ว่าแล้วก็มาต่อวันที่ 8 ธันวา 50 กันต่อเลย เช้านี้ยังอยู่ที่ ปางอุ๋ง ดินแดนแห่งความโรแมนติก
แหกขี้หู ขี้ตา ขี้ฟัน ขี้... ตั้งแต่เช้ายังไม่ 6 โมง เพื่อมาดูหมอกบนสายน้ำ สวยนักสวยหนา!! ถ้าพลาดงานนี้ต้องช้ำใจอย่างแน่นอน

มุมที่กางเต็นท์จะเป็นมุมที่เห็นหงส์แดง...เจ้ยยยย!! ไม่ใช่ๆ หงส์ดำ-ขาว พอดิบพอดี แต่รอแล้วรอเล่าเจ้าก็ไม่ออกมาให้ยลโฉมซะที
สงสัยว่า ถ่านที่เจ้าหน้าที่ใส่ไว้ จะหมด รีโมทเลยไม่ทำงานซะงั้น ฮ่าๆๆๆ
ชักช้าอยู่ใย ไหน ๆ ก็ไม่เจอเจ้าหงส์แล้ว ก็ออกเดินสูดดม ดื่มด่ำ กับธรรมชาติกันเลย!! สวยดีเหมือนกันแห๊ะ!!

เดินไปเดินมา Big Surprise คร่า!! เจออาจารย์ข้างเต้นท์ สมัยไปนอนดูบั้งไฟพญานาค ที่วัดฮาฮงศิลาวาส หนองคาย โน่นนนน...
เพื่อนดริ้งรุ่นใหญ่ของ Mr.ปล่อง ยามค่ำคืนขณะนั่งเฝ้าบั้งไฟ ฟ้าลิขิตรึ!! นรกบรรดาร!! ให้อาจารย์มาพบคนสวยคนหล่ออีกครั้งหรือนี่?
แวะพูดคุยสักพัก สุดท้ายจบลงด้วยการขอเบอร์โทร.ไว้ซะเลย!! ขาลุยขาเที่ยวเหมือนกัน ถูกคอถูกใจเป็นที่สู๊ดดดดด...

ไป ๆๆ ไปต่อกันดีกว่า เก็บข้าวเก็บของด้วยความทุลักทุเล พอสมควร เพราะมีเด็กม้ง เด็กแม้ว หรือเด็กชาวเขา
มาคอยวุ่นวายให้เสียวสันหลัง กลัวจะหยิบโน่นหยิบนี่วิ่งหายไปซะนี่!!
ขับรถลงจากปางอุ๋งยังไม่ 8 โมงดีเลย กะว่าลงก่อนใครมีชัยไปกว่าครึ่ง หุหุ(ไม่เกี่ยว)

ไม่กี่ กม. มองไปเห็นป้าย พระตำหนักปางตอง สวยเด่นเป็นสง่า เลี้ยวรถแว๊บบบบ...เข้าไปในทันที
ไม่ผิดหวังแห๊ะ!! บรรยากาศดีทีเดียว แต่ไหง๋คนไม่ค่อยแวะเข้าชมหว่า?
ก่อนเข้าไปชมบรรยากาศด้านในเขตพระตำหนัก แวะสักการะบูชา ศาลมหาราช กันก่อน เอาฤกษ์เอาชัย ประหนึ่งว่าจะออกรบ กันเลย!!

ขับรถเข้าไปเขตพระตำหนัก เป็นถนนลาดยางเรียบกริ๊บอย่างดี สักพักเหลือบไปเห็น ตัวอะไรหว่า?
สาวกรุงหน้าตาดี แตกตื่นคร่า!! ละอง-ละมั่ง นั่นเอง!! (อ่านมาจากป้าย หุหุ) ประหนึ่งว่าอยู่ในสวนสัตว์เปิดกันเลย

ขับไปเรื่อยตามทาง ก็จะพบจุดแวะชม แกะ ซึ่งเป็นสถานที่เลี้ยงแกะ เพาะพันธ์แกะ มีผ้าขนแกะและของฝากขายมากมาย
เพิ่งเคยเห็นตัวเป็น ๆ ใกล้ ๆ แถมด้วยเจ้าแกะน้อย น้องอ๋อม เพิ่งอาบน้ำมาใหม่ ๆ ขนนิ่มหอมฟุ้ง จริง ๆ เลย
สาเหตุที่ชื่อน้องอ๋อม เพราะเป็นลูกแกะ ที่เกิดวันเดียวกับ อ๋อม สกาวใจ (ที่เป็นดารา นั่นเอง!) ข้อมูลนี้มาจากไกด์ตัวน้อยของเรา

ยัง!! ยังไม่ถึงพระตำหนักปางตอง ต้องขับไปอีกประมาณ 1 กม. ก็ถึง พระตำหนักปางตอง
ใหญ่โตโอ่โถงกว้างขวางมาก ๆ แต่เหมือนว่าขาดการทำนุบำรุง มีส่วนปรักหักพังหลายจุด
แถมด้วยดอกไม้ต่าง ๆ ก็เพิ่งจะถูกปักลงดิน ก็เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าดอกไม้โต คงงามตาน่าดูทีเดียว!!

ชมพระตำหนักกันแล้ว ก้อออกเดินทางไปหาที่อาบน้ำกันก่อนเลย หมักหมมกันมาก็ 2 วันกว่าเข้าไปแล้ว
โดยย้อนกลับไปที่เดิม ภูโคลน กะว่าจะไปอาบน้ำแร่ แต่พอกินขนมจีนน้ำเงี้ยวแถวนั้นเสร็จ ดันแผนเปลี่ยนอีก
เลยกลับไปอาบน้ำที่ถ้ำปลา ซะงั้น!! ได้น้ำครั้งนี้เสมือนว่าเป็น ปลากระดี่ได้น้ำกันเลย!! วู้ๆๆ เย้ๆๆ ได้สัมผัสน้ำแล้วเว้ยยย!!

สดชื่นกันแล้ว เดินทางต่อเข้าต่อเมืองแม่ฮ่องสอนกันเลย ทริปวันนี้ออกแนวธรรมะธัมโม สักเล็กน้อย!! เดินสายไหว้พระ!!
ถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอน สิ่งแรกที่คิดจะทำตอนนั้นคือ มุ่งไปเอาประกาศ “ข้านี่แหล่ะ!! พิชิตมาแล้ว 1,864 โค้ง” ว๊ากกก...ฮ่าๆๆ
ที่หอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ค่าน้ำหมึกค่ากระดาษใบละ 20 บาท และซื้อสติ๊กเกอร์มาอีกแผ่น 25 บาท กะว่า “รถข้าต้องได้ Cer ด้วย”

ความหิวมาเยือนแล้วสิ!! ไม่ลืม Concept ของพวกเราว่า ต้องหากินหาเที่ยวกับชาวบ้าน เลยมุ่งหน้าหาอาหารพื้นเมืองกินกัน
อุ๊ยๆๆ... ชื่ออาหารแปลก ต้องขอลองกันหน่อย ร้านก็อยู่แถว ๆ หอการค้านั่นแหล่ะ!!
มื้อนี้เลยประกอบไปด้วย อุ๊บไก่, แกงฮังเร และอาหารกันพลาดเผื่อกินแกงพื้นเมืองไม่ได้คือ ไข่พะโล้
อิอิ!! อร่อยเหาะแห๊ะ!!

อิ่มท้องแล้ว จะพาไปอิ่มใจด้วยการไหว้พระกันเลย... เริ่มกันที่ วัดจองคำ-วัดจองกลาง กันก่อนเลย
สถานปัตยกรรมสวยงามมาก ๆ เป็นสถาปัตยกรรมของเมืองแม่ฮ่องสอนเลยก็ว่าได้

ต่อด้วยวัดรอบ ๆ ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนอีกหลายวัดเลยทีเดียว แต่ว่าจำไม่ค่อยได้ ประกอบกับแบตกล้องถ่ายรูปหมดอีก
เลยไม่ค่อยมีภาพมาประจาน... เจ้ยยยย!!มาให้ดูถึงความเป็นคนรักศาสนาของคนสวยเลยง่ะ
เท่าที่จำได้ก็จะมี วัดก้ำก่อ, วัด...มีพระนอนองค์ใหญ่อยู่ภายใน, วัด...มีหลวงพ่อโต พระศักดิ์สิทธ์ของแม่ฮ่องสอน (อิอิ...จำได้แค่เนี้ย!!)

แต่สุดท้ายต้องมาจบทริปธรรมะธัมโมกันที่นี่ คือ พระธาตุดอยกองมู ใครไปเมืองแม่ฮ่องสอนต้องขึ้นไปสักการะให้ได้
พวกเราไม่พลาดกันอย่างแน่นอน ต้องขับรถขึ้นบนเขานิดหน่อย แต่ทางดีเยี่ยมเลย!!
ขึ้นไปนอกจากจะได้สักการะบูชาพระธาตุแล้ว ยังได้พบเจอวิวสวย ๆ ให้ชื่นใจอีกต่างหาก

ดูเวลาก็ปาเข้าไปจะบ่ายสามแร๊ะ!! ต้องรีบทำเวลาไปเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้กันแล้ว คือ ดอยแม่อูคอเดี๋ยวจะค่ำมืดดึกดื่น ต้องคลำทางขึ้นไปกันอีก ทำเวลากันน่าดู แต่ก็ยังไม่พลาดกับการถ่ายรูปกับดอกไม้ที่ชาวบ้านปลูกไว้ให้นักท่องเที่ยว
จริง ๆ ต้องเสียค่าเข้าไปถ่ายรูปคนละ 5 บาท แต่พวกเราไปถึงไม่มีชาวบ้านอยู่รอเก็บตังส์แร๊ะ!! ฟรีคร่า...งานนี้ฟรีอีกแล้วคร่า!!

5 โมงกว่าแล้ว เพิ่งจะถึงที่ทำการดอยแม่อูคอ แวะสอบถามที่พักก่อน ได้ความว่า สามารถกางเต็นท์ได้ทั้งด้านบนตรงทุ่งดอกบัวตอง
และตรงที่ทำการ ตกลงใจกางเต็นท์กันที่ที่ทำการ เนื่องจากว่า ห้องน้ำ-ห้องท่า อุดมสมบูรณ์ แถมยังมีไฟให้ใช้ถึง 3 ทุ่มอีก

จากที่ทำการเพียง 1 กม. เท่านั้นก็ถึงภูเขาที่มีแต่ดอกบัวตองแล้ว เลยแวะขึ้นไปดูกันก่อน
โอ้ยยย... ไม่ผิดหวังแห๊ะ!! แม้จะมีส่วนที่โรยราไปบ้าง แต่ยังคงความเหลืองอร่าม งดงาม อลังการมาก ๆ อยู่เลย

ฟ้าเริ่มมืด แสงของท้องฟ้าเริ่มกระทบกับแสงของพระอาทิตย์ เริ่มเห็นถึงทัศนียภาพช่วง มุ้งมิ้ง ว่ามันสวยใช้ได้เลย!!
ไม่ได้ตั้งใจจะมาดูพระอาทิตย์ตกท่ามกลางทะเลหมอก ขุนเขา และเหลืองอร่ามของดอกบัวตอง กัน แต่เวลาและจังหวะมันพอดี
โอ่ยยยย...สวยมาก ๆ แถมด้วยไม่มีผู้คนมาแย่งกันดูแย่งกันถ่ายรูป ให้เสียอารมณ์ ประทับสุด ๆ ที่ดอยแม่อูคอเนี่ย!!

มืดอีกแล้วคร่า...พี่น้อง!! ต้องรีบลงมาหาที่กางเต็นท์กันแล้ว งานนี้ได้ที่กางเต็นท์ดีแห๊!! สะดวกสบายสุด ๆ
ต้องรีบทำอาหารกันแล้ว มื้อนี้ยังคงเก็บตกพืชผักที่ซื้อมาจากชาวเขา เลยได้อาหารมาเป็น ผัดผักรวม + ยำปลากระป๋อง+ไข่เจียว
อร่อยเหาะ!! อีกแล้วคร่า...พี่น้อง!!