|
มาตรการ"พาณิชย์"ได้ผลเงินเฟ้อชะลอตัว
กระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) ประจำเดือน ส.ค.2551 เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ตัวเลขที่ปรากฏออกมาทำให้หลายต่อหลายฝ่ายผิดคาด เพราะก่อนหน้านี้ หลายสำนักหลายองค์กร ได้เคยประเมินไว้ว่า เงินเฟ้อของไทยในปีนี้ทั้งปีจะขยับตัวเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่เห็นตัวเลขในเดือนก่อนหน้านี้ ที่ขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเดือน ส.ค.2551 เงินเฟ้อของไทยปรับเพิ่มขึ้นเพียง 6.4% เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง จากที่เงินเฟ้อมีการปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 4.3% ก.พ.เพิ่มขึ้น 5.4% มี.ค.เพิ่มขึ้น 5.3% เม.ย.เพิ่มขึ้น 6.2% พ.ค.เพิ่มขึ้น 7.6% มิ.ย.เพิ่มขึ้น 8.9% และ ก.ค.เพิ่มขึ้น 9.2% สาเหตุที่เงินเฟ้อในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงนั้น เนื่องจากดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 1.7% จากการเพิ่มขึ้นของดัชนีหมวดผักและผลไม้สูงขึ้น 5.6% ได้แก่ ผักคะน้า ผักกาดขาว ผักชี กระหล่ำปลี มะนาว พริกสด ส้มเขียวหวาน มะม่วง และทุเรียน ขณะที่อาหารสำเร็จรูปสูงขึ้น 1.2% ทั้งอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้านปลาและสัตว์น้ำสูงขึ้น 1.1% สำหรับอาหารประเภทข้าวมีแนวโน้มราคาลดลง ส่วนดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงในอัตราค่อนข้างสูง 6.2% เนื่องจากน้ำมันในตลาดโลกลดลง และมาตรการปรับลดภาษีสรรสามิตแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล ส่งผลให้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศลดลง 15% โดยน้ำมันเบนซินลดลง 3 ครั้ง น้ำมันดีเซล 7 ครั้ง ขณะที่ผลจาก 6 มาตรการ 6 เดือน ทำให้ค่าน้ำประปาลดลง 59.2% ค่ากระแสไฟฟ้าลดลง 37.8% ค่าโดยสารรถประจำทางลดลง 5.3% และค่าโดยสารรถไฟลดลง 23.7% "เงินเฟ้อในเดือนส.ค.เมื่อเทียบกับเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากถึง 3% นั้น เป็นผลมาจากมาตรการดูแลสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ตรึงราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพในบางรายการเอาไว้ และขอความร่วมมือให้ปรับลดราคาลงในบางรายการโดยเฉพาะรายการสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ" นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าว นอกจากนี้ ยังได้รับอานิสงค์จาก 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาลที่มีการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ต้นทุนในการผลิตสินค้าของผู้ประกอบการลดลง และสามารถชะลอการปรับขึ้นราคาสินค้าได้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในด้านค่าน้ำประปา ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าโดยสารรถประจำทาง และค่าโดยสารรถไฟ ก็ปรับลดลง ทำให้ค่าครองชีพลดลง สำหรับเงินเฟ้อเดือนส.ค.ที่สูงขึ้น 6.4% ปัจจัยสำคัญยังคงเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น 29% เมื่อเทียบกับราคาของปีก่อนที่ยังไม่ปรับสูง ทำให้ดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 1.4% และดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 14.3% จากการสูงขึ้นของหมวดข้าวแป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง 30.2% ผักและผลไม้ 19% เนื้อสัตว์ 17.8% และเครื่องประกอบอาหาร 16.2% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักสินค้ากลุ่มอาหารสดและพลังงานออกเมื่อเทียบกับเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ลดลง 0.9% เทียบกับเดือนส.ค.2550 สูงขึ้น 2.7% เฉลี่ย 8 เดือนแรก สูงขึ้น 2.4% โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของค่าโดยสารสาธารณะและค่าน้ำประปา ส่วนเป้าหมายเงินเฟ้อทั้งปี กระทรวงพาณิชย์ยังคงยืนยันเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 5-5.5% อยู่เช่นเดิม แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อ 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) จะเพิ่มขึ้น 6.7% แต่กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่า ในช่วง 4 เดือนที่เหลือ อัตราเงินเฟ้อแต่ละเดือนไม่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนักหลังจากที่แรกกดดันอย่างราคาน้ำมันในตลาดโลกมีราคาลดลง ทั้งนี้ เป้าเงินเฟ้อ 5-5.5% นั้น ใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยน 32-33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเฉลี่ย 105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ปัจจุบันนี้ อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ราคาน้ำมันเฉลี่ย 113 เหรียญสหรัฐกต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การติดตามภาวะเงินเฟ้อของประเทศมีความทันสมัยและสะท้อนการบริโภค วิถีชีวิตของประชาชนมากขึ้น ในปี 2552 นี้ กระทรวงพาณิชย์ จะดำเนินการปรับปรุงรายการสินค้าที่นำมาคำนวณเงินเฟ้อใหม่ เช่น มะพร้าวขูด ปรับเป็นการสำรวจราคากะทำสำเร็จรูป เทปเพลง เป็นซีดีเพลง ฟิลม์ถ่ายรูป เป็นเมมโมรี่การ์ด ค่าตัดผม เป็นค่ายืดผม และเพิ่มรายการสินค้า เช่น ค่าบริการมือถือ (ค่าโหลดเพลง และค่าส่ง SMS) ค่าโดยสารสาธารณะ (ค่ารถไฟฟ้า BTS และค่ารถไฟใต้ดิน) ถุงยางอนามัย หมวกกันน๊อค นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มพื้นที่สำรวจเงินเฟ้อ เช่น ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพิ่มบางบอนและบางบัวทอง ภูมิภาค เพิ่มนครพนม น่าน ประจวบคีรีขันธ์ และระนอง ขณะเดียวกัน จะเพิ่มสัดส่วนการจัดเก็บตัวอย่างสินค้าในร้านค้าปลีกสมัยใหม่มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันนี้ ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าปลีกสมัยใหม่เพิ่มขึ้น ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ MOC Service Link ณ ศูนย์บริการร่วมกระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการส่งออก ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2512-123 ต่อ 800, 831, 835 โทรสาร 0-2512-3055ม 0-2513-6541 หรือที่ //www.//www.mocservicelink.go.th--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
Create Date : 17 กันยายน 2551 |
Last Update : 17 กันยายน 2551 11:40:11 น. |
|
0 comments
|
Counter : 193 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|