จริงแค่ไหนที่ว่าตามใจแล้วลูกจะนิสัยเสีย? จริงแค่ไหนที่ว่าตามใจแล้วลูกจะนิสัยเสีย? ก่อนที่เจนจะได้ทำงานดูแลเด็กๆ เจนก็มีความคิดโน้มเอียงเหมือนที่เคยอ่านเจอทั่วๆไปว่า เด็กส่วนใหญ่ที่ไม่น่ารัก คิดถึงแต่ตัวเอง ติดหรู เอาแต่ใจ ควบคุมไม่ได้นั้นเป็นเพราะถูกตามใจมากเกินไป อยากได้อะไรก็ได้ทุกอย่างจนทำให้นิสัยเสีย แต่เมื่อได้ทำงานกับเด็กจริงๆ กลับพบว่าเด็กหลายคนที่เป็นลูกสาวสุดที่รักของคุณพ่อคุณแม่ มีคนคอยเอาอกเอาใจ อยากได้อะไรก็ได้ แต่พวกเขาหลายคนก็เป็นเด็กที่น่ารัก อยู่ในโอวาทและไม่ได้มีนิสัยอย่างที่ยกตัวอย่างมา ในขณะที่เด็กอีกกลุ่มๆที่มีนิสัยอย่างที่ยกตัวอย่างมาในบรรทัดแรก นิสัยที่ไม่น่ารักเท่าไหร่ พวกเขาหลายคนก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจแต่ประการใด ถ้าให้สรุปสั้นๆก็ต้องบอกว่าเด็กทั้งสองกลุ่มนั้นก็มีทั้งนิสัยที่น่ารักและนิสัยที่ไม่น่ารักเช่นเดียวกัน การตามใจมาก ตามใจน้อย ซื้อของแพงๆหรือของถูกๆให้ลูกใช้ ทั้งหมดทั้งปวงชี้วัดไม่ได้ว่าเป็นสาเหตุให้เด็กนิสัยเสียหรือเปล่า บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ โชค ลิขิต หรือเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาแล้ว แต่เจนเชื่อว่าทุกอย่างมีที่มาที่ไปและเมื่อได้พยายามศึกษาเปรียบเทียบสิ่งต่างๆของเด็กสองกลุ่มนี้ก็ได้พบว่ามีบางอย่างที่น่าจะเป็นสาเหตุและบางสิ่งที่พอจะใช้เป็นตัวชี้วัดข้อแตกต่างได้ และถ้าอยากรู้ว่า "เราตามใจลูกมากเกินไปหรือเปล่า" "ให้แบบนี้จะเป็นการสปอยล์เด็กหรือไม่" สำหรับเรื่องนี้บางทีอาจมีบางอย่างที่พอใช้เป็นคำตอบได้ เจนบอกก่อนว่าสิ่งที่เจนเขียนๆขึ้นมาจากความรู้สึกและผลิตผลจากประสบการณ์ไม่ใช่รายงานทางวิชาการหรือการทำวิจัย คุณพ่อคุณแม่จะมีความเห็นเช่นไรนั้นขอได้โปรดใช้วิจารณญานตัดสินใจด้วยตัวเอง == ตามใจลูกมากไปไหมอย่าตัดสินจากสิ่งที่ให้แต่ให้ตัดสินเมื่อพูดคำว่าไม่ == ซื้อของแพงๆให้ลูก จะทำให้ลูกเสียคนไหม เจนบอกเลยว่าไม่ว่าคุณจะซื้ออะไรให้ ก็ใช้ชี้วัดไม่ได้ แต่สิ่งที่ชี้วัดได้คือเมื่อคุณพูดคำว่า "ไม่" , "อย่า" , "หยุด" ลูกมีปฎิกิริยาอย่างไร ถ้าจะบอกว่าลูกต้องไม่รู้สึกอะไรเลยคงเป็นไปได้ยาก ถ้าลูกจะหน้างอหรือซึมไปสักพัก เจนถือว่านั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่ถ้าโวยวาย ร้องไห้ กรี๊ดๆๆ ประท้วงไม่ไปเรียน ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง นั่นเป็นเครื่องชี้ชัดว่าคุณตามใจลูกมากไปแล้ว(โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสิ่งที่ลูกต้องการนั้นเป็นสิ่งที่ลูกรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นสิ่งที่เกินกำลัง เกินฐานะของครอบครัว) สำหรับเจนการให้อะไรกับลูกมากแค่ไหนก็ไม่ทำให้นิสัยเสีย ตราบใดที่คุณพูดคำว่า "ไม่" แล้วลูกยังเคารพในการตัดสินใจของคุณ ตัวเจนเองจะบอกน้องอิ๊กว่า ถ้าลูกอยากได้อะไร พ่อกับแม่จะพิจารณาว่าสิ่งที่ลูกอยากได้นั้นมันจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน ส่วนความอยากได้มากอยากได้น้อยของลูกเราก็จะเอามาพิจารณาเพื่อใช้ในการตัดสินใจด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าลูกอยากได้มากแล้วแปลว่าจะต้องได้ และบางทีแม้สิ่งที่ลูกอยากได้นั้นอาจจะดูไม่ค่อยคุ้มค่าแต่ถ้าลูกอยากได้จริงๆบางทีเจนก็ซื้อให้ แต่จะบอกลูกว่าที่ซื้อให้นี่เป็นกรณีพิเศษนะไม่ได้หมายความว่าถ้าลูกอยากได้อะไรแบบนี้อีกแล้วแม่จะต้องซื้อให้เหมือนครั้งนี้ตลอด == น้ำที่ไหลไม่เคยเน่า == สาเหตุที่ทำให้เด็กไม่เป็นที่รัก เอาแต่ใจ ไม่เคยคิดถึงใครนอกจากตัวเอง จนทำให้พ่อแม่ลำบากใจ และมีปัญหาในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม สาเหตุหลักไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาได้รับสิ่งต่างๆมากเกินไปแต่เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จักคำว่า "ให้" ไม่รู้จักคำว่า "เสียสละ" ไม่เคยถูกสอนให้คิดถึงความรู้สึกของใครแม้แต่บุคคลในครอบครัวของตัวเอง ตัวเจนเองจะบอกลูกเสมอว่าไม่ว่าพ่อกับแม่จะทำอะไรพ่อกับแม่จะคิดถึงความรู้สึกของหนูก่อนเสมอ เพราะฉะนั้นไม่ว่าหนูจะทำอะไรหนูก็ต้องคิดถึงความรู้สึกของพ่อแม่ด้วย และ "แม้ชีวิตหนูจะเป็นของหนูแต่อย่าลืมว่าพ่อแม่ก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของหนูด้วยเช่นกัน" สำหรับเจนลูกอยากกินสเต็ค อยากกินเค้ก เจนให้แล้วก็ไม่เคยคิดว่าให้ลูกกินของแพงๆแล้วลูกจะติดหรูหรือฟุ้งเฟ้อ สิ่งที่เจนสนใจคือเมื่อเจนบอกลูกว่าวันนี้แม่อยากกินก๋วยเตี๋ยวร้านข้างถนน ลูกมีปฎิกิริยายังไง "แม่อยากกินเหรอ ได้เลยคะ" หรือ "ไม่เอาหรอก หนูไม่ชอบ แค่คิดว่าต้องไปเหยียบร้านแบบนั้นหนูก็ทนแทบไม่ได้แล้ว" ปิดเทอมไปเที่ยวทะเล น้องอิ๊กก็เหมือนเด็กทั่วๆไปอยากพักโรงแรมดีๆ ดาวเยอะๆ สระว่ายน้ำใหญ่ๆ เจนก็ให้ลูกเท่าที่จะให้ได้ แล้วก็ไม่เคยคิดว่านี่คือการสปอยล์ สิ่งที่เจนสนใจคือเมื่อเตียงไม่พอต้องเสียสละให้คุณตาคุณยาย ลูกมีปฎิกิริยายังไง "ให้คุณตาคุณยายนอนเตียง หนูนอนพื้นได้ไม่มีปัญหา" หรือ "หนูจะนอนเตียง ถ้าไม่งั้นหนูจะกลับบ้าน" ฝนตกลงในทะเลสาบจำนวนมากแต่น้ำในทะเลสาบไม่เน่าเพราะแม้จะรับน้ำมามากแต่น้ำก็ "ไหล" ไปสู่ที่อื่นด้วยเช่นกัน แต่น้ำในขันเล็กๆที่ฝนตกมาเพียงเล็กน้อยก็เน่าได้ถ้ามีแต่การ "รับ" เข้ามาแต่ไม่มีการถ่ายเทไปที่ไหนทั้งสิ้น == เอาใจลูกแต่อย่าตามใจ == พ่อแม่หลายคนสับสนระหว่างคำสองคำนี้ สำหรับเจน "เอาใจ" เป็นสิ่งที่ดีเป็นสิ่งที่สมาชิกในครอบครัวควรทำให้กันและกัน เช่น ให้สิ่งของกับลูกในสิ่งที่สมเหตุสมผล ทำสิ่งต่างๆให้ลูกในสิ่งที่ลูกทำเองได้ลำบากหรือทำในสิ่งที่เขาทำเองได้เป็นครั้งคราวเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นที่รักและได้รับความเอาใจใส่ เช่น พาลูกไปกินไอศครีมในวันหยุด ซื้อของเล่นที่ลูกอยากได้ตามสมควร ตัดเล็บ เป่าผม ให้ลูกเป็นครั้งคราว ส่วนตามใจคือให้ทุกสิ่งอย่างโดยไม่คำนึงถึงเหตุและผล ทำทุกอย่างให้ลูกทุกครั้งทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ลูกทำเองได้ เช่น เปลี่ยนมือถือให้ลูกทุกสองเดือน ลูกเห็นโฆษณาไอศครีมตอนห้าทุ่มแล้วอยากกินก็ขับรถออกไปซื้อให้ลูก ใส่ถุงเท้า รองเท้าให้ลูกทุกครั้งทั้งๆที่ลูกโตพอที่จะทำเองได้ และถ้าการให้ลูกทุกอย่างแบบไม่ลืมหูลืมตาเป็นสิ่งที่ผิดการไม่ให้ลูกในสิ่งที่สมควรต้องให้สำหรับเจนก็เป็นเรื่องที่ผิดไม่แพ้กัน คนหลายคนที่มีความคิดและการกระทำที่เป็นภัยต่อมนุษยชาติ เมื่อศึกษาลึกลงไปแล้วเป็นเพราะความรู้สึก "ขาด" ในวัยเด็ก คนที่ขาดมากนั้น เวลาได้เขาจะไม่มีวันรู้จักพอแล้วไม่ว่าจะมีมากแค่ไหนเขาก็จะไม่คิดแบ่งปันให้ใคร บ้าเงิน บ้าอำนาจ โหยหาความรักไม่มีที่สิ้นสุด อาการเหล่านี้มีสาเหตุส่วนใหญ่มาจาก "ขาด" ไม่ใช่ได้รับมากจนเกินไป == หลากหลายได้ประโยชน์มากที่สุด == จากประสบการณ์ เจนสังเกตเด็กหลายคน เด็กที่ได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดจากพ่อแม่เสมอ เด็กที่คนภายนอกมองว่าพวกเขาโชคดีและน่าจะมีความสุขสุดๆ น่าเสียดายที่พวกเขาได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดจนเคยชินและมองไม่เห็นค่า และเมื่อพวกเขาได้รับสิ่งที่ดีที่สุดอีกสักอย่างพวกเขากลับไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาได้สิ่งที่ดีแต่ไม่ดีที่สุดในความคิดพวกเขา ความทุกข์ ความผิดหวังจะก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วรุนแรงและง่ายดาย สำหรับเจนๆจะไม่ทำแบบนั้น เจนจะไม่เลี้ยงให้ลูกติดหรูแต่ก็ไม่ต้องติดดินไม่ต้องประหยัดไปเสียทุกอย่าง เจนเชื่อว่าเด็กที่ปรับตัวได้หลากหลาย พร้อมรับสิ่งใหม่ๆและรู้จักหาความสุขได้ในทุกสถานการณ์นั้นดีที่สุด เจนไม่เคยปล่อยให้ลูกลำบากโดยไม่จำเป็น แต่ก็จะไม่รีบเดือดร้อนแทนลูกไปล่วงหน้า เจนเคยเห็นพ่อแม่หลายคนเดือดร้อนล่วงหน้าไปก่อนลูก แล้วเมื่อลูกเจอสิ่งที่พ่อแม่มองว่าลำบากเด็กกลับไม่รู้สึกอะไรแถมกลับรู้สึกสนุกเสียด้วยซ้ำ ตัวเจนเองเจนพาลูกไปเที่ยวทั้งแบบที่ให้นอนเต๊นท์ ห้องน้ำรวม และก็พาไปนอนโรงแรมดีๆ แบบที่ลูกอยากไป ก่อนพาไปแบบที่ต้องนอนเต็นท์ ก็ถามลูกว่าไหวไหม ลูกบอกว่า "พักที่ไหนก็ได้ขอแค่ได้นอนกับแม่" ก่อนไปยอมรับว่าหวั่นอยู่เหมือนกันว่าลูกจะไม่ชอบ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ลูกกลับบอกว่า "สนุกดีออกแม่ พึ่งเคยนอนเต็นท์เป็นครั้งแรก ฝนตกลมแรงรู้สึกเหมือนเต๊นท์จะปลิว ตื่นเต้นๆเกิดมาไม่เคยเจอ" อีกครั้งตอนไปเที่ยวมาเลเซียทัวร์ท้องถิ่นเอาข้าวกล่องมาเสริฟให้เป็นอาหารประจำชาติ รู้สึกจะชื่อ นาสิเลอมัก เป็นข้าวหุงด้วยกะทิ กินกับแตงกวา ปลาแห้ง ถั่วคั่ว ไข่ต้ม ใส่บนใบตอง ทันทีที่แฟนเจนเห็น แฟนบอกว่า "ลูกกินไม่ได้หรอก เดี๋ยวแวะซื้อแม็ค(โดนัลด์)กับเฟรนช์ฟรายส์ให้ลูกแล้วกัน" เจนหันไปหาลูกๆก็พยักหน้าบอกว่าจะกินแม็คๆ เจนไม่บังคับแต่บอกลูกว่า "ดูสิข้าวก็หุงด้วยกะทิหอมเชียว ปลาก็ไม่เหมือนที่เคยกินเพราะมาจากคนละทะเล ไข่ก็ลูกใหญ่ แถมวางมาบนใบตองอีกแปลกดีจัง หนูจะไม่กินก็ได้นะแต่ไม่เสียดายเหรอแม็คนะกินเมื่อไหร่ก็ได้แต่อันนี้นะมีแค่ที่นี่ที่เดียว" สุดท้ายลูกก็กินจนหมดด้วยความ "เต็มใจ" น่าเสียดายที่ความสนุกสนานประสบการณ์ตื่นเต้นผจญภัยในวัยเด็กของเด็กหลายคนนั้นหายไปโดยพ่อแม่ที่หวังดีมากเกินไปและตัดสินใจแทนลูกทุกสิ่งอย่างโดยใช้มาตรฐานของ "ผู้ใหญ่" เจน |
JanE & IK
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 44 คน [?]
All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ซื้อเยอะจนมาดามบ่นเลย แหะๆๆ
แต่ผมก็เชื่อว่าถ้าเล่นไปด้วย
แล้วเราก็สอนเขาไปด้วย
ก็ไม่น่าจะเสียเด็ก
เวลาเขาไม่ได้ของเล่น
ก็ไม่เคยลงไปนอนชักดิ้่นชักงอที่พื้น
หรือร้องไห้อารมณ์เสียครับ