คำแนะนำเล็กๆน้อยๆเมื่อลูกก้าวเข้าสู่ช่วง "วัยรุ่น"
คำแนะนำเล็กๆน้อยๆเมื่อลูกก้าวเข้าสู่ช่วง "วัยรุ่น"


ช่วงเวลาสำคัญช่วงนึงในชีวิตของลูกคือช่วงวัยรุ่น ช่วงนี้เด็กจะมีความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจหลายอย่าง(รายละเอียดเจนไม่ขอพูดเพราะคิดว่าคุณสามารถหาอ่านได้มากมายทั้งในอินเตอร์เน็ตและหนังสือ)

เด็กหลายคนมีปัญหาและผ่านช่วงนี้ไปอย่างยากลำบาก แต่เด็กอีกหลายคนไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญนอกจากตัวเด็กเองแล้ว ความเข้าใจจากคนรอบข้างโดยเฉพาะพ่อแม่มีผลต่อเด็กมากที่สุด

สำหรับเรื่องนี้เจนมีคำแนะนำเล็กๆน้อยจากประสบการณ์ที่ได้ดูแลเด็กๆมา(เจนเขียนโดยอ้างอิงจากเด็กผู้หญิงเป็นหลักเพราะเจนมีแต่ลูกสาวและเด็กที่ดูแลก็เช่นกัน)




== อย่าเปลี่ยนแปลงการแสดงความรักกับลูกจนกว่าลูกจะเป็นฝ่ายต้องการเปลี่ยน ==

พ่อหลายคนเคยกอด เคยหอมแก้มลูกสาว พอลูกเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายก็เลิกทำ แม่บางคนก็บอกลูกว่าหนูโตเป็นสาวแล้วจะสนิทกับพ่อเหมือนเดิมไม่ได้นะ

การทำให้เด็กผู้หญิงรู้สึกว่า "แม้แต่พ่อก็ไว้ใจไม่ได้" ไม่มีผลดีอะไรทั้งนั้น มีแต่จะปลูกฝังลงไปในจิตใต้สำนึกของเด็กให้เป็นคนที่ไว้ใจใครไม่เป็น และเมื่อโตขึ้นก็มักจะเป็นคนที่ไม่เชื่อใจใคร ขี้ระแวงและหึงหวงรุนแรง

พ่อแม่ควรปฎิบัติและแสดงความรักกับลูกเหมือนเดิมทุกอย่างจนกว่าเด็กจะส่งสัญญาณว่าต้องการเปลี่ยนแปลงเอง เช่น หวงตัวมากขึ้น ไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าแม่ หรือ ไม่ชอบให้พ่อกอดเหมือนเมื่อก่อน
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นคุณก็ยังควรแสดงความรักกับลูกอยู่ดีเพียงแต่ให้เปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นแทน เช่น ลูบหัวหรือโอบไหล่


และถ้าคุณกลัวถึงขนาดคิดว่าถ้าปล่อยให้ลูกสาวสนิทกับพ่อมากอาจจะทำให้เกิดเรื่องแบบ incest (การมีอะไรกันกับบุคคลร่วมสายเลือด) เจนขอบอกคุณว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวที่พ่อห่างเหินกับลูกสาว
ห่างเหินจนความรู้สึกเป็นพ่อลูกลดน้อยลงจนสัญชาตญานดิบกระโดดข้ามสามัญสำนึกไป ไม่ใช่เพราะพ่อกับลูกสาวสนิทกันมากจนเกินไป




== รู้จักและเฝ้าดูลูกผ่านโลกอินเตอร์เน็ต ==

facebook, hi 5 , diary online สมัยนี้จะหาเด็กวัยรุ่นคนไหนที่ไม่มีเลยนี่คงยาก

การห้ามไม่ให้เด็กเป็นสมาชิกสิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อะไร สิ่งที่คุณควรทำคือพยายามคุยกับลูกให้ลูกไว้ใจและยอมบอก "พื้นที่ส่วนตัว" เหล่านี้กับคุณ (แต่ก็ต้องยอมรับว่าจะยากง่ายแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าลูกเชื่อใจและสนิทใจกับคุณเพียงใด)

และเมื่อลูกยอมบอก คุณควรหมั่นเข้าไปอ่านบ่อยๆ (แค่อ่านไม่จำเป็นต้อง comment และห้ามไปก้าวก่ายเพื่อนๆของลูกเด็ดขาด)

ลูก สุข ทุกข์ เหงา เศร้า มีปัญหา บางครั้งคุณรับรู้ได้ง่ายกว่าถามตรงๆ มาก ลูกนัดเจอหรือให้ข้อมูลส่วนตัวกับใครคุณจะได้คอยดูแลและให้คำแนะนำในทางที่เหมาะสม

สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างคือ อย่าตัดสินลูกจากสิ่งที่ลูกเขียนลงในนั้น เช่น "วันนี้เหงาจัง อยากได้ใครสักคนมาเคียงข้าง" ถ้าลูกโพสต์แบบนี้คุณควรให้เวลากับลูกมากขึ้น ไม่ใช่ไปว่าลูกว่าต้องการผู้ชายมากนักหรือไง

และถ้าลูกสาวคุณไปโพสต์ที่กระดานข้อความของเพื่อนผู้ชายว่า "ฝันดีนะ กู้ดไนท์ จู๊ฟฟ จู๊ฟฟ" ก็อย่าพึ่งเป็นลมหรือบังคับให้ลูกเลิกเล่น จากประสบการณ์เจนบอกคุณเลยว่า เด็กส่วนใหญ่จะ กล้าทำกล้าพิมพ์หลายอย่าง ที่ในชีวิตจริงพวกเขาไม่กล้าและไม่คิดที่จะทำ
แต่ถ้าคุณไม่ชอบที่ลูกโพสต์แบบนี้ คุณควรพูดกับลูกแบบอ้อมๆว่า "ไม่หวานไปหน่อยเหรอสาวน้อยของแม่" หรือ "โพสต์แบบนั้น เดี๋ยวคนอื่นที่เขาแอบชอบหนูอยู่เห็นเข้าแล้วเขาจะเข้าใจผิดนะ"




== สอนให้ลูกรู้คุณค่าสำคัญกว่ารู้มูลค่า ==

Iphone , bb , ของแบรนด์เนม , ค่าขนมเยอะๆ สิ่งเหล่านี้ตกเป็นจำเลยมาตลอดว่าทำให้เด็กเสียคน ใจแตก ฟุ้งเฟ้อ

เจนเข้าใจว่าฐานะเศรษฐกิจของแต่ละครอบครัวแตกต่างกัน ไม่มีใครตัดสินได้ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนแพงเกินไปสำหรับลูกของเรา

แต่สิ่งที่เจนอยากบอกคุณคือการที่คุณจะซื้อของแพงๆหรือให้อะไรกับลูกมากแค่ไหนราคาของสิ่งนั้นไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าจะทำให้ลูกเสียคนหรือเปล่า สิ่งที่สำคัญจริงๆคือต้องทำให้ลูกรู้ถึงคุณค่าของสิ่งนั้นและที่สำคัญอย่าทำให้ลูกคิดว่าจะมีได้แบบไม่จำกัด

การที่คุณให้เงินลูกไปโรงเรียนวันละหลายร้อยก็ยังดีกว่าการที่คุณบอกลูกว่าอยากได้เท่าไหร่หยิบเอาจากลิ้นชักไปได้เลยนะ

การที่คุณซื้อมือถือเครื่องละสองหมื่นให้ลูกก็ยังดีกว่าการที่คุณซื้อมือถือเครื่องละไม่กี่พันแต่ยอมเปลี่ยนมือถือให้ลูกทุกเดือนเมื่อรุ่นใหม่ออก

เพราะต่อให้คุณให้เยอะแต่ถ้าลูกใช้เยอะใช้แบบไม่คิด เมื่อเงินหมดเขาจะเริ่มรู้ตัวและได้บทเรียนว่าต่อให้ได้เยอะแค่ไหนแต่ถ้าใช้แบบไม่คิดยังไงก็หมด แต่ในขณะเดียวกันถ้าคุณให้แบบไม่จำกัดแล้วเด็กจะมีโอกาสได้คิดตอนไหนกันละ

อีกอย่างคือถ้าคุณจะให้ของแพงๆกับลูกคุณต้องแน่ใจว่าลูกอยากได้จริงๆไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ และต้องสอนให้ลูกรู้คุณค่าของสิ่งนั้น เช่น อาจจะให้เด็กออกเงินบางส่วน , รอถึงวันสำคัญแล้วค่อยซื้อให้ , บอกลูกว่าเขาต้องใช้ของสิ่งนี้อย่างน้อยกี่ปี เป็นต้น





== สอนลูกให้เข้าใจว่าที่ห้ามที่หวงเพราะรัก ==

ถ้าคุณคิดว่าโลกนี้มีแต่ปัญหาลูกติดพ่อแม่หวงพ่อแม่แล้วละก็ เจนบอกเลยว่าปัญหาพ่อแม่ติดลูกหวงลูกก็มีไม่น้อยเหมือนกัน

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมผู้ปกครองหลายคนรับไม่ได้เมื่อลูกมีแฟน หรือไม่พอใจเมื่อลูกให้ความสำคัญกับเพื่อนมากกว่าแต่ก่อน

เพราะอะไร?? ถ้าคุณคิดว่าเพราะผู้ปกครองกลัวว่าเด็กจะแอบไปทำอะไรกันหรือกลัวเด็กจะเสียการเรียน คุณคิดถูกแล้ว แต่ถูกแค่เสี้ยวเดียว

ส่วนนั้นเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งแต่ฐานของมันที่ใหญ่กว่ามากและไม่มีผู้ปกครองคนไหนต้องการให้คนอื่นเห็นคือ พ่อแม่ไม่น้อยกลัวที่จะมีใครมาแย่งเวลา แย่งความรักของลูกไปจากเขา
(จะเป็นมากยิ่งขึ้นในกรณี พ่อกับลูกสาว,แม่กับลูกชาย โดยเฉพาะรายที่มีลูกคนเดียวและยิ่งถ้าเป็น single parent ยิ่งแล้วใหญ่)

เจนประยุกต์ใช้เรื่องนี้ในการอธิบายให้เด็กเข้าใจว่า ทำไมพ่อถึงไม่อยากให้เธอมีแฟน

เพราะถ้าเจนบอกเด็กว่าพ่อทำถูกแล้วที่ห้ามไม่ให้เธอมีแฟนเพราะเธอยังเด็กยังอยู่ในวัยเรียน

เด็กจะรู้สึกต่อต้านในทันทีและเถียงในใจว่าหนูโตแล้ว หนูดูแลตัวเองได้ แล้วถ้าหนูบริหารเวลาได้ให้ไม่กระทบกับการเรียนยังจะห้ามหนูอยู่อีกไหม


แต่เมื่อเจนอธิบายตามแนวคิดข้างบนว่า "คุณพ่อท่านเลี้ยงหนูมาตั้งแต่เล็ก ท่านรักหนู ท่านผูกพันธ์กับหนูมากแค่ไหนหนูรู้ดีใช่ไหมละลูก"

"แล้ววันดีคืนดีมีใครก็ไม่รู้ที่ท่านไม่รู้จักก้าวเข้ามาๆแย่งความรักของหนูไปจากท่าน หนูจะบอกว่าท่านไม่มีสิทธิไม่พอใจหรือพ่อไม่ใช่เจ้าของชีวิตหนู ไม่ใจร้ายกับท่านไปหน่อยหรือ"

"แต่ถ้าหนูพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าหนูรับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้มากระทบกับการเรียน และไม่ทำให้ท่านรู้สึกว่าท่านสำคัญน้อยลง คุณพ่อท่านก็จะค่อยๆยอมรับได้เองเรื่อยๆ แต่หนูก็ต้องเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา"

"แต่ถ้าหนูเอาแต่เถียง เอาแต่ต่อต้าน หรือคิดแต่จะทำเรื่องร้ายๆประชดท่าน ท่านก็ยิ่งจะรู้สึกว่าสิ่งที่ท่านกลัวนั้นเป็นความจริง แล้วถ้าเป็นแบบนั้นทุกอย่างก็จะมีแต่แย่ลงๆ และสุดท้ายมันจะไม่เป็นผลดีกับใครเลยจริงไหม"


ซึ่งที่ผ่านมาเด็กรับฟังและเข้าใจมากพอสมควร จริงอยู่ที่พวกเขายังไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจที่อยากจะมีแฟน แต่พวกเขาจะเข้าใจเหตุผลที่ถูกห้าม ลดการต่อต้านลง และไม่ทำเรื่องเลวร้ายอะไรเป็นการประชด

โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ส่วนใหญ่พวกเขาจะมีจุดอ่อนข้อนึงที่คล้ายๆกันคือ พวกเขาพร้อมที่จะ ยอม , เชื่อฟัง , เข้าใจ , ให้อภัย ง่ายกว่ามากถ้าเขารู้สึกว่าคนที่ทำอะไรหรือห้ามอะไรพวกเขานั้น ทำเพราะ "รัก"

(เรื่องนี้ควรให้บุคคลที่สามเป็นคนอธิบาย เพราะการที่จะให้พ่อบอกลูกสาวว่า พ่อไม่อยากให้หนูมีแฟนเพราะพ่อกลัวว่าหนูจะไปรักคนอื่นมากกว่าพ่อนั้น ด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นพ่อและความเป็นผู้ชายเจนรู้ว่าคงไม่มีใครยอมพูดเป็นแน่)


เจน




Create Date : 03 กรกฎาคม 2554
Last Update : 3 กรกฎาคม 2554 13:59:15 น.
Counter : 5373 Pageviews.

2 comments
  
ขอบคุณครับเป็นคำแนะนำที่ดีมากเลยครับ
โดย: สังเวียน คำรุณ IP: 118.172.222.27 วันที่: 12 ธันวาคม 2554 เวลา:20:24:48 น.
  
== สอนให้ลูกรู้คุณค่าสำคัญกว่ารู้มูลค่า ==

.
.


ผมเพิ่งใช้ประเด็นนี้พูดให้กับเด็กในงานปัจฉิมนิเทศครับ
ตอนนี้ลูกผมยังเด็ก
เลยอาจยังไม่รู้สึกมากกับควาเมปลี่ยนแปลงครับ

เลี้ยงลูกวัยรุ่นก็สนุกไปอีกแบบนะครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:7:55:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

JanE & IK
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 44 คน [?]



Group Blog
กรกฏาคม 2554

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
3 กรกฏาคม 2554
All Blog