เลี้ยงเด็กให้ถูกต้องและถูกใจ(เด็ก)ไปด้วยกันไม่ได้จริงๆหรือ

-ลูกโทรมาบอกลืมการบ้านไว้ในรถขอให้ตอนเที่ยงแม่แวะเอาไปให้ จะเอาไปให้ก็กลัวว่าจะทำให้ลูกไม่รู้จักรับผิดชอบ แต่จะปล่อยให้โดนครูทำโทษก็สงสาร

-ลูกบอกถ้าอยากให้เรียนเปียโนก็ต้องซื้อมือถือใหม่ให้ จะยอมหรือจะบังคับดีละนี่

-ทุกวันนี้คิดว่าตัวเองได้ดีเพราะไม้เรียว แต่พอถึงคราวตัวเองมีลูกเวลาลูกทำผิดจะตีก็สงสาร แต่จะไม่ตีก็กลัวว่าจะทำให้นิสัยที่ไม่ดีติดตัวลูกไป

พ่อแม่หลายคนนั้นเวลาที่จะเลือกบังคับหรือทำในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าถูกต้องพวกเขาก็กลัวว่าจะโหดไปไหม ลูกจะเสียใจหรือเปล่า ครั้นจะยอมตามใจหรือทำในสิ่งที่ถูกใจลูกก็กลัวอีกว่าฉันทำแบบนี้จะเป็นการสปอยหรือทำให้นิสัยที่ไม่ดีติดตัวลูกไปหรือไม่

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบสร้าง "กรอบทางเลือก" ขึ้นมาเอง หลายคนชอบคิดว่าทางเลือกของปัญหาหลายอย่างนั้นมีแค่สองทาง ถ้าพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเด็กพวกเขาก็จะบอกว่า ถ้าใช้ไม้นวมไม่ได้ผลก็ต้องใช้ไม้แข็ง ถ้าพูดดีๆไม่รู้เรื่องก็ต้องตี ถ้าเด็กไม่รักดีก็ต้องปล่อยให้ลำบาก

พวกเขาพูดราวกับว่าโลกนี้มีแค่สองสี ถ้าไม่ขาวมันก็ต้องดำ ส่วนสีอิ่นๆอย่างม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง เป็นสีที่ไม่มีอยู่จริงนอกจากจะปรากฎในสายรุ้ง


วันนี้เจนขอเสนออะไรเล็กๆน้อยๆที่คิดว่าสามารถทำให้เด็กเติบโตขึ้นโดยมีความคิดที่ถูกต้องและในขณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการอะไรที่ทำร้ายจิตใจเด็ก


== เราอยู่ฝั่งเดียวกันเสมอแต่จะไม่เข้าข้างถ้าหนูทำผิด ==

ลองนึกถึงทีมฟุตบอล กัปตันทีมหรือโค้ชที่ต้องคอยดูแลทีม เวลาผู้เล่นๆไม่ดีจ่ายบอล สั้นไป ขี้เกียจวิ่ง ส่งคืนหลังไม่ระวัง กัปตันหรือโค้ชหรือผู้เล่นคนอื่นก็ต้องบอก ตำหนิ ไปจนถึงตะโกนใส่ แต่ไม่ว่าจะยังไงพวกเขาทุกคนก็ยังทำเพื่อทีม ไม่มีการแกล้งกัน ทำร้ายกัน หรือเตะบอลเข้าประตูตัวเองเป็นแน่

การเลี้ยงเด็กก็เหมือนกันเราต้องสื่อให้เด็กเข้าใจได้ว่าเราจะอยู่เคียงข้างแล้วพร้อมที่จะให้กำลังใจพวกเขาเสมอแต่จะไม่เข้าข้าง ถ้าพวกเขาทำผิดเราก็ต้องสอน ตำหนิ ไปจนถึงทำโทษ แต่ทุกอย่างที่เราทำต้องสื่อให้เด็กเข้าใจว่าไม่ใช่เพราะเราเกลียด ไม่รัก หรือเห็นคนอื่นดีกว่า แต่เพราะเราต้องการให้เขาพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดี มีพฤติกรรมที่เหมาะสม เพราะการปล่อยให้พวกเขาทำผิดโดยไม่สอน ตักเตือนหรือทำโทษอะไรเลยนั้นก็คือการทำร้ายพวกเขาทางอ้อมเหมือนกัน

เจนจะไม่ใช้คำพูดหรือการแสดงออกอะไรที่ทำให้ลูกรู้สึกว่าแม่จะไม่รัก ไม่สนใจ พร้อมที่จะขาดจากกัน ถ้าลูกไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ เช่น เวลาดูละครเจนไม่เคยบอกลูกว่า ถ้าเธอท้องในวัยเรียนเมื่อไหร่ฉันจะตัดแม่ตัดลูกกับเธอแน่ แต่จะบอกลูกว่า น่าสงสารแม่ของเด็กคนนั้นจังเลย แต่ลูกสาวแม่เป็นเด็กดี แม่มั่นใจว่าหนูจะไม่ทำอะไรให้แม่ต้องเสียใจแน่ๆ

เจนจะบอกลูกเสมอว่า หนูเป็นลูกคุณแม่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคุณแม่ก็รักหนู และพร้อมที่จะช่วยเหลือหนูเสมอ
อย่างตอนที่ลูกมาอยู่ที่ๆเจนดูแล ลูกก็ซ่าส์ตามวัยของเขา ลูกมองว่าการได้ฝ่าฝืนกฎ ระเบียบอะไรต่างๆเป็นเรื่องสนุกสนาน พอถึงระดับที่เจนคิดว่ามันเริ่มจะมากเกินไป เจนจะไม่บอกลูกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นคุณแม่จะ่ไม่ช่วยแต่จะทำโทษให้หนักเป็นสองเท่า แต่เจนเลือกที่จะบอกลูกว่า หนูมาอยู่ที่ๆคุณแม่ดูแล คุณแม่บอกเลยว่าถ้าหนูเกิดมีปัญหาอะไร ลูกๆคนอื่นคุณแม่ยังช่วยยังผ่อนปรนให้ หนูเป็นลูกคุณแม่คุณแม่จะไม่ช่วยได้อย่างไร แต่จะดีกว่าไหมถ้าปัญหาหรือสิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิดเพราะต่อให้คุณแม่ช่วยหนูได้ คุณแม่ก็เสีย หรืออาจจะได้แค่ผ่อนหนักให้เป็นเบาไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

ส่วนจากตัวอย่างที่ยกมา (ลูกโทรมาบอกลืมการบ้านไว้ในรถ…)

ถ้าเป็นเจนๆจะเอาไปให้ จะไม่ว่า ไม่ตำหนิ ไม่ทำโทษ แต่พอตอนเย็นจะบอกลูกว่า วันนี้คุณแม่ปวดท้องเพราะกินข้าวผิดเวลา เพราะพอพักคุณแม่ก็รีบขับรถเอางานไปให้หนูกลับมาก็บ่ายก็ต้องทำงานต่อแล้ว เลยได้แค่กินขนมปังประทังชีวิต เจนจะสื่อแบบเล่าให้ฟัง ไม่ใช่แบบตำหนิหรือบ่นโวยวาย เพราะวิธีนี้จะทำให้เด็กเข้าใจได้ว่าแม่รักเรา แม่พร้อมจะช่วยเราเสมอ แต่การลืมงานของเราทำให้แม่ต้องลำบาก ต่อไปเราจะต้องมีความรับผิดชอบมากกว่านี้


== ให้อ้อนแต่ไม่ให้ต่อรอง ==

หลายครั้งที่เจนได้ฟังจากพ่อแม่คนอื่นๆเล่าว่าลูกบอกว่าต้องซื้อรถให้ถึงจะยอมเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่พ่อต้องการ ต้องซื้อมือถือรุ่นนี้ให้ถึงจะยอมไปเรียนพิเศษ สำหรับคนอื่นอาจมองเป็นเรื่องธรรมดา แต่ส่วนตัวเจนมองว่านั่นแสดงว่าการเลี้ยงดูที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จในด้านการทำให้เด็กเชื่อใจพ่อแม่ได้

เจนไม่ได้โทษว่าเด็กวัตถุนิยมหรือติดหรู แต่มองว่าเมื่อไหร่ที่เด็กตั้งเงื่อนไขแบบนี้แสดงว่า ความเชื่อใจของเด็กต่อพ่อแม่อยู่ในระดับที่ไม่เพียงพอ เพราะนั่นคือภาพสะท้อนจากจิตใต้สำนึกว่าเด็กไม่ได้มองว่าพ่อแม่รักเขาอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่มองว่าเป็นความรักแบบมีเงื่อนไขเหมือนการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า ซึ่งจะโทษเด็กฝ่ายเดียวนั้นก็ไม่ได้ เพราะพ่อแม่หลายคน ลูกขอดีๆในสิ่งที่พวกเขาสมควรที่จะได้ก็ไม่ให้ ต้องรอให้ลูกขอแบบจะเป็นจะตาย ประชด หรือร้องไห้ถึงจะให้ ซึ่งนั่นไม่ใช่วิธีการที่เจนคิดว่าถูก

ส่วนตัวเจนเองจะสื่อให้ลูกเข้าใจว่า หนูอยากได้อะไร หนูบอกได้ ขอได้ อ้อนได้ แต่จะได้หรือไม่ แม่จะพิจารณาว่าสิ่งที่หนูอยากได้นั้นมันจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน ส่วนความอยากได้มากอยากได้น้อยของลูกแม่ก็จะเอามาเป็นส่วนสำคัญเพื่อใช้ในการตัดสินใจด้วยเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าลูกอยากได้มากแล้วแปลว่าจะต้องได้

กับลูกๆที่โรงเรียน เจนก็จะสื่อให้พวกเขาเข้าใจแบบเดียวกัน เวลาเด็กทำผิดหรือก้าวข้ามกฏ หลายครั้งถ้าเจนเห็นว่าเด็กสำนึกแล้วหรือบางทีเด็กขอร้องหรืออ้อน เจนก็ยกโทษ ผ่อนปรน หรือเปลี่ยนวิธีทำโทษให้ แต่ถ้าเด็กทำผิดในเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรงแล้วยื่นข้อต่อรอง เช่น เด็กหนีเรียนแล้วบอกว่าจะยอมพูดความจริงต่อเมื่อครูสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่อง เจนจะไม่ยอมรับข้อต่อรองใดๆ แต่จะบอกว่า ครูบอกได้แค่ว่าถ้าหนูพูดความจริงครูจะพิจารณาลงโทษโดยใช้ความเมตตาสูงสุดแต่ครูไม่สัญญาและไม่รับข้อต่อรองใดๆ

หลักในเรื่องนี้คือต้องทำให้ลูกวางใจพ่อแม่แบบหมดหัวใจ ต้องทำให้เด็กเชื่อว่าพ่อและแม่รักหวังดี และใส่ใจความรู้สึกของเขาเสมอ ถ้าเด็กรู้สึกได้ตามนี้ เด็กจะยอมรับในการตัดสินใจของพ่อแม่ และไม่ว่าเขาจะได้หรือไม่ได้อะไรจะไม่มีการต่อต้านหรือประชดประชันอะไรตามมา

จากประสบการณ์ที่ดูแลเด็กๆมาบอกเลยว่าเด็กทุกคนรักพ่อแม่มากต่อให้พวกเขาถูกทำร้ายด้วยวาจา การทุบตี หรือ ด้วยความเย็นชาอะไร อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าเด็กก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา พวกเขาจะรักและเชื่อใจพ่อแม่มากน้อยแค่ไหนนั้นส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับการประพฤติปฏิบัติของพ่อแม่ต่อพวกเขาด้วย


== อย่าใช้อดีตเป็นเครื่องกำหนดอนาคต ==

ประสบการณ์เป็นสิ่งที่มีค่า เจนไม่ปฏิเสธในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เหมาะสมในช่วงเวลาหนึ่งไม่ได้ผูกพันธ์ว่าจะต้องเหมาะสมในช่วงเวลาถัดไป และถ้าทุกคนทำทุกอย่างเหมือนประสบการณ์ในเยาว์วัย คงเป็นการยากที่โลกจะเจริญก้าวหน้าได้เท่าทุกวันนี้

เจนเชื่อว่ามีหลายคนที่เป็นคนดี เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เพราะถูกด่าหรือถูกตีหรือเพราะไม้เรียว แต่เจนไม่เชื่อว่าจะมีใครที่เป็นคนดีได้โดยการถูกด่าหรือตีแต่เพียงอย่างเดียว การเลี้ยงเด็กนั้นคำชม การให้ความรัก ความอบอุ่น และแรงจูงใจในทางบวกเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนมาตรการในทางลบ อย่าง ดุ ด่า ตำหนิ ทำโทษนั้น นั้นอาจจะใช้หรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และตัวเด็ก

เด็กที่ได้รับทั้งแรงจูงใจในทางบวกและมาตรการในทางลบนั้นถ้าจะเป็นคนดีได้ก็ไม่แปลกอะไร แต่มาตรการในทางลบเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เคยสร้างใครให้เป็นคนดี

การเลี้ยงลูกเป็นศิลป์ ไม่มีกฎตายตัว แต่หลักสำคัญที่เจนยึดถือมาตลอดในการปฎิบัติทั้งกับลูกตัวเองและเด็กคนอื่นๆทุกคนคือ

“ฉันจะไม่เป็นในสิ่งที่ฉันเกลียด ฉันจะไม่ทำกับคนอื่นในสิ่งที่ฉันเคยถูกกระทำแล้วรู้สึกเจ็บปวด”


เรื่องสุดท้ายอาจจะนอกเรื่องนิดนึงแต่อยากพิมพ์ให้อ่าน เพราะรู้สึกว่าเด็กๆหลายคนนั้นเวลาที่มีใครมาแสดงความคิดเห็นแบบใช้ประสบการณ์ตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานใน facebookหรืออะไรทำนองนี้ เช่น เด็กบ่นเรื่องถูกทำโทษให้คัดลายมือเพราะลืมทำการบ้าน แล้วมีคนมาแสดงความคิดเห็นว่า “พวกลูกคุณหนูโดนแค่นี้บ่นจะเป็นจะตาย สมัยผมนะถ้าลืมละโดนฟาดข้อละทีจนเลือดไหลยังไม่มีใครบ่นอะไรเลย”

เด็กบางคนก็จะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแบบจะเป็นจะตาย มีคนนึงเป็นหลานเจนที่สนิทกันมาก เจนเห็นเข้าเลยบอกหลานไปว่าถ้าหนูเถียงกับอัตตาของคน อาบอกเลยไม่มีทางที่จะเปลี่ยนความคิดเขาได้ ถ้าอยากจะเปลี่ยนความคิดเขาให้คุยกับจิตใต้สำนึกของเขา แล้วก็บอกหลานไปว่าถ้ามีอะไรแบบนี้อีกให้ลองวิธีนี้ดู ให้พิมพ์กลับไปว่า “คุณอาคะหนูเข้าใจว่าคุณอาต้องการให้หนูรับรู้ว่าคุณอาเคยเจ็บปวดจากการถูกกระทำแบบนี้มากแค่ไหน แต่ไม่ใช่ว่าคุณอาต้องการให้หนูเจ็บปวดแบบเดียวกันกับคุณอาใช่หรือเปล่า”

เจนเข้าใจดีว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลกับทุกคนแต่อย่างไรก็ตามเจนเชื่อว่ามีโอกาสมากกว่าการเถียงไปด่ามาแน่ๆ

และจากเหตุการณ์นี้เจนเลยถือโอกาสสอนหลานว่าก่อนจะไปทะเลาะอะไรกับใครให้ท่องไว้ว่า “ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้อื่นตราบใดที่ความคิดเห็นของพวกเขานั้นไม่ได้มีผลกระทบต่อตัวเราหรือสังคม”



เจน



Create Date : 29 ธันวาคม 2554
Last Update : 29 ธันวาคม 2554 23:21:11 น.
Counter : 1652 Pageviews.

7 comments
  
^_^

สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังเช่นกันนะคะ ครูเจน ขอให้ครอบครัวสุขสันต์ แข็งแรง มีความสุขตลอดปีเลยค่า
โดย: กุ๊ดจัง วันที่: 3 มกราคม 2555 เวลา:22:32:27 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะครูเจน

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยช่วยปกปักรักษาครอบครัวของครูเจน

ให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข ร่ำรวย และสมหวังนะคะ

โดย: แม่โอ๋เรนเจอร์ วันที่: 8 มกราคม 2555 เวลา:4:48:38 น.
  
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ

สวัสดีปีใหม่ ครูเจนและครอบคร้วค่ะ

โดย: Always & Forever วันที่: 11 มกราคม 2555 เวลา:17:37:54 น.
  
ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ครับ
โดย: Aknightz IP: 115.87.73.129 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:09:15 น.
  
“ฉันจะไม่เป็นในสิ่งที่ฉันเกลียด ฉันจะไม่ทำกับคนอื่นในสิ่งที่ฉันเคยถูกกระทำแล้วรู้สึกเจ็บปวด”

.
.

ชอบประโยคนี้ครับคุณเจน
เห็นด้วยเต็มๆเลย


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:31:02 น.
  
เข้ามาอ่านโดยบังเอิญ คือค้นหาข้อมูลอะไรอยุ่ แล้วบังเอิญเห็นหัวข้อน่าสนใจ อ่านไป ๆ เริ่มติด(แกะไม่ออก) จากเรื่องหนึ่ง ต้องต่อเรื่องสอง และสาม สี่.........ครับ ก็ขออนุญาตนำบทความไปแชร์กับเพื่อน ๆ ให้ได้อ่านกันด่้วย วันนี้อ่านไป 4 เรื่อง ไงจะมาอ่านต่อครับคุณเจน
โดย: toykrub IP: 124.122.67.85 วันที่: 23 พฤษภาคม 2555 เวลา:17:08:28 น.
  
ดิฉันเลี้ยงลูกโดยถือคติว่า "เราอยากได้แม่แบบไหน ก็จงเป็นแม่แบบนั้น" ดิฉันจะใจเย็นมากเวลาพูดคุยกับลูก ไม่ใช้อารมณ์ และไม่มีคำว่า"ชั้น" กับลูก บอกเค้าเสมอว่าเรารักเค้ามากขนาดไหน และเค้ามีความสำคัญกับเรามากขนาดไหน ทุกวันนี้ลูกน่ารักมากค่ะ พูดง่าย มีความสุข และเป็นเด็กที่อารมณ์ดีตลอดเวลาค่ะ
โดย: กติมา IP: 124.121.47.128 วันที่: 3 สิงหาคม 2555 เวลา:15:06:38 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

JanE & IK
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 44 คน [?]



Group Blog
ธันวาคม 2554

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
31
 
All Blog