|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
โบรกฯให้จบเร็วไม่เกี่ยงรบ.ชาติ-ปฏิวัติ
การเมืองพ่นพิษตลาดหุ้นสูญ7.6แสนล.
หุ้นไทยรูดไม่หยุด ดิ่งอีก 44 จุด ช่วง 3 วันการเมืองอันตรายร่วงกว่า 97 จุด มาร์เก็ตแคปหาย 7.6 แสนล้านบาท โบรกฯชี้มีโอกาสร่วงต่อถึงระดับ 450 จุด หวั่นการเมืองเร่งต่างชาติขายหนักมือขึ้น เรียกร้องให้จบเร็ว จะตั้งรัฐบาล-ยุบสภา-ปฏิวัติ รับได้หมด แต่รับไม่ได้หากปล่อยคาราคาซัง "ภัทรียา" รับหุ้นร่วงหนักทำโรดโชว์ยาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง จากแรงกดดันของวิกฤติการเงินในสหรัฐและการเมืองในประเทศ โดยดัชนีเปิดตลาดที่ระดับ 517.29 ร่วงทันที 11.42 จุด และปรับลดลงแรงตลอดวัน ดัชนีปรับลดลงต่ำสุดที่ระดับ 483.91 จุด ลดลง 44.80 จุด หรือลดลงกว่า 8% ก่อนดีดตัวขึ้นช่วงท้ายตลาด ปิดตลาดที่ระดับ 492.34 จุด ลดลง 36.37 จุด หรือ 6.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 17,461.33 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีก 1,922.06 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 422.12 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อ 2,344.18 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับจากปัญหาการเมืองได้กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมาที่มีการจับกุมพล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พปช.) จนถึงวันเดียวกันนี้ รวม 3 วัน ดัชนีหุ้นลดลง 97.71 จุด จากเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ดัชนีอยู่ที่ระดับ 590.05 จุด มูลค่าตลาดรวมลดลง (มาร์เก็ตแคป)ลดลง 7.67 แสนล้านบาท
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ประเมินว่าดัชนีจะปรับลดลงต่อเนื่อง อาจอยู่ในระดับ 450-460 จุด หรือลดลง 50-60% จากระดับสูงสุด 915 จุดเมื่อเดือนตุลาคม 2550 ทั้งนี้จะให้น้ำหนักเรื่องวิกฤติการการเงินโลกมากกว่าปัญหาการเมืองในประเทศ เพราะมองว่าภายใน 3 เดือนนี้น่าจะมีทางออกและทำให้มีการเลือกตั้งใหม่ ทั้งนี้ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติจะยังคงมีการเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัญหาการเมืองในประเทศจะเป็นตัวกระตุ้นให้ขายเร็วขึ้นและขายหนักมือมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิไปแล้ว 1.2 แสนล้านบาท หากนับจากการซื้อสุทธิตั้งแต่กลางปี 2547 ก็ยังเหลือเงินทุนในไทยอีกประมาณ 1.9 แสนล้านบาท หากปัญหาการเมืองไทย และเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่จบ ก็คงจะเทขายต่อเนื่องไปจนถึงปี 2552 ?สถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีการใช้ความรุนแรง ถือว่าแย่ที่สุดแล้ว ดังนั้นอะไรก็ตามที่จะสามารถแก้ปัญหาได้ โดยที่ไม่มีการปะทะ และมีคนตาย คนก็เริ่มยอมรับ จากรอบที่แล้วที่มีแนวทางที่คนไม่ยอมรับเด็ดขาด?
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนบัวหลวง กล่าวว่า จากการพูดคุยกับนักวิเคราะห์ได้ตั้งสมมุติฐานทางออกของปัญหาการเมืองไว้ 4 กรณีคือ 1. การปฏิวัติ ซึ่งเป็นกรณีที่แย่ที่สุด มีการมองว่าจะทำให้เงินข้างนอกไม่เข้ามาลงทุนในไทย แต่ส่วนตัวมองว่าขณะนี้เงินข้างนอกไม่มีแล้ว จะทำอะไรก็รีบทำ สิ่งสำคัญที่สุด ต้องมีคนที่เข้ามาบริหารบ้านเมืองได้ นักธุรกิจต้องการไดเรคชั่น(ทิศทาง)ที่แน่นอน ขอให้เป็นคนที่มีความสามารถ และโปร่งใส อย่าปล่อยไว้แบบนี้ เพราะกรณีที่ 2 คือ การเมืองไม่เปลี่ยนแปลง ปล่อยให้คาราคาซัง คือสิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับนักลงทุน กรณีที่ 3 คือ การยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ส่วนกรณีที่ 4 ซึ่งเป็นเบสท์เคส(วิธีที่ดีสุด) คือการมีรัฐบาลแห่งชาติ "ส่วนตัวหวังให้มีอะไรเกิดขึ้น และขอให้คนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลนึกถึงประเทศก่อน และหยุดความรุนแรงโดยสิ้นเชิง ต้องมีคนจัดการให้จบโดยเร็ว?
นางภัทรียา เบญพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ยอมรับว่าการที่ดัชนีปรับลดลงมาก ทำให้การโรดโชว์นักลงทุนในโอกาสการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนที่เมืองดูไบนั้นยากขึ้น เมื่อนักลงทุนสอบถามมาก็ชี้แจงว่าเป็นการปรับลดตามตลาดภูมิภาค
หน้า 17--จบ--
ที่มา: //www.matichon.co.th/matichon
Create Date : 09 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 10:39:53 น. |
|
0 comments
|
Counter : 283 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|