ตามธรรมเนียมต้องมี Link แนะนำกันก่อนที่จะเดินทางร่วมกับเจกเบ่ง จนมาถึงวันนี้ (9 ธ.ค.)

เริ่มต้นเช้าวันที่ 9 ธ.ค. 50 บรรยากาศสดใส เต็มไปด้วยหมอกมากมาย เรียกได้ว่ามาแฮ่ววว...เหนือ ครั้งนี้ เต็มอิ่มกับหมอกเจง ๆ
เช้านี้สิ่งแรกที่อีตาสามีทำคือ แปะสติ๊กเกอร์ 1,864 โค้ง ให้ลูกแจ๊ซ มาแม่ฮ่องสอนครั้งนี้ก็เพื่อแวะมาเอาสติ๊กเกอร์นี่แหล่ะ!!

เก็บของขึ้นรถกำลังจะเสร็จ... อุ้ย! ตาย! ว๊าย! กรี๊ด! อกกระจิดริ๊ดของเจกเบ่ง แทบแตก! ยางแบนคร๊า...คุณขาออกอาการเซ็งจิตกันเล็กน้อย แต่ก็ทำการเปลี่ยนยางอะไหล่ได้ไม่ยากเย็นสักเท่าไหร่ และแล้วรองเท้านู๋แจ๊ซ ก็เป็น 2 สีอย่างที่เห็น

ประมาณ 8 โมง ก็ออกเดินทางลงจากดอยแม่อูคอกันเลย หมอกโครตหมอกอีกแล้ว เปิดแอร์ไล่ฝ้าเท่าไหร่ก็ไม่หมด
ต้องขับบ้าง จอดเช็ดกระจกบ้าง ตลอดทาง เนื่องจากว่า หมอกหนามาก ๆ เสียวสันหลังกันเป็นแถบ ๆ
ขับไปตามเส้นทางอะไรก็ไม่รู้ มุ่งไปเป้าหมายแรกของวันนี้คือ ถ้ำแก้วโกมล เจอแต่หมอกขาวปกคลุมไปทั่วแม่ฮ่องสอนเลย!!
สมคำเล่าลือ เลื่องลือนาม เมืองสามหมอก จริง ๆ ดูเวลาปาเข้าไปเกือบ 10 โมงกว่าแล้ว หมอกยังหนาตึ๊บอยู่เลย ว่าแล้วก็ชักภาพซะหน่อย

ไม่นานนักก็ถึง ถ้ำแก้วโกมล ต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถ แล้วไปซื้อคูปองคนละ 40 บาท
เพื่อขึ้นรถสองแถว ไปที่บริเวณปากถ้ำ สาเหตุที่เจ้าหน้าไม่ให้ขับรถขึ้นไปที่บริเวณปากถ้ำ เพราะต้องการจัดการเกี่ยวกับรถราให้เรียบร้อย
ประกอบกับทางที่ค่อนข้างแคบ และมีความลาดชัน เอาผู้ชำนาญทางมาเป็นคนขับให้จะดีซะกว่า สบายกว่ากันเยอะ!!

ข้างในถ้ำไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป และจำกัดคนเข้าไปในถ้ำ ไม่เกินครั้งละ 20-30 คน เพราะว่าข้างในถ้ำอากาศค่อนข้างบาง
ถ้าคนเข้าไปเยอะอาจจะหายใจไม่ออกได้ แถมยังห้ามถ่ายรูปภายในถ้ำอีกต่างหาก สอบถามเจ้าหน้าที่มาได้ความว่า แสงแฟลชของกล้อง
มันมีผลต่อการตกผลึกของแร่ธาตุภายในถ้ำ จำชื่อแร่ธาตุไม่ได้แร๊ะ!! แต่ไกด์บอกว่า เป็นแร่ธาตุแห่งเดียวในประเทศไทย!!
จุดต่าง ๆ ภายในถ้ำก็จะได้รับพระราชทานชื่อจากพระราชินี เชียวนะ... ปลาบปลื้มใจและก็สวยงามมาก ๆ เลยทีเดียว

หนทางยังอีกยาวไกลนัก เพราะเป้าหมายต่อมาคือ อุทยานแห่งชาติออบหลวง
ธรรมชาติระหว่างทางช่างน่าผันชีวิตจากสาวชาวกรุง มาเป็นเด็กดอย ที่แม่ฮ่องสอนเสียจริง ๆ ร่มรื่น สวยจริง ๆ
ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะถึง ออบหลวง เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท แต่น่าเสียดายไม่ค่อยได้ชื่นชมบรรยากาศสักเท่าไหร่
เพราะดูเวลาแล้วจะค่ำมืดแน่ ๆ ในเป้าหมายถัดมาของเรา เลยได้แต่เดินไปที่จุดไฮไลน์คือ หินรูปคนจูบกัน เท่านั้น!!

ว่าแล้วก็ออกเดินทางต่อกันเลย เป็นการขับรถที่ยาวนานมาก ๆ เลย... กว่าจะถึงเป้าหมายถัดมา
และแล้วก็ถึงในที่สุด พระธาตุศรีจอมทอง ไม่พลาดแน่นอน!! แวะไหว้พระ สักการะพระธาตุ สิ่งศักดิ์สิทธ์คู่เมืองเชียงใหม่
สดชื่น เบิกบานใจ เป็นที่สู๊ดดดดด...

หลังจากนั้นก็เริ่มต้นทำภาระกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ หาที่ซ่อมรองเท้า ให้เจ้าลูกแจ๊ซ
ใช้เวลาไม่นาน เพราะร้านปะยาง อยู่เลยมาจากพระธาตุ ไม่ไกลสักเท่าไหร่ แล้วลูกแจ๊ซ ก็ได้รองเท้าคู่เดิมกลับมาใส่...อิอิ
งานนี้ต้องขอขอบคุณร้าน บุตรการยาง ด้วยคร่า... ค่าเสียหายก็ 80 บาทเท่านั้นคร่า!!

ต้องทำเวลากันหน่อยแล้ว เพราะตั้งใจว่าจะไปกางเต็นท์นอนกันบน ดอยอินทนนท์
รีบบึ่งไปในบัดดล โอ่ยยยย...ไปถึงบนยอดดอย ห้าโมงกว่าเข้าไปแล้ว บรรยากาศข้างบนแดดยังแรงอยู่ แต่ลมพัดแรงมากกกก...
ต้องเรียกได้ว่า หนาวสั่น กันเลยก็ว่าได้ แล้วก็ออกสำรวจพื้นที่กันเลย

ลงมาจากยอดดอยอินทนนท์มาสอบถามที่กางเต็นท์ ณ จุดบริการ ถามกันเสร็จสรรพ แต่...
แผนดันเปลี่ยนขึ้นมาซะงั้น เพราะพี่สาวอยากเดินถนนคนเดิน แถว ๆ ถนนคูเมือง ว่าแล้ว Mr.ปล่อง เลยต้องจัดไปอย่าให้เสีย
ขับบึ่งไปนอนที่ ไมอามี่ โฮเตล ที่พักคืนแรกที่เดิมของพวกเรา เนื่องจากว่าอยู่ใกล้ ๆ ถนนคนเดิน (สามารถเดินไปถึง)
ประกอบกับราคาที่ค่อนข้างถูก คืนละ 250 บาทเท่านั้น (อันนี้ห้องพัดลมหน่า!!)