บางอย่างที่คุณอาจมองข้ามไปในการสอนลูก
บางอย่างที่คุณอาจมองข้ามไปในการสอนลูก


เจนเขียนเรื่องนี้ขึ้นจากสิ่งที่ได้ศึกษาและจากประสบการณ์ที่ได้ดูแลเด็กๆมา

สิ่งที่ได้สัมผัสนั้นทำให้เจนรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่คุณพ่อคุณแม่อาจมองข้ามไปในการสอนลูก ส่วนคุณพ่อคุณแม่จะมีความคิดเห็นอย่างไรนั้นเจนก็ยินดีที่จะรับฟัง



== อย่าสอนให้ลูกไม่โกรธแต่สอนให้รู้จักจัดการกับความโกรธ ==

"โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า" เจนเชื่อในคำพูดนี้เช่นกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วยากมากๆที่คนเราจะไม่รู้สึกโกรธเลย

เวลาลูกเจอสิ่งที่ไม่พอใจ โดนเอาเปรียบหรือโดนใครรังแกมา เมื่อเด็กโกรธพ่อแม่หลายคนมักจะบอกกับลูกว่า "เรื่องแค่นี้ทำไมต้องโกรธ", "แค่นี้อดทนไม่ได้แล้วต่อไปจะไปทำอะไรกิน"

จริงแล้วการบอกคนที่กำลังโกรธ(ในเรื่องที่สมควรจะโกรธ)ว่าไม่ควรโกรธนั้นเป็นวิธีเพิ่มความโกรธที่ได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าลูกคุณโกรธ(ในสิ่งที่สมเหตุสมผล) คุณควรแสดงให้ลูกรู้สึกว่า คุณเข้าใจว่าเขารู้สึกยังไง ชมเขาว่าเขาอดทนได้ดีกว่าที่คุณคิดเสียอีก (กรณีลูกทำได้แบบนั้น) ให้คำแนะนำถ้าเขาเจอเรื่องแบบนี้อีก และถ้าเขายังไม่หายโกรธก็พยายามพูดเบี่ยงประเด็นทีละน้อยๆ ทำแค่นี้ลูกคุณก็จะผ่อนคลายความโกรธลงเอง

เช่น น้องชายทำตุ๊กตาตัวโปรดของพี่สาวคอหัก ถ้าคุณบอกลูกสาวว่า "น้องยังเล็กไม่ได้ตั้งใจ แม่ก็เคยบอกแล้วไงว่าอย่าวางไว้บนพื้น แล้วเรื่องแค่นี้ทำไมต้องโกรธด้วย"

เจนบอกเลยว่าลูกสาวคุณนอกจากจะโกรธมากขึ้นแล้วยังจะน้อยใจคุณด้วยอีกต่างหาก

คุณควรบอกลูกว่า "แม่เข้าใจนะว่าหนูโกรธแล้วก็เสียใจ เป็นแม่ๆก็คงรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน แต่หนูรู้ตัวไหมว่าหนูน่ารักมากเลยที่ไม่ได้ตีหรือทำอะไรน้อง แม่ว่าทีหลังหนูเอาวางไว้ที่สูงๆที่น้องเอื้อมไม่ถึงดีไหมคะ แล้วเดี๋ยวคุณพ่อกลับมาแม่จะลองให้คุณพ่อซ่อมให้นะลูก คุณพ่อหนูนะซ่อมของเก่งมากเลย รู้ไหมตอนแม่สาวๆนะ รองเท้าส้นสูงหักคุณพ่อยังซ่อมได้เลย ตอนนั้นนะ…"

ทำแบบนี้ลูกจะค่อยๆบรรเทาความโกรธลง รู้วิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก และไม่ผูกใจเจ็บกับน้อง




== การกระทำสำคัญกว่าคำพูด ==

พ่อแม่คนหลายคนชอบบ่นว่าสอนลูกจนปากเปียกปากแฉะไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลย ในขณะทีเด็กบางคนน่ารักมากๆ ทั้งๆที่พ่อแม่ไม่ได้สอนอะไรเป็นคำพูดสักเท่าไหร่

สิ่งหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อเด็กมากๆกว่าคำสั่งสอนเสียอีกคือการกระทำของพ่อแม่เอง

โดยเฉพาะเด็กเล็กๆพวกเขาเรียนรู้จากการกระทำจากปฎิกิริยาตอบสนองของคุณเวลาที่เขาทำอะไรมากกว่าคำพูดหลายเท่า

เด็กบางคนยังเล็กเกินกว่าที่จะเข้าใจในเหตุผลที่ผู้ใหญ่อธิบายได้ แต่แทบทุกคนเรียนรู้ได้จากสิ่งที่เขาเห็น

อย่างเจนเองตอนน้องอิ๊กสักสามสี่ขวบเจนก็จะเริ่มสอนให้เขาทำอะไรบางอย่างง่ายๆเช่น ปิดทีวี

ทุกวันพอเจนบอกลูกๆก็จะเดินไปกดปุ่มปิดที่เครื่องแล้วก็ทำแบบนั้นมาตลอด พอปิดเทอมมีช่วงนึงเจนมีธุระต้องไปเรียนตอนกลางวันเลยปล่อยให้อยู่กันสองคนพ่อลูก หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเจนบอกลูกให้ปิดทีวี ลูกก็เอาก้นไถพื้นกระดึ๊บๆไปแล้วก็เอาเท้าจิ้มปิด

เจนหันไปหาแฟน แฟนบอกว่าไม่เคยสอน แต่พอถามว่าแต่ทำแบบนี้ให้ลูกเห็นใช่ไหม แฟนก็หัวเราะแค่นี้เจนก็เข้าใจได้แล้ว




== อดกลั้นสำคัญกว่าอดทน ==

การฝึกความอดทนให้เด็กเป็นสิ่งสำคัญเจนไม่ปฎิเสธในเรื่องนี้ แต่คนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงเรื่องหัดให้เด็กอดทนก็มักจะคิดถึงเรื่องความอดทนทางร่างกายเป็นหลัก เช่นเข้าแถวตัวตรง ตากแดดโดยไม่บ่น เดินเท้าไกลๆได้

แต่ในปัจจุบันและอนาคตเจนบอกเลยว่าเด็กที่จะประสบความสำเร็จและมีความสุขในชีวิตได้นั้น

สิ่งที่สำคัญกว่าความอดทนทางร่างเยอะคือ ความอดกลั้นทางอารมณ์ เช่น เด็กรู้สึกยังไงเมื่อเจอคนที่มีความคิดเห็นแตกต่าง เวลาที่เขาถูกยั่วยุ เวลาเผชิญหน้ากับความอยุติธรรม หรืออะไรก็ตามที่ไม่ได้ดั่งใจ

เด็กแก้ปัญหายังไง เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ อาละวาดแบบสัตว์ป่า หรือแสดงออกด้วยวิธีของคนที่มีการศึกษา

เพราะต่อให้คุณฝึกให้ลูก อึด ถึก ทน ไม่กลัวแดดกลัวฝน แต่รับความเห็นที่ต่างไม่ได้ ใครพูดอะไรไม่ถูกใจก็เก็บมาคิดมาแค้น หรือโมโหแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ ยากมากๆที่ลูกจะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

(แต่ถ้าคุณต้องการให้ลูกเป็นทหาร ตำรวจ นักกีฬาหรืออาชีพที่ต้องใช้ความแข็งแกร่งทางร่างกายก็คงจะจำเป็นทั้งสองอย่าง)




== สองผิดไม่เคยเท่ากับหนึ่งถูก (two wrongs never make one right) ==

พ่อแม่บางคนเวลาลูกทำผิดหรือไม่เชื่อฟัง ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์พาไปหรืออะไรก็ตาม แทนที่พวกเขาจะหาวิธีแก้ไขความผิดของลูก

แต่พวกเขากลับทำผิดเป็นเพื่อนลูกไปอีกคน โดยการละทิ้งการทำหน้าที่พ่อแม่หรือตอบโต้ด้วยวิธีการรุนแรง เช่น เด็กหนีเรียนก็จะไม่ให้เรียนแล้ว , ลูกกลับบ้านช้าเลยตบหน้า ,ลูกติดเกมส์คุณก็เลยทำลายคอมพิวเตอร์ของเขาเสีย

เจนไม่ได้บอกว่าคุณต้องไม่ทำอะไรเลยหรือยกโทษให้ลูกทุกครั้ง คุณจะทำโทษ หักค่าขนม ยึดมือถือ ตีก้นหรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การกระทำที่แสดงให้เห็นว่าคุณละทิ้งการทำหน้าที่พ่อแม่ ทำเพราะเกลียดชังลูก หรือทำเพื่อความสะใจ

ถ้าคุณทำแบบนั้นก็เหมือนกับการสอนเด็กว่าถ้าโดนโจรขึ้นบ้านมายกทีวีไปพอแจ้งตำรวจๆจับโจรไม่ได้ เราก็มีสิทธิไปขโมยทีวีของบ้านตรงข้ามมาดูแทน

การทำผิดครั้งที่สองนั้นไม่เคยแก้ไขให้ความผิดครั้งแรกถูกขึ้นมาได้

และสังคมที่ใช้ระบบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ท้ายที่สุดแล้วก็จะมีแต่คนตาบอด




== อย่าสอนให้ลูกรับผิดชอบแค่ในสิ่งที่เขาทำ ==

เจนคิดว่าคุณคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า "มีแต่คนที่ไม่ทำอะไรเลยเท่านั้นที่ไม่เคยทำผิด"

จริงๆแล้วคำพูดนี้เป็นตรรกะที่ผิดเพราะการไม่ทำอะไรทั้งๆที่ต้องทำนั้นก็ถือว่าเป็นความผิดด้วยเช่นกัน

เจนเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนสอนให้ลูกรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ แต่น้อยคนมากที่จะสอนว่าเขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ควรกระทำด้วย

ทุกวันนี้เจนเองก็ต้องคอยสอนเด็กเรื่องจิตสำนึกสาธารณะว่าการอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลยไม่ได้แปลว่าจะถูก เพราะเด็กจำนวนมากยังไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้

เด็กที่เจนดูแลพวกเขาน่ารัก พวกเขาไม่เคยทำลายสมบัติของโรงเรียนโดยเจตนา ไม่เคยขีดเขียนหรือพ่นสีอะไรในห้องน้ำ แต่ในขณะเดียวกันเมื่อพวกเขาเห็นก๊อกน้ำรั่ว ก็ไม่คิดที่จะทำอะไรด้วยเช่นกัน

เจนก็ต้องอบรมว่า ครูรู้ว่าพวกเธอไม่ได้เป็นคนทำให้มันรั่ว แต่การที่เธอเห็นมันรั่วแล้วเธอไม่สนใจ ไม่แจ้งให้คนที่ดูแลทราบ ถึงมันจะไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดเป็นความผิดแต่ครูก็ถือว่าเธอบกพร่องเพราะเธอขาดความรับผิดชอบต่อสังคม

เพราะถ้าคุณไม่สอนเรื่องนี้ให้กับลูกแล้วสักวันคุณกลับมาถึงบ้านฝนตกหนัก แต่ผ้าที่ตากไว้ไม่มีใครเก็บหรือก็อกรั่วน้ำทะลักแต่ลูกคุณนอนดูทีวีอยู่ข้างๆอย่างสบายใจก็อย่าได้ไปตำหนิลูกละ

เจนเชื่อว่า "มนุษย์ไม่ใช่แค่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำ แต่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ควรกระทำแต่ไม่ได้กระทำด้วย"




== สอนลูกตามสถานการณ์ไม่มีอะไรตายตัว ==

สำหรับเจนคู่มือเลี้ยงลูกที่ดีที่สุดคือความเอาใจใส่ของพ่อกับแม่(และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเด็ก)

การสอนเด็กนั้นไม่จำเป็นต้องตายตัว ไม่ต้องสอนเหมือนกันทุกครั้ง ไม่ต้องทำเหมือนเดิมทุกอย่าง เพราะถ้าทุกอย่างต้องตายตัวหมดคงมีการประดิษฐ์หุ่นยนต์มาสอนลูกแทนเราไปนานแล้ว

อย่างเจนเองกับเด็กๆที่ดูแล

ถ้าพวกเขามาสายเจนก็ตักเตือน อธิบายให้เห็นผลเสียของการมาสาย ก็คือการสอนเรื่องโทษของการมาสายโดยการว่ากล่าวตักเตือน

แต่ถ้ายังมาสายซ้ำๆอีก ก็อาจมีการทำโทษ เช่น กระโดดตบหรือคุกเข่า เพื่อเป็นการสอนพวกเขาว่า ถ้าไม่เคารพกฎ ไม่เชื่อฟังคำตักเตือน ก็ต้องถูกทำโทษ และถ้ามีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ก็จะต้องได้รับผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ด้วยเช่นกัน

แต่ถ้าเกิดวันไหนมีฝนหลงฤดูกระหน่ำเข้ามา เจนก็จะไม่ทำโทษหรืองดนับเรื่องมาสายในวันนั้น เพื่อเป็นการสอนให้เด็กรู้จักเห็นอกเห็นใจ สอนให้เป็นคนที่รู้จักยืดหยุ่น

จะเห็นได้ว่าเด็กกระทำผิดในเรื่องเดียวกันแต่เราสามารถสอนให้เด็กเข้าใจได้หลายเรื่องหลายอย่างขึ้นอยู่กับว่าเด็กขาดอะไรแล้วเราต้องการให้เขาเรียนรู้เรื่องอะไรในสถานการณ์นั้น

แต่ที่สำคัญคือไม่ว่าเราจะให้รางวัล,ทำโทษ หรือยกโทษให้กับเด็ก เราต้องแน่ใจว่าเด็กเข้าใจอย่างที่เราต้องการสื่อ เด็กต้องรู้ตัวว่าเขาได้รับสิ่งนั้นเพราะอะไร แล้วถ้าเขาอยากได้รับหรือไม่อยากได้รับสิ่งนั้นอีกเขาจะต้องประพฤติปฎิบัติตัวอย่างไร



เจน




Create Date : 03 กรกฎาคม 2554
Last Update : 3 กรกฎาคม 2554 14:00:42 น.
Counter : 1157 Pageviews.

1 comments
  
== สอนลูกตามสถานการณ์ไม่มีอะไรตายตัว ==

.
.

ผมก็เชื่อในแนวทางนี้ครับ
ตำราเลยอ่านผ่านๆ
ถึงเวลาลงสนามจริงก็เปลี่ยนกลยุทธ์การเลี้ยงลูกกันทุกวันครับ 555


และผมเชื่อว่าพ่อแม่คือต้นแบบที่ดีที่สุดของลูก
ลูกอยู่ใกล้เรา จดจำหลายสิ่งหลายอย่างจากเรา


"ตัวอย่างที่ดีดีกว่าคำสอนที่ดี"


ผมเชื่อแบบนั้นเลยครับ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:7:59:19 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

JanE & IK
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 44 คน [?]



Group Blog
กรกฏาคม 2554

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
3 กรกฏาคม 2554
All Blog