|
7บจ.แจ๋วติดอันดับฟอร์บส์
โพสต์ทูเดย์ 7 บริษัทจดทะเบียนไทยผลประกอบการยังแจ๋ว ติดอันดับนิตยสารฟอร์บส์ LPN เป็นปลื้มรางวัลตอกย้ำธุรกิจเดินถูกทาง โตทุกปี 20% นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ และผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า นิตยสารฟอร์บส์เอเชีย หรือ Forbes Asia ฉบับเดือน ก.ย. 2551 ได้สำรวจบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก จำนวน 24,155 บริษัท เพื่อ มอบรางวัล 200 Best Under A Billion ให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้ต่ำกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีผลการดำเนินงานโดดเด่น เป็นที่น่าภาคภูมิใจที่ ทั้งบริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ และตลาด เอ็มเอไอ ได้รับการคัดเลือกจากนิตยสาร Forbes Asia ถึง 7 บริษัท ให้ได้รับรางวัล 200 Best Under A Billion แบ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท บีอีซี เวิลด์ (BEC) บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) บริษัท ไทยคาร์บอนแบล็ค (TCB) และ บริษัท ไทยเรยอน (TR) สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาด เอ็มเอไอ 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท บิซิเนส ออนไลน์ (BOL) บริษัท ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) และ บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC) ซึ่งได้รับรางวัลเป็นปีที่ 2 แล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทในเอ็มเอไอที่ได้รับรางวัลนั้นจะเห็นว่า ที่มีความโดดเด่น เช่น BOL เป็นบริษัทที่มีกำไรจากการดำเนินงานต่อเนื่องทุกไตรมาสตั้งแต่เข้าจดทะเบียน โดยมีกำไรต่อเนื่องสูงถึง 17 ไตรมาส ส่วน CIG ในปี 2550 มีกำไร สุทธิ 107 ล้านบาท เติบโต 607% จาก 15 ล้านบาท ในปี 2549 ด้านนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) กล่าวว่า ถือเป็นข่าวดี ที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทที่มีการเติบโตของผลการดำเนินต่อเนื่องของนิตยสารฟอร์บส์ นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่วิกฤตปี 2540 ที่บริษัทสามารถกลับมาฟื้นตัวได้นั้นก็เป็นบทเรียนสำคัญ ในการทำธุรกิจและทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้ทุกๆ ปี ปีละ 20% อย่างต่อเนื่อง และมีความมั่นใจว่าจะสามารถผ่านวิกฤตสถาบันการเงินที่กำลังเกิดขึ้นไปได้ เราติดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ก็เท่ากับเป็นการยืนยันต่อผู้ถือหุ้นทั้งในและต่างประเทศว่าแนวทางและผลการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาของบริษัทถือว่าประสบความสำเร็จและขณะเดียวกันก็ทำให้ทีมบริหารของบริษัทมีความมั่นใจว่าแนวทางในการทำธุรกิจที่ยึดถือและปฏิบัติกันมาเป็นสิ่งที่ประสบผลสำเร็จ กรรมการผู้จัดการ กล่าว สำหรับการทำธุรกิจท่ามกลางวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นนั้นก็ต้องระมัดระวังและในส่วนของบริษัทก็จะต้องมีเงินสดสำรองในมือเพียงพอด้วย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพราะในภาวะอย่างนี้เงินสดคือราชาจริงๆ กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า การทำธุรกิจในปีนี้หลังจากประกาศผลประการไตรมาส 2 แล้วบริษัทได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของรายได้จากการขายลงจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 20% จากปี 2550 เหลือเพียง 10% แต่กำไยังคงเติบโตอยู่ในระดับเดียวกันกับปีก่อนเพราะได้มาตรการภาษีของภาครัฐมาอุดหนุน สำหรับราคาหุ้นที่ลดลงต่อเนื่องจนล่าสุดลงมาซื้อขายที่ 3.78 บาท ลดลง 0.24 บาท หรือ 5.97% ถือเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นโดยรวม และแม้ราคาหุ้นปรับตัวลงมามากก็ตาม บริษัทก็ไม่มีโครงการซื้อหุ้นของบริษัทคืนจากตลาดหลักทรัพย์ เพราะยังมีความจำเป็นใช้เงินสำหรับการลงทุนโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้ในปี 2553--จบ--
Create Date : 30 กันยายน 2551 |
Last Update : 30 กันยายน 2551 11:35:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 309 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|