ไปปายมา 7 ธ.ค. นี่หรือปางอุ๋ง
เช้านี้ยังคงอยู่ที่พำนักเดิมคือ ริมแม่น้ำปาย แต่เช้าวันที่ 7 ธ.ค. นี้ ไหง๋ตื่นกันแต่เช้าตู่ได้ไงก็ไม่รู้ ดูนาฬิกาแล้วเพิ่งจะ 6 โมงเช้าเอง ปกติป่านนี้ยังนอนตูดโด่งอยู่บนเตียงนอนอยู่เล้ยยยย
ตื่นมาสิ่งแรกที่เห็นคือ หมอก คร๊า...หมอก ต้องบอกว่า โครตหมอก ขาวโพลน ไปทั่วท้องพระโรง ตะเล่งเต่งตรึ้ง!! ประหนึ่งว่าอยู่บนสรวงสวรรค์ (ฮ่าๆๆ เอาให้เว่อร์ ๆ ไว้ก่อน) พูดทีงี้ ควันพุ่งเลยอ่ะ แสดงให้เห็นว่า มันหนาวจริง ๆ แห๊ะ!!
 หลังจากทำธุระส่วนตัวกันแล้ว ก็มาทำธุระส่วนรวมกันต่อเลยล่ะกัน ก็คือ... ชักภาพถ่ายรูปกันหน่อย หุหุ พร้อมกับทำอาหารกินกันก่อน มื้อนี้อาหารอินเตอร์กันหน่อย เริ่มจากแนวยุโรป กาแฟ, โอวัลติน, ขนมปัง และไข่ดาว ต่อด้วยอาหารญี่ปุ่นกันเลยคือ มาม่า+ไข่ ราดด้วยผักรวม (ไข่และผักรวม ได้มาจากตลอดสดเมืองปาย).... เอ่ออออ!! อิ่ม!

เก็บเต็นท์แล้วมุ่งไปสักการะสิ่งศักสิทธ์กันก่อนออกเดินทางเลย คือ พระธาตุแม่เย็น ทางสูงชัน เสียว พอได้ ขึ้นไปอากาศดีวิวสวยแห๊ะ!! สวยแบบมองอะไรไปก็เห็นแต่ขาวโพลน ๆ ของหมอก ทั้งนั้น!!

ต้องโบกมืออำลาเมืองปาย กันแล้ววันนี้ ระหว่างทางไปเป้าหมายต่อไปของเรา เจอแต่ทางคดเคี้ยวเลี้ยวรถล้วน ๆ เอ่อออ...เริ่มวิงเวียนคลื่นเสียนอาเจียนกันแร๊ะ ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะอายุ แหม๋ๆ ที่ไหนได้ นังตัวเล็ก(น้อง Jazz) มันเหวี่ยงไป-มา นี่เอง! ว่าแล้วก็แวะยังจุดพักรถที่ 1 ก่อนเลย จุดนี้อยู่เกือบถึง ปางมะผ้า แร๊ะ!! ลมแรงโครต ๆ ไปถึงแบบแดดแดงแจ๋ แต่ไหง๋มันหนาวสั่นไม่รู้??

แต่น แต้น แต๋น... ถึงแล้วววว เป้าหมายแรกของเราวันนี้คือ ถ้ำลอด อลังการสุดฤทธ์ อลังการตั้งแต่ผู้คนมากมาย ไปจนถึงตัวถ้ำกันเลย ต้องจ่ายเงินค่าแพไม้ไผ่ ไป-กลับ 400 บาท (นั่งได้ 4 คน) พร้อมด้วยค่าไกด์และตะเกียงไฟอีก 150 บาท จะว่าแพงก็แพง แต่อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยให้ชาวบ้านแถวนั้น มีงานทำกันเยอะขึ้นทีเดียว

ภายในถ้ำลอดประกอบไปด้วย 1. ถ้ำเสาหิน ถ้ำนี้บริเวณกลางถ้ำ จะมีลักษณะหินงอกหินย้อยมาชนกัน จนมีลักษณะเป็นเสาหิน ขนาดใหญ่ จนได้ชื่อนี้มา ถ้ำนี้ก็จะมีหินตกผลึก มีลักษณะเป็นเหมือนกากเพชรมากกว่า แต่ที่ไฮไลน์ก็ต้องเป็น ม่านหินย้อน หรือ หินกากเพชร นั่นเอง!! (จริง ๆ มันเป็นประกายแวววาวสวยมาก ๆ แต่ว่า เจกเบ่ง ถ่ายมาไม่ค่อยมีคุณภาพสักเท่าไหร่)...หุหุ
2. ถ้ำตุ๊กตา ถ้านี้สูงมาก ๆๆๆๆ ต้องเดิน เดิน เดิน ขึ้นบันไดไปอย่างเดียว เค้าว่ากันว่า ถ้ำนี้สูงประมาณตึก 6-8 ชั้นน่าจะได้ ถ้ำนี้พี่สาวขอบาย เดินไม่ไหวแล้วววว... แต่เราสู้ไม่ถอย เพราะต้องไปถึงจุดไฮไลน์ให้ได้ คือส่วนหินที่มีลักษณะเป็นตุ๊กตาดินปั้น
3. ถ้ำผีแมนหรือถ้ำขี้ค้างคาว ถ้ำนี้เหม็นมาก ๆ เพราะเป็นถ้ำที่มีแต่ขี้ค้างคาว คนไม่ค่อยขึ้นไปดูสักเท่าไหร่ แต่เราเป็นไงเป็นกันสู้ไม่ถอยอยู่แล้ว ตกลงก้อไปดู โลงผี หรือว่า โลงศพ สมัยกว่าหลายพันปี ซึ่งตอนนี้แตกพังหมดแล้ว

อำลา ถ้ำลอด โดยความเหนื่อยบนความสุขมาก ๆ เพื่อไปเป้าหมายต่อไปกันเลย
ก่อนถึงเป้าหมายถัดมา แวะพักรถที่ 2 กันสักนิด (ผู้พิชิตโค้งที่ 1,548) จุดพักรถที่นี่มีของขายมากมาย และเราก็ไม่พลาดกับป้ายไฮไลน์แน่นอน!!

ไป ๆ ไปต่อกันเลย ไปที่ ถ้ำปลา กันเลย ถ้ำนี่น่าอัศจรรย์ใจมาก ๆ เลย เพราะว่าจะมีฝูงปลาว่ายน้ำเป็นแถวเป็นแนว เพื่อจะเข้าไปในส่วนถ้ำ(เล็ก ๆ) ซึ่งด้านบนก็จะมีสิ่งศักดิ์ให้กราบไหว้บูชาอยู่ ที่นี่มีเรื่องเล่าจากชาวแม่ฮ่องสอน เพื่อนข้างเต็นท์บนปางอุ๋ง เล่าว่าที่บริเวณถ้ำปลา เค้าหาที่มาของน้ำบริเวณรอบ ๆ ไม่ได้ มีคนมาสำรวจหาหลายครั้งแล้วว่า ตาน้ำหรือต้นน้ำมาจากไหน ก็หาไม่เจอ มีอยู่ที่เดียวที่ไม่สามารถสำรวจได้ คือภายในบริเวณถ้ำ(น้ำ) ที่ฝูงปลาพยายามว่ายเข้าไปนั่นเอง!!

ชื่นชมสักพักก็ไปต่อจุดหมายถัดมาเลย คือ ภูโคลน ที่นี่ค่อนข้าง ลั่น ล้า!! กันมาก ๆ เลย เพราะว่าจะได้เสริมหล่อ เสริมสวย ด้วยการพอกโคลน ซึ่งมีความบริสุทธ์เป็นอันดับ 3 ของโลกเชียวนะ

ที่นี่มีเรื่องเล่าอีกแล้ว จากเพื่อนข้างเต็นท์คนเดิม เล่าว่า สมัยก่อนที่ตรงบริเวณภูโคลน เป็นของชาวบ้านตาดำ ๆ ล้วน ๆ แต่เนื่องจากว่าเป็นบ่อน้ำแร่ น้ำร้อน ทำให้ทำการเกษตรอะไรก็ไม่ขึ้น จึงถูกเอกชนมากว้านซื้อไปหมด แล้วเอกชนก็ไปจ้างฝรั่งมาทำวิจัย ถึงสรรพคุณ ถึงความบริสุทธ์ แล้วทำการตลาด เปิดเป็นที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างปัจจุบันนี้

ว้ายยย...เกือบ 6 โมงเย็นแล้ว ยังเริงร่ากันอยู่ที่ภูโคลนเลย แล้วจะไปถึงปางอุ๋งกี่โมงกี่ยามกันก็ไม่รู้? จังหวะนั้นก็ตัดสินใจอยู่ว่าจะกลับไปกางเต็นท์นอนที่ถ้ำปลาดี หรือว่าจะขับรถขึ้นเขาไปกางเต็นท์นอนบนปางอุ๋งดี แต่...ไหน ๆ ก็ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานมนานว่า ปางอุ๋ง เป็นดินแดนแห่งความโรแมนติก สวยแหล่มสุด ๆ
ตกลงกันได้ดังนั้นก็บึ่งรถไป ปางอุ๋ง กันเลย!! แวะซื้อกับข้าวไปทำข้างบนกับร้านขายของชาวบ้านกันสักหน่อย ได้ผักสด ๆ มาจากที่ชาวบ้านปลูกกันเองเลย แถมด้วยแวะเติมน้ำปะปากินได้ที่ในหลวงทรงพระราชทานให้ชาวเขาอีก แหม๋ๆๆๆ มื้อนี้อร่อยเหาะแหง๋ๆ.. ระหว่างทางขึ้นไปบนปางอุ๋ง มืดจริง ๆ ทางก็คดเคี้ยวน่าดูทีเดียว แถมด้วยขับเลยทางเข้าไป 7 กม. ไปถึงบ้านรวมไทยโน้นนนอีก... โอ่ยยยย!! กว่าจะถึงปาเข้าไปทุ่มกว่า มืดตึ๊บ ไม่มีไฟใช้เลย!!

มองอะไรไม่เห็นเลย ตรงไหนน้ำ ตรงไหนพื้นหญ้า ตรงไหนเป็นอะไรไม่รู้ทั้งนั้น เจอที่กางเต็นท์ปุ๊บไม่ต้องคิด กางเลยในบัดดล กางเต็นท์ที่นี่ลำบากมากมาย เนื่องจากว่าผู้คนมากางเต็นท์กันเยอะ ประกอบกับห้องน้ำมีไม่กี่ห้อง แถมด้วยน้ำไม่มีอีกต่างหาก!! โอ่ยยย...เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ที่ทำให้คนสวยรู้สึกลำบากที่สุดแล้วสำหรับที่นี่ แต่ก็อาจจะเป็นที่ขึ้นไปถึงดึกด้วยก็ได้
 แถมด้วยการโดนชาวเขา หรือกระเหรี่ยง หรือชาติไหนก็ไม่รู้ มาหลอกเอาอีก ที่นี่มีเรื่องระบายเยอะ ขอพื้นที่สำหรับแพล่มมม...หน่อยล่ะกัน... หุหุ
เรื่องแรกคือโดนหลอก เรื่องมีอยู่ว่า มี... มาขายไม้ฟืนมัดละ 20 บาท ก็ตกลงเอา 1 มัด พร้อมด้วยเช่าเตาอีก 50 บาท ปรากฎว่าให้เงินอีกคนหนึ่งไว้ 70 บาท และอีกคนหนึ่งเดินไปเอาเตา จังหวะนั้นก็กำลังวุ่นวายเรื่องกางเต็นท์กันอยู่ มันก็ดันเอาฟืนมากองไว้ 2 มัดในความมืด (โดยไม่มีใครเห็น) แล้วยังโวยวายว่าให้เงินมันไม่ครบอีก บอกว่าให้แบงค์ 20 มา 2 ใบ ทั้ง ๆ ที่ให้แบงค์ 50 กับแบงค์ 20 ต่างหาก แถมยังมาทวงค่าไม่ฟืนอีก 2 มัดอีก ทำเป็นชี้ ๆ ให้ดูว่ามี 2 มัดจริง ๆ อีก โอ่ยยยย....รู้สึกเซร็งเลย!! แต่ก็จ่าย ๆ ไปให้นั่นแหล่ะ เงินแค่นี้ไม่ตายแต่เสียความรู้สึกนิดหน่อย.... เฮ้ออออ!! จบไป 1 เรื่องเซร็ง!!
เอาอีกเรื่องล่ะกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่พูดจาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะมีเจ้าหน้าที่มาเดินเก็บค่ากางเต็นท์ ๆ ละ 50 บาท ปรากฎว่าคนสวย ดันเสล่อไปขอใบเสร็จเค้าอีก เค้าก็บอกว่าไม่มี เลยถามเค้าว่า อย่างนี้มีใบอะไรให้มั้ยค่ะ ที่จะแสดงว่าเก็บเงินไปแล้วอ่ะค่ะ? แล้วถามว่า นี่คือเจ้าหน้าที่มาเก็บให้กับทางปางอุ๋งเองใช่มั้ยค่ะ? หลังจากถามไป 2 คำถามก็ได้ยินเสียงกระแทกมากระทบแก้วหูเลยว่า จำชื่อผมไว้ล่ะกัน(เอามือชี้ชื่อที่หน้าอก แต่มืดมองไม่เห็น) มีปัญหาอะไรบอกชื่อผมไปแล้วกัน แล้วก็เดินจากไปปล่อยให้คนสวยยืนงง !!
เรื่องสุดท้ายแร๊ะ อันนี้โดนกันทั่วหน้า แม้แต่บ.ทัวร์น้อย ๆ ของคุณเพื่อนคนสวยด้วย!! อันนี้ได้คุยกับนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มที่ขึ้นมามืด ๆ หลังจาก Group คนสวย โดยตรง เค้าบอกว่า เค้าจองบ้านพักที่ปางอุ๋งไว้ โอนเงินให้เรียบร้อยแล้ว (อันนี้มีหลักฐานแน่นอน) เลยชะล่าใจ เที่ยวเล่นชิว ๆ ไปเรื่อยเปื่อย ทำให้ขึ้นมาที่ปางอุ๋งค่ำมาก ๆ ปรากฎว่า ทางปางอุ๋ง ดันเอาบ้านที่เค้าจองไว้ไปให้ใครอยู่ซ้ำซ้อนกันอีกหลาย Group ด้วยซ้ำไป เค้าบอกว่า โชคดีนะเนี่ย!! ที่ติดเต็นท์ติดถุงนอนมากัน ไม่งั้นจะไปนอนที่ไหนล่ะเนี่ยยยย...เพราะมันก็ดึกมากแล้ว!! คงจะลำบากน่าดู... โอ่ยยยยย!! แต่ยังดีที่คืนเงินมัดจำให้นะเนี่ยยยยย!! ไม่งั้นมีเฮ แหง๋ๆๆ วอนเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ไหน ๆ ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง(มาก ๆ) ไปซะแล้ว น่าจะบริหารจัดการ และดูแลความเรียบร้อยให้นักท่องเที่ยวชื่นชมยินดีกันหน่อย!! ต้องเตรียมการรับมือกับจำนวนนักท่องเที่ยวมากมาย ที่พร้อมจะหลั่งไหลมาสัมผัสความโรแมนติกที่นี่ด้วยคร๊า...สาธุ ค่ำนี้เลยอยู่ด้วยความลำบากกันมาก ๆ ไปก่อน แต่ ยังใจชื้น เพราะได้เพื่อนเต็นท์ดี ชวนคุยชวนกิน รู้สึกหายเซร็งขึ้นเยอะทีเดียว มื้อค่ำนี้อาหารอร่อยมาก ๆ จริง ๆ ประกอบไปด้วยข้าวสวยร้อน ๆ + ไข่เจียวหอม ๆ+ ยำปลากระป๋อง รสแซ่บ + ต้มจืดผักกาด หวาน ๆ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ประกอบกับอาการเซร็ง...ส่วนตัว เลยขอตัวนอนหมักกลิ่นไอตัวเองที่ไม่ได้อาบน้ำมา 2 วันในเต็นท์ก่อนดีกว่า!!
 ที่ปางอุ๋งเนี่ยยยย... หนาวสุด ๆ หนาวมาก ๆ จริง ๆ น้ำค้างก็แรงมาก ๆ น้ำค้างเนี่ยยยย...ประมาณฝนลงเม็ดย่อย ๆ เลยก็ว่าได้ คืนนี้ คืนวันที่ 7 ธ.ค. ขออำลาความเซ็ง อำลาความสยอง เพื่อตื่นมาพาไปเที่ยวต่อดีกว่า...หุหุ
ปล. ขออภัยในความล่าช้า เพราะว่ารูปมากมาย เหตุผลที่รูปเยอะ เพราะว่าบุคคลในภาพมีแต่สวย ๆ หล่อ ๆ ทั้งนั้น!! Link แนะนำก่อนมาถึง Blog นี้คือ ไปปายมา 5 ธ.ค. ถวายพระพร :: //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jeckbeng&month=12-2007&date=17&group=2&gblog=17 ไปปายมา 6 ธ.ค. ถึงปายซะที :: //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jeckbeng&month=12-2007&date=21&group=2&gblog=18
Create Date : 02 มกราคม 2551 |
Last Update : 2 มกราคม 2551 12:59:44 น. |
|
27 comments
|
Counter : 1179 Pageviews. |
 |
|
ฮาไปทั่วท้องพระโรง ตะเล่งเต่งตรึ้ง!!