สินค้าจีนอนาคตแข็งแกร่ง ทั่วโลกผวา"สึนามิการเงิน"
สำนักข่าวเอเอฟพี-"วอลมาร์ท" เชื่อจีนจะเป็นหลังผลิตสินค้าชั้นดีราคาถูกและมีคุณภาพในอนาคต พร้อมยืนยันเศรษฐกิจชะลอตัวไม่กระทบธุรกิจค้าปลีก สวนทางนักลงทุนทั่วโลกที่หวาดผวาความเสี่ยงจากตลาดการเงินหลังตัวเลขผู้ว่างงานสหรัฐฯ เพิ่มไม่หยุดฉุดทุกตลาดรูด พร้อมจี้รัฐบาลลุงแซมให้อำนาจกระทรวงการคลัง ซื้อหนี้สินและสินทรัพย์เพื่อรับมือปัญหา "สึนามิการเงิน" Mr.Vicente Trius ประธานและซีอีโอสำนักงานวอลมาร์ท เอเชีย กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าจีนยังเป็นแหล่งจัดหาสินค้าที่ดีในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หรือเงินเฟ้อ หรือภาวะราคาพุ่งสูง รวมทั้งยังเชื่ออีกว่าสินค้าจีนจะพัฒนาขึ้นในเชิงคุณภาพ "ผมเชื่อว่าคุณภาพสินค้าของจีนจะดีขึ้น และจะเป็นจุดได้เปรียบในการแข่งขัน ขณะที่ประเทศอื่นๆพยายามสร้างความได้เปรียบด้านราคา" ทั้งนี้ การจัดหาสินค้าราคาถูกจากโรงงานจีน เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจแก่วอลมาร์ทยักษ์ใหญ่ค้าปลีกแห่งสหรัฐอเมริกา แต่ขณะนี้บรรดาโรงงานจีนกำลังย่ำแย่ เนื่องจากค่าแรงและราคาวัตถุดิบที่ทะยานสูง ส่งผลให้โรงงานหลายร้อยแห่งถึงกับปิดกิจการไป หรือไม่ก็โยกย้ายฐานผลิตจากบริเวณชายฝั่งภาคใต้สู่ตอนในของประเทศ ส่วนภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนั้น ซีอีโอ วอลมาร์ท เอเชีย มั่นใจว่า เรื่องดังกล่าวไม่กระทบต่อธุรกิจค้าปลีกในแผ่นดินใหญ่ ที่ขยายตัวร้อยละ 16 ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เพราะตลาดจีนมีลักษณะที่กระจายตัวอย่างมาก ไม่ว่ากลุ่มค้าปลีกรายใด ก็จะมีส่วนแบ่งตลาดไม่ถึงร้อยละ 1 ซึ่งเชื่อว่าโอกาสทางธุรกิจที่นี่มีอยู่สูง แม้จะเลือกฮ่องกงเป็นฐานปฏิบัติการธุรกิจในภูมิภาค มากกว่าสิงคโปร์และเซี่ยงไฮ้ แต่วอลมาร์ท ยังไม่มีแผนเปิดร้านในฝั่งภาคใต้จีน เนื่องจากปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์มิใช่ด้านราคา ขณะเดียวกัน นักลงทุนในตลาดการเงินนานาประเทศอยู่ในอาการผวา ที่เศรษฐกิจทำท่าชะลอตัวลงอีก และต่างต้องการหลีกหนีความเสี่ยง ทำให้ราคาหุ้นทั่วโลกเมื่อวันศุกร์(5 ก.ย.)ที่ผ่านมาดิ่งตัวลง โดยที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แถบเอเชียต่างทรุดฮวบตามหลังวอลล์สตรีทเช่นเดียวกับพวกหุ้นแถบยุโรป กระแสการ้หลบหนีความเสี่ยงของตลาดการเงินทั่วโลก ปรากฎให้เห็นตั้งแต่ที่วอลล์สตรีทวันพฤหัสบดี(4 ก.ย.)เมื่อดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวสโจนส์ปิดโดยหลห่นลงมาถึง 344.65 จุด หรือ 2.99% สู่ระดับ 11,188.23 ขณะที่ดัชนีสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ 500 ถอยลงมา 38.15 จุด หรือ 2.99% อยู่ที่ 1,236.83 และดัชนีคอมโพสิตของแนสแดคเชถลา 74.69 จุด หรือ 3.20% อยู่ที่ 2,259.04 เมื่อดูจากจำนวนเปอร์เซ้นต์การลดลงก็ถือเป็นวันที่ทั้ง 3 ดัชนีสำคัญของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ตกลงรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยวอลล์สตรีทอยู่ในอาการย่ำแย่ตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของการซื้อขายในวันนั้นเมื่อตัวเลขประจำสัปดาห์ของรัฐบาลอเมริกัน แสดงให้เห็นว่าผู้ยื่นขอรับผลประโยชน์จากการว่างงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นเกินคาดหมาย ขณะเดียวกัน รายงานที่รวบรวมโดย เอดีพี เอมพลอยเยอร์ เชอร์วิเซสชี้ว่า ตำแหน่งงานของลูกจ้างในภาคเอกชนได้ลดจำนวนลง 33,000 ตำแหน่งในรอบเดือนสิงหาคม สำหรับ ตัวเลขเหล่านี้เป็นการเติมเชื้อให้นักลงทุนรู้สึกว้าวุ่นไม่สบายใจก่อนหน้าที่รัฐบาลจะเผยแพร่รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนสิงหาคมอันถือเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ผู้คนเฝ้าจับตากันเป็นอย่างมาก "ตลาดการจ้างงานกำลังมีแต่ข่าวร้ายค่อยๆ ไหลหยดออกมาทีละหยดๆ" เป็นความเห็นของจอห์น ออกุสติน หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนแห่งฟิฟธ์เธิร์ด แอสเสต แมเนจเมนต์ ในเมืองชินซินแนติ พร้อมกล่าวเสริมว่า มันก็ยังดีกว่าข่าวร้ายไหลทะลักออกมาเหมือนก๊อกรั่ว แต่ถึงยังไงมันก็เป็นข่าวร้ายสำหรับเศรษฐกิจอยู่ดี เวลานี้ต้องหวังจะได้ฟังข่าวดีกว่านี้จากตลาดการจ้างงาน อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงในสหรัฐฯภายหลังการประชุมของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)ซึ่งมีมติให้ยืนอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม ประธานอีซีบี ฌอง-โคลดตริเซต์ ได้แถลงว่า ข้อมูลของเขตยูโรโซนก็ชี้ว่า กอัตราเติบโตของเหล่าประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร อยู่ในระดับลดต่ำลงในช่วงกลางปีนี้ ขณะเดียวกัน หุ้นในภาคการเงินของวอลล์สตรีทที่พากันตกวูบ ภายหลัง บิลล์ กรอส ผู้จัดการของพิมโค กองทุนด้านตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลกกล่าวว่า ทั้งตัวเขาเอง บรรดาลูกค้าตลอดจนพวกที่ติดต่ออยู่กับพิมโคในทั่วโลกเวลานี้ต่างอยู่พากันอยู่เฉยๆ รอคอยให้มีผู้ซื้อรายใหญ่เข้ามาในตลาดสินทรัพย์ ส่วนคลื่นยักษ์สึนามิทางการเงิน ที่กำลังเกิดขึ้นมา และบอกว่า ในการหยุดยั้งสึนามิเช่นนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ควรให้อำนาจกระทรวงการคลัง ในการซื้อหนี้สินและสินทรัพย์อื่นๆ ด้าน คาสึฮิโร คอนโด ดีลเลอร์ แห่งบริษัทหลักทรัพย์โตไค โตเกียวซีเคียวริตีส์ ให้ความเห็นว่า เวลานี้พวกกองทุนเพื่อการลงทุนกำลังอยู่ในช่วงเทขายทำกำไร ภายหลังได้เข้าซื้อหุ้นเอเชียที่มีผลประกอบการดีเอาไว้ระยะหนึ่งแล้วและการเทขายทำกำไรเช่นนี้น่าจะดำเนินต่อไปอีกพักหนึ่ง ซึ่งหมายถึงว่าหุ้นเอเชียจะต้องเผชิญภาวะลำบาก เว้นแต่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะมีสัญญาณอันชัดเจนว่ากลับฟื้นตัวขึ้นมาได้--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน
Create Date : 08 กันยายน 2551 |
|
0 comments |
Last Update : 8 กันยายน 2551 12:09:47 น. |
Counter : 317 Pageviews. |
|
|
|