพานลำใย มีอีกกลุ่มกำลังเดินขึ้นมาจากใต้สะพาน เพราะว่าเพิ่งไปเยี่ยมปู่เย็นมาเหมือนกัน เห็นแล้วดีใจกันใหญ่เลย โดยเฉพาะพี่ยุ้ย จะพูดคุยกับปู่เย็นต้องตะโกนเสียงดัง ๆ คุยหน่อย ด้วยอายุที่มากถึง 107 ปี ทำให้หูตาฟ่าฟางเป็นธรรมดา การสนทนากับปู่เย็นก็เริ่มขึ้น...

เจกเบ่ง : ปู่เย็น ๆ กินข้าวรึยัง? ปู่เย็น : เงียบ... เจกเบ่ง : ปู่ ๆ ปู่สบายดีมั้ย เป็นไงมั่งเนี่ยตอนนี้? ปู่เย็น : เงียบ... เจกเบ่ง :  ณ ตอนนี้ เริ่มรู้แร๊ะ ว่าต้องพูดกับปู่เย็น เสียงดัง ๆ หน่อย แกไม่ได้ยิน แกเลยเงียบ ก็เลยต้องเริ่มต้นสนทนากับปู่ใหม่
เจกเบ่ง : ที่มือปู่เย็นเป็นอะไรค่ะนั่น? ปู่เย็น : เป็นฝีอ่ะ พายเรือไม่ได้เลย ต้องใช้มือเดียว เจกเบ่ง : อ้าววว...แล้วไปหาหมอรึยัง? ปู่เย็น : ไม่ได้ไปอ่ะ หมอมาหาเองทุกวัน วันนี้ก็มาไปแล้วเมื่อเช้า ไม่อยากรบกวนหมอ เกรงใจ เจกเบ่ง : ไม่ต้องเกรงใจหมอนะปู่ ถ้าไม่สบายอีกไปหาหมอได้เลยนะปู่ หมอเค้าเต็มใจอยากช่วยคนไข้อ่ะปู่ แล้วนี่ปู่จอดเรือตรงนี้เหรอ? ปู่เย็น : ตอนกลางวันเอาเรือมาผูกหลบแดดตรงนี้ แต่เดี๋ยวตอนเย็นไปผูกนอนตรงดับเพลิง ใกล้ ๆ ตำรวจ เจกเบ่ง : อ่อ!!... ดีแล้วปู่ จะได้ไม่โดนขโมยเงินอีก แล้วนี่มันมาขโมยยังไงเนี่ย? ปู่เย็น : มันมุดน้ำมา หยิบเอาเงินใต้กระสอบข้าวไปหมดเลย เจกเบ่ง : แล้วปู่ไปไหนล่ะ? ปู่เย็น : ไปกินน้ำเต้าหู้ ถึงตอนนี้เราก็ส่งเงินให้ปู่เย็น เพราะว่าไม่รู้จะซื้ออะไรให้แกดี ให้เงินแกแล้วให้แกเก็บไว้เป็นทุนในการรักษาตัวยามเจ็บไข้จะดีกว่า แล้วก็ได้คำอวยพรดี ๆ จากปู่เย็น ระหว่างสนทนาก็ถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ สนทนากับปู่เย็นประมาณ 10 นาที เพราะดูท่าทางปู่จะเหนื่อยมาก ๆ ไม่ค่อยได้พักผ่อน มีแต่คนมาเยี่ยมมาพูดคุยกับแกด้วยทั้งวัน
ปู่เย็น : เสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแล้วก็กลับเถอะ เจกเบ่ง : จ่ะปู่ เด๋วปู่กินข้าว กินยา แล้วนอนพักผ่อนเยอะ ๆ นะจ๊ะ ลาแล้วจ่ะปู่ ห้าโมงกว่าแล้ว หิวแล้ว ก็เลยจะพาพี่ ๆ ไปกินร้านอาหารร้านประจำ ชื่อ บ้านสวนริมน้ำ ถ้ามีโอกาสแวะผ่านมาทางเส้นนี้ก็จะแวะกินทุกครั้ง ระยะทางจากเมืองเพชร มาที่ร้านแถว ๆ ราชบุรี ถือว่าไม่ไกลมาก แต่ความหิวมันมาก จนคิดว่าทำไมร้านมันไกลขนาดนี้!! ร้านตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำแม่กลอง บรรยากาศดีมากกกก...ให้ไปเลยห้าดาว อาหารราคาถูก-อร่อย อาหารแนะนำก็นี่เลย แกงคั่วหอยขม

สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ จนแทบจะวางไม่พอ เป็นเพราะความหิวโดยแท้ เลยต้องห่อบ้านอีก 3 อย่าง ก่อนอำลาความอิ่ม เพื่อไปต่อกันที่อัมพวา ก็ไม่ลืมที่จะถ่ายภาพประทับใจกันก่อน

บรรยากาศบริเวณร้าน มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะทีเดียว งานนี้ต้องยกให้พี่ตุ้ยกับพี่ยุ้ยเค้าเลย ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน หลายท่า หลายมุม เสร็จแล้วเวลาโพล้เพล้ พอดี ก็ออกเดินทางไปดูหิ่งห้อยที่อัมพวา กันต่อเลย

เรากับอีตาสามีเคยมาดูหิ่งห้อยกับเพื่อน ๆ กันแล้วครั้งหนึ่ง รู้สึกประทับมาก ๆ มาครั้งนี้เลยเอามานำเสนอพี่ที่ทำงานอีตาสามีซะเลย...อิอิ ถึงตลาดน้ำอัมพวาแล้ว ก็ไม่ได้เดินดูของ ดูสินค้า อะไรเลย มุ่งไปที่ท่าเรือคุณย่า เพื่อจองเรือไปดูหิ่งห้อยก่อน ปรากฎว่าไปถึงเรือได้คนเต็มลำพอดี ก็เลยต้องลงเรือเพื่อดูหิ่งห้อยกันเลย ดูเวลาก็ประมาณทุ่มสิบห้านาทีได้ พี่ตุ้ยกับพี่ยุ้ยดูตื่นเต้น ดีใจกันใหญ่ ดู ๆ แล้ว เหมือนเด็ก ๆ เลยง่ะ!!...ฮ่าๆๆๆ

วันนี้หิ่งห้อยเยอะมาก ๆ เยอะกว่าครั้งแรกที่มาดู เลยประทับใจเข้าไปอีก ระหว่างอยู่ในเรือกลางแม่น้ำ เรือก็เกิดเสียซะงั้น แต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะเค้าให้ใส่ชูชีพ ป้องกันเรียบร้อยแล้ว พอมีเรืออีกลำผ่านมา ก้อมาช่วยดู ช่วยส่องไฟให้ ทำให้เรือวิ่งได้ต่อ ดู ๆ แล้วชาวบ้านให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันดีจริง ๆ ประทับอีกแล้วครับท่าน!!

กว่าจะเข้าถึงฝั่งตลาดอัมพวาก็ราว ๆ สามทุ่มกว่า ตลาดวายแล้วคร่า!! เหลืออยู่ไม่กี่ร้าน ก็เลยไม่ได้ดูของอะไรเท่าไหร่ เลยมุ่งตรงกลับบ้านเลย เพราะพรุ่งนี้วันจันทร์ก็ต้องเข้าสู่ โหมดทำงาน กันทุกคน สุดท้ายนี้ขอฝากคำคมของปู่เย็นไว้หน่อยดีกว่า ชีวิตก็เหมือนสะพาน เวลาขึ้นสะพานมันก็ต้องค่อย ๆ ขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดสูงสุด แล้วก็ต้องค่อยลงมายังจุดต่ำสุด เพื่อข้ามไปอีกฝั่ง ก็เหมือนกับชีวิตนั่นแหล่ะ การที่จะขึ้นจุดสูงสุดได้ มันก็ต้องค่อย ๆ ขึ้นไป แล้วมันก็ต้องลงมายังจุดต่ำสุดอีกเหมือนกัน!!
Create Date : 18 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 18 มิถุนายน 2550 18:35:14 น. |
|
20 comments
|
Counter : 1556 Pageviews. |
 |
|
ไอ้คนที่ขโมยเงินปู่แกทุเรศมั่กๆ เลยอ่ะ เห็นข่าวแล้ว
ปู่แกอยู่อย่างพอเพียงดีจัง มีความคิดดีๆ ข้อคิดที่น่าจดจำเยอะเลย