|
คอลัมน์: ไฮโซต่างแดน: "เพชรสี" เศรษฐีแห่ซื้อเก็บอย่างเดียว
ราคาของน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ โลหะ และสินค้าอุตสาหกรรมที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างไม่มีท่าว่าจะหยุดยั้งในตอนนี้ พลิกโฉมหน้าวงการค้าโลกทีเดียว ใครที่เป็นเจ้าของทรัพยากรอันมีค่าเหล่านี้ต่างล้วยร่ำรวยขึ้นไปอีกเป็นอสงไขย เป็นธรรมดาของบรรดาเศรษฐีนักธุรกิจ เมื่อเงินทองที่หลังไหลเข้าสู่บัญชีเพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว ก็ต้องนำเงินที่ได้มาไปลงทุนทางอื่นดังนั้นจะเห็นว่าตอนนี้ทั้งหุ้น พันธบัตร กองทุนต่างๆ ถูกกว้านซื้อเก็บเพื่อเก็งกำไรกันอย่างคึกคัก ส่วนเศรษฐีที่มีรสนิยมสูงบางประเภทก็ชอบซื้อทองคำ นาฬิกา งานศิลปะ ของโบราณ ไวน์ชั้นเยี่ยม ไปจนถึงสโมสรฟุตบอล ต่างถูกซื้อโดยตัวแทนของอัครมหาเศรษฐีที่มีเงินมากมายจนแทบจะซื้อโลกใบนี้ไว้จนหมดสิ้น และแน่นอนที่สุดว่า วัตถุอันล้ำค่าสีขาวสะอาด รูปทรงดีจนแทบไม่เหลือเช่นกัน นั่นก็คือ เพชรลูกสีขาวสะอาด รูปทรงดี มีใบรับรองคุณภาพ ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 4 กะรัตขึ้นไป ในตอนนี้วงการค้นเพชรพลอยต่างพากันส่งตัวแทนไปเสาะแสวงหาเพชรงามน้ำดี ไว้คอยตอบสนองความต้องการของลูกค้ากระเป๋าหนัก แต่เพชรลูกน้ำงามขนาดนั้นใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ เพราะในจำนวนเพชรรุ่นใหม่ที่ออกสู่ท้องตลาดนั้น จะหาเพชรที่งดงามบริสุทธิ์ไร้มลทินตามใบสั่งนั้นมีปริมาณที่น้อยเหลือเกิน ขณะเดียวกัน บรรดาร้านเพชรที่มีชื่อเสียงระดับโลกทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Tiffany's, Cartier, Harry kwkinston, Van Dliff & Arpel และ Bulgai เป็นต้น ต่างก็ขานรับกับกระแสในตอนนี้ด้วยการนำเพชรลูกสีขนาดต่างๆ มาออกแบบเป็นเครื่องเพชรชุดใหญ่อลังการ เพื่อเอาใจลูกค้ากระเป๋าหนักที่ทุ่มไม่อั้นเพื่อจับจองเป็นเจ้าของ ยิ่งเป็นเพชรลูกที่สีสดใส ขนาดใหญ่ สีสะอาด ทรงแปลกตาไม่ซ้ำใคร ก็ยิ่งดูจะเป็นที่ต้องการของลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ แถมถ้าหากเป็นเครื่องประดับที่ครบชุด ตั้งแต่ ต่างหู สร้อยคอ เข็มกลัด สร้อย ข้อมือ แหวน ด้วยแล้ว บรรดาลูกค้ากระเป๋าหนักล้วนยิ่งต้องการเป็นเจ้าของกันทั้งนั้นไม่เกี่ยวราคากันเลย เพราะหากตนไม่ซื้อเครื่องเพชนเหล่านี้ก็จะมีผู้รอซื้อในทันทีอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเครื่องเพชรที่มีใบรับรองจากผู้ผลิตซื่อก้องเหล่านี้แล้ว ก็มั่นใจได้ว่าราคาไม่มีวันน้อยกว่าราคาที่ซื้อไปแน่นอน และนับวันมีแต่ราคาที่จะเพิ่มพุ่งตามราคาน้ำมันทั้งสิ้น เพชรสีที่เป็นที่ต้องการที่สุดเห็นจะได้แก่ "เพชรสีชมพู" ที่แลดูสีสันสวยงาม อ่อนโยน เข้าได้กับผิวของสตรีผิวขาว หรือเหลือนวลเช่นผิวของสตรีชาวตะวันตก ตะวันออกกลาง และเอเชีย หรือจะเป็น "เพชรสีเหลืองสดใส" ที่เรียกกันว่าสี canary ที่เล่นไฟได้ดีเยี่ยมกว่าสีใดๆ ทั้งยังมีประกายที่ระยิบระยับกว่าเพชรสีอื่นๆ อีกด้วย ส่วน "เพชรสีฟ้า" ที่ไล่สีจากฟ้าอ่อนจางๆ ไปถึงฟ้าเข้มและน้ำเงิน ก็เป็นเพชรที่หายากชนิดหนึ่ง เพราะจากกิตติศัพท์ของเพชร Hope ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเพชรที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ของราชวงศ์บุร์บ็องของฝรั่งเศสประดับพระองค์จวบจนวาระสุดท้าย จากนั้นได้ถูกนำมาเจียระไนแปลงโฉมเสียใหม่และนำข้ามมหาสมุทรไปสู่อเมริกาในศตวรรษต่อมา นอกจากนั้นยังมี "เพชรสีเขียว" ที่เขียวสดสราวกับใบไม้ในฤดูใบไม้ผลิ เพชรสีเขียวใสนี้เป็นที่ต้องการของชาวอภิมหาเศรษฐีมุสลิมผู้มั่งคั่ง เช่นเดียวกับมรกตเม็ดงาม ด้วยเป็นสีตัวแทนแห่งพระผู้เป็นเจ้าที่เคารพนับถือ หากแต่เพชรสีเขียวที่มีจำนวนมากที่สุด กลับเป็นเพชรที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของเมืองเดรสเดน อดีตเมืองหลวงขอวแคว้นแซ็กโซนี เคยเป็นเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรปรัสเซียเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในยุคต่อมา "เพชรสีน้ำตาลอมเหลืองสีอ่อนใส" ที่เรียกกันว่าสีแชมเปญไล่ความเข้มจนถึงมีน้ำตาลเข้มที่เรียกว่าสีโค้ก และเพชรสีดำ กำลังเป็นที่นิยมของนักออกแบบเครื่องเพชรรุ่นใหม่ ที่ไม่ให้ความสำคัญของขนาดที่ต้องมีน้ำหนักขนาดเป็นกะรัตขึ้นไป "เพชรสีแดง" ที่มีสีเจิดจ้าราวกับเลือดนก จะมีขนาดใหญ่เป็นเพชรลูกแบบเพชรสีขาวนั้นหาได้ไม่ง่ายนัก คงมีแต่เพียงเป็นเพชรขนาดเล็กๆ ที่มีน้ำหนักไม่ถึงกะรัต หากแต่เพชรเม็ดเล็กๆ เหล่านี้ เมื่อถูกนำมารวบรวมเข้าด้วยกันเป็นปริมาณที่มากพอสมควร ก็สามารถนำมาออกแบบเป็นเครื่องประดับที่มีความแปลกตา ประกอบกับโลหะที่มีการใช้ความรู้ทางด้านเคมี ปรุงให้เป็นโลหะที่มีสีสันที่แปลกไปกว่าเดิม ที่มิใช่เพียงทองคำสีเหลือง หรือทองคำขาว แพลทินัม ที่มีสีเกลี้ยงๆ เพียงช่วยส่งเสริม ให้เพชรดูเด่นขึ้นเท่านั้น เครื่องประดับรุ่นใหม่นี้เมื่อนำมาสวมใส่กับเสื้อผ้าแปลกๆ ใหม่ๆ อันเป็นแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงไปตายยุคโลกาภิวัฒน์ ก็แลดูโดดเด่นไม่ซ้ำใคร เป็นที่ต้องการของผู้มีฐานะรุ่นใหม่ ที่มองเห็นเครื่องเพชรรุ่นเก่าเป็นสิ่งล้าสมัย ควรเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ร "เพชรสี" จึงเป็นวัตถุที่ถูกจับตามองจากนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่ทุ่มซื้อเพชรเหล่านี้อย่างไม่อั้น เพราะรู้ดีว่การซื้อเงินตราของกสุลต่างๆ หรือการลงทุนแบบเดิมๆ เก็บไว้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าลงทุนเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน
Create Date : 05 กันยายน 2551 |
Last Update : 5 กันยายน 2551 11:25:37 น. |
|
0 comments
|
Counter : 205 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|