LOVE ACTUALLY
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
1 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
เงินบาทร่วงต่ำสุดในรอบ 21 เดือน ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวท้ายสัปดาห์

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

ตลาดเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน : อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นทรงตัวถึงขยับลงเล็กน้อยโดยธนาคารพาณิชย์มีการเตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับการเบิกถอนเงินสดของลูกค้าในช่วงสิ้นเดือน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อสภาพคล่องในตลาดเงินไทยมากนัก ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ประเภทกู้ยืนข้ามคืน(OVERNIGHT)หนาแน่นอยู่ในกรอบระหว่าง 3.74-3.75% เทียบกับ 3.75% ตลอดสัปดาห์ก่อนหน้า โดยอัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยที่ประมูลได้ของธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรแบบทวิภาคี (BILATERAL REPO)ระยะ 1,7 และ 14 วัน เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 3.70-3.75% เทียบกับ 3.74-3.75% ในสัปดาห์ก่อนหน้า
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยประเภทอายุ 5 ปี(TH5YY) ปิดที่ระดับ 3.34% ในวันศุกร์ ปรับลดลงจาก 3.39% เมื่อวันศุกร์ก่อนหน้า โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ยกเว้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะกลางบางประเภทที่ปรับลดลง
ในขณะที่ตลาดได้ปรับตัวรับการคาดดารณ์ต่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยขาลงของทางการไทยไปแล้วระดับหนึ่ง ด้านตลาดพันธบัตรสหรัฐนั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลหรัฐ ประเภทอายุ 10 ปี (US10YY)ปิดที่ระดับ 2.99% ในวันพุธ ลดลงจาก 3.20% ในวันศุกร์ก่อนหน้า โดยอัตราผลตอบแทนพันบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับขึ้นในวันจันทร์ ตามการพุ่งทะยานของตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากที่ทางการสหรัฐประกาศแผนการให้ความช่วยเหลือแก่ซิตี้กรุ๊ป
อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้ปรับลงในวันอังคารและวันพุธ ภายหลังการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ย่ำแย่ของสหรัฐ ถึงแม้ว่าการเปิดเผยแผนการรับซื้อตราสารทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกต่อปริมาณอุปทานพันธบัตรที่อาจเพิ่มขึ้น จะช่วยจำกัดการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไว้บ้างก็ตาม ส่วนในวันพฤหัสบดีตลาดพันธบัตรัฐบาลสหรัฐปิดทำการ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
เงินบาทในประเทศ(ONSHORE)ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือน เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์เงินบาทปรับตัวในทิศทางที่อ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์เช่นเดียวกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่ส่วนใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ระบุว่า นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่ง รมว.คลังในรัฐบาลของนายบารัก โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ อย่างไรก็ตาม เงินบาทยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วงต่อมาแม้ว่าสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียจะดีดตัวกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นของตลาดหุ้นในภูมิภาคก็ตาม ทั้งนี้ เงินบาทต้องเผชิญกับแรงเทขายท่ามกลางความวุ่นวายของสถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองในประเทศ สำหรับในวันศุกร์ เงินบาทร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือนที่ระดับประมาณ 35.52 ก่อนจะฟื้นตัวเล็กน้อยกลับมายืนที่ระดับประมาณ 35.50(ตลาดเอเชีย)เทียบกับระดับ 35.21 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า(21 พ.ย.)
ในสัปดาห์นี้(1-5 ธ.ค.2551)คงจะมีการทยอยไหลกลับของสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินหลังผ่านสิ้นเดือน ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์จะมีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ในวันอังคารและเข้าสู่ปักษ์ใหม่ในวันพุธ อีกทั้งคงจะมีการเตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับการเบิกถอนเงินสดของลูกค้าในช่วงวันหยุดยาวด้วย ทั้งนี้ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินคงจะขึ้นอยู่กับผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันพุธที่ 3 ธันวาคม 2551 เป็นสำคัญ
ส่วนเงินบาทในประเทศอาจเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบประมาณ 35.30-35.70 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ควรจับตา ประกอบด้วย ปัจจัยการเมืองในประเทศ การประชุม กนง.ในวันที่ 3 ธันวาคม 2551 ทิศทางสกุลเงินในภูมิภาค ตลอดจนทิศทางของเงินดอลลาร์ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนี ISM ภาคการผลิตและภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมและอัตราการว่างงานเดือนพฤศจิกายน ยอดคำสั่งซื้อของโรงงานและรายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนตุลาคม ข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตมาส 3/2551 ตลอดจนรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ(BEIGE BOOK)ของเฟด นอกจากนี้ตตลาดการเงินยังจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนความช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถนรต์ของสหรัฐอกด้วย
ความเคลื่อนไหวของเงินยูโรในสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์เงินยูโรปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงต้นสัปดาห์แม้ข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นทางธรุกิจของเยอรมนี ที่อ่อนแอกว่าที่คาดจะตอกย้ำกระแสการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปก็ตาม ทั้งนี้ เงินยูโรขยับแข็งค่าขึ้นตามทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ความต้องการเสี่ยงได้ฟื้นตัวขึ้น หลังจากรัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแผนการเข้าช่วยเหลือซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ คามต้องการเงินดอลลาร์ในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยได้ปรับลดลงตามความวิกฤติการเงินที่ผ่อนคลายลง หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐและเฟดประกาศมาตรการมูลค่าประมาณ 8 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อตราสารหนี้และตราสารที่หนุนหลังด้วยหนี้จำลองที่ออกโดยแฟนนี เม และเฟรดดี แมค รวมถึงมาตรการเพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อให้ผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม เงินยูโรต้องปรับลดช่วงบวกลบางส่วนในช่วงที่เหลือของสัปดาห์หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐและยุโรปตอกย้ำภาพเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงขึ้นและกระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อเงินดอลลาร์ ในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง สำหรับในวันศุกร์ เงินยูโรปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 1.2861 (ตลาดยูโรป) เทียบกับระดับ 1.2578 ดอลลาร์ต่อยูโรในวันศุกร์ก่อนหน้า(21 พ.ย.)
ภาวะตลาดทุน
*ตลาดหุ้นไทย "ดัชนี SET ฟื้นตัวท้ายสัปดาห์": ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 401.84 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.09% จาก 397.51 จุด ในสัปดาห์ก่อน แต่ร่วงลง 53.17% จากสิ้นปี 2550 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น 2.15% จาก 43,753.90 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 44,694.67 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจาก 8,750.78 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 8,938.93 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 3,802.53 ล้านบาท
ขณะที่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิที่ 2,341.74 ล้านบาท และ 1,460.79 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 156.79 จุด ปรับตัวขึ้น 0.82% จาก 155.52 จุดในสัปดาห์ก่อน แต่ร่วงลง 42.43% จากสิ้นปีก่อน
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา การปรับตัวของตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากปัญการเมืองในประเทศ รวมทั้งความกังวลต่อปัญหาภาคการเงินโลก โดยในวันจันทร์ ดัชนีหุ้นไทยปิดปรับตัวลง โดยนักลงทุนได้เทขายหุ้น ท่ามกลางความกังวลต่อปัญหาภาคการเงินโลก หลังรัฐบาลสหรัฐอนุมัติแผนการให้ความช่วยเหลือซิตี้กรุ๊ปรวมทั้งจากความกังวลต่อสถานการณ์ การเมืองภายในประเทศ หลังจากนั้น ดัชนีปรับตัวขึ้นในวันอังคารโดยมีแรงซื้อนำหุ้นในกลุ่มพลังงานและแบงก์ ท่ามกลางแรงหนุนจากตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ปรับขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังมีความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศ ทำให้ในช่วงบ่ายมีแรงขายทำกำไรออกมา ส่วนในวันพุธดัชนีปรับตัวผันผวนอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงบ่าย ก่อนจะปิดในแดนบวกโดยฟื้นตัวจากภาคเช้าที่ปรับลง ขณะที่ในภาคบ่ายมีแรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มพลังงานแบงก์อสังหาริมทรัพย์ และเทคโนโลยี หลังนักลงทุนคาดว่าสถานการณ์ทางการเมืองอาจจะคลี่คลายลงได้ ต่อมาดัชนีปรับตัวลดลงในวันพฤหัสบดี สวนทิศทางกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากปัญหาการเมืองในประเทศทำให้มีแรงขายเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องตลอดวัน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายสัปดาห์ ดัชนีปิดบวก ตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ดีดตัวขึ้น โดยมีแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเข้ามา ท่ามกลางความหวังว่า ความว่นวายทางการเมือง น่าจะคลี่คลายในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หนุนให้ดัชนียืนอยู่ในแดนบวกตลอดการซื้อขายในวันศุกร์และปิดเหนือ 400 จุด เป็นครั้งแรกในรอบกว่าสัปดาห์
สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้(1-5 ธ.ค.2551)บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีอาจจะฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงสั้นๆ หากสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น แต่อาจเผชิญกับแรงขายทำกำไรโดยปัจจัยที่ยังคงต้องติดตาม ได้แก่ ความคืบหน้าของสถานการณ์การเมืองในประเทศ ซึ่งรวมถึงการตัดสินคดียุบพรรคการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ และผลการประชุมนโยบายการเงินของ กนง.ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ การปรับตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาค และทิศทางของราคาน้ำมันในตลาดโลก ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 370 และ 344 จุด และแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 408 และ 425 จุด ตามลำดับ--จบ--

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


Create Date : 01 ธันวาคม 2551
Last Update : 1 ธันวาคม 2551 12:41:48 น. 0 comments
Counter : 348 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

illuminant
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




1.Cut loss
2.Looking forward
3.Market move by sentiment
4.The crowd usually wrong
5.Stick to the plan
6.Patience
Friends' blogs
[Add illuminant's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.