|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
แผนฟื้นฟู7แสนล้าน$รักษาได้-ไม่หายขาด
นักลงทุนลุ้นสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐไฟเขียวแผนฟื้นฟูมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ หลังวุฒิสภาสหรัฐผ่านความเห็นชอบ สถาบันการเงินทั้งสหรัฐและยุโรปส่ออาการหนัก กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : มหาเศรษฐีวอร์เรน บัฟเฟตต์กระตุ้นความเชื่อมั่นนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นโกลด์แมน แซคส์ และจีอี ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียไม่ตอบรับมาตรการกอบกู้วิกฤติการเงินสหรัฐ ขณะที่มาตรการแก้วิกฤติของไทยยังไม่เป็นรูปธรรม ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบ ตลาดหลักทรัพย์ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวน อันมีผลกระทบจากกฎหมายเสถียรภาพฉุกเฉินไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ตลาดเริ่มทรงตัวหลังกฎหมายดังกล่าวผ่านมติของวุฒิสภาสหรัฐ ความไม่แน่ใจว่าสภาล่างจะไฟเขียวแผนกอบกู้วิกฤติการเงินในวันศุกร์ที่ผ่านมา กดดัชนีตลาดสำคัญหลายแห่งเคลื่อนตัวในแดนลบ นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าเม็ดเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ จะสามารถกู้วิกฤติการเงินครั้งนี้ได้จริงหรือ เนื่องจากมองว่าการแก้ปัญหาครั้งนี้เป็นการแก้เพียงปลายเหตุ อย่างไรก็ดี การที่มหาเศรษฐีอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ เข้าซื้อหุ้นของโกลด์แมน แซคส์ และจีอี อาจช่วยให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มมีความมั่นใจในตลาดหุ้น สถาบันการเงินในสหรัฐและยุโรปมีการล้มละลายรายวันในช่วงต้นสัปดาห์ ทำให้วิกฤติการเงินในครั้งนี้รุนแรงกว่าที่หลายฝ่ายประเมิน ช่วงกลางเดือนตุลาคมจากนี้ไปบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กจะเริ่มทยอยประกาศผลดำเนินงาน หากผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ที่นักวิเคราะห์ประเมิน ตลาดจะตอบรับในทางบวก แต่ผลประกอบการย่ำแย่กว่าที่ประเมิน นักลงทุนอาจเห็นตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงแรงอีกครั้ง รัฐบาลไทยเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรับวิกฤติการเงิน แต่ต้องรอนำมาใช้ให้เป็นรูปธรรมหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แม้การเงินของไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติซับไพร์มโดยตรง แต่เชื่อว่าภาคการเงินจะได้รับผลกระทบด้านสภาพคล่อง การปล่อยสินเชื่อ การลงทุนภาคเอกชนจะลดลง ความนิยมในตราสารหนี้ลดลง หรือทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น และในระยะยาวผลกระทบการส่งออกจะเพิ่มมากขึ้น สาเหตุจากประเทศคู่ค้าทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรปประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจถดถอย ปัจจัยทางเทคนิค จากกราฟรายสัปดาห์ ดัชนีตลาดแม้กราฟแท่งเทียนจะมีสัญญาณปลายตลาดคล้ายรูป THREE STARS IN THE SOUTH แต่การเกิดจุดต่ำใหม่ ทำให้สัญญาณอ่อนลง ดัชนีตลาดปิดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งสี่เส้น สัญญาณกลับตัวปลายตลาดขาขึ้นรูป HEAD AND SHOULDERS ทำให้ดัชนีตลาดมีเป้าประสงค์ในการปรับตัวลดลง (MEASURING TARGET) อยู่ที่ 580 จุดรูปแบบของคลื่นเอเลียตแสดงถึงดัชนีตลาดขาลงกำลังปรับตัวอยู่ปลายคลื่น 5 (คลื่น 1 อยู่ที่ 737 คลื่น 3 อยู่ที่ 660 จุด) สอดคล้องกับการเกิดสัญญาณ BULLISH DIVERGENCE ของสัญญาณ MACD HISTOGRAM สัญญาณ OSCILLATOR จากกราฟรายสัปดาห์ สัญญาณ MODIFIED STOCHASTIC เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ RSI และ MACD เป็นลบ โดยที่สัญญาณ RSI ปรับเข้าสู่เขตขายมากเกิน (OVERSOLD) ทำให้ดัชนีตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นทางเทคนิค จากกราฟรายวัน ดัชนีตลาดแกว่งตัวแคบๆ เคลื่อนตัวอยู่ในช่องแนวโน้มขาลง สอดคล้องกับการเรียงตัวของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งสี่เส้น มูลค่าการซื้อขายไม่แน่นอน ระยะสั้นดัชนีตลาดมีเส้น 10 วันและเส้นแนวโน้มขาลงทำหน้าที่เป็นแนวต้าน ดัชนีตลาดจะมีสัญญาณทางเทคนิคเป็นบวกต้องยืนปิดเหนือเส้น 25 วันและมูลค่าการซื้อขายต้องเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ สัญญาณ OSCILLATOR จากกราฟรายวัน สัญญาณ MODIFIED STOCHASTIC เป็นบวก ขณะที่สัญญาณ RSI และ MACD เป็นลบ ทำให้ดัชนีตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นทางเทคนิคระหว่างการซื้อขายหรือระหว่างวัน ทิศทางตลาดหลักทรัพย์ในรอบสัปดาห์นี้ มีกรอบแนวรับอยู่ที่ 580 - 570 จุด และมีกรอบแนวต้านอยู่ที่ 600 - 610 จุด กลยุทธ์การลงทุน ปัจจัยภายนอกสร้างผลกระทบทางจิตวิทยาการลงทุนทำให้ดัชนีตลาดมีทิศทางไม่แน่นอน ดัชนีตลาดจะผันผวนในระยะสั้น การปรับตัวขึ้นหากไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 650 จุด ควรปรับพอร์ตถือเงินสด สำหรับการลงทุนระยะยาวหากตลาดปรับตัวลงแรงควรทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานเข้าพอร์ต หรือรอดูแผนกอบกู้วิกฤติการเงินสหรัฐให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน
ที่มา: //www.bangkokbiznews.com
Create Date : 06 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 6 ตุลาคม 2551 10:23:27 น. |
|
0 comments
|
Counter : 253 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|