เสาร์สบายๆ แปลงกายไปเดินป่า
วันศุกร์ที่ผ่านมาอากาศเริ่มดีขึ้น เปิดหน้าต่างแง้มดูท้องฟ้าวันนั้นแจ่มมากๆ แต่ด้วยเรายังเย็นใจเนื่องด้วยพยากรณ์อากาศบอกว่าอากาศจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงนี้รวมถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์เราก็เลยคาดว่า ไม่เป็นไรวันนี้เก็บแรงเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันเสาร์อากาศยังดีอยู่ค่อยออกไปข้างนอกกันก็ทัน ช่วงนี้กะว่าอากาศดีๆ ก็จะไปกอบโกยอากาศดีๆ เอาไว้สะสมแต้มช่วงหนาวๆ ที่กำลังจะมาถึง ...
และแล้ววันเสาร์ ... อากาศตอนเช้าๆ ไม่ได้ดีเหมือนที่ " เค้า " พูดเอาไว้เลย เพราะตั้งแต่เช้ามามีแต่หมอกลงตลอดเลย แต่ในใจก็ยังคิดอยู่ว่าน่าจะดีขึ้นตอนสายๆ 9 โมงก็แล้วยังมีหมอกลงอยู่ 10 โมงก็แล้วหมอกก็ยังไม่หาย 11 โมงก็แล้ว แหม๊ จะสว่างฟ้าเปิดก็ไม่ได้ แหม๊ เหมือนแกล้งกันชัดๆ เลย แต่เอาค่ะเมื่อตั้งใจจะไปกันแล้วก็ต้องไปล่ะ เพราะยังคิดอยู่ว่าดีแค่ไหนแล้วที่มันยังไม่มีฝน คิดได้ถึงตรงนี้ก็ยิ้มออกล่ะว่าไม่มีฝนก็ไปกันโลด
จุดมุ่งหมายวันนี้ที่เราจะไปเดินเล่นกันก็คือ ป่าไม่ใกล้ไม่ไกลเมือง Apeldoorn ที่เราเรียกกันเล่นๆ ว่าเมืองกลางป่า... เหตุที่เรียกอย่างนี้ก็เพราะด้วยลักษณะของเมืองเป็นอย่างนี้จริงๆ เรียกว่าไปแล้วก็ได้สัมผัสกับธรรมชาติกันเต็มที่ไปเลย เพราะบางส่วนและของบาง village เวลาขับรถผ่านกันไป เราจะเห็นสองข้างทางเป็นป่าต้นไม้สูงใหญ่ปกคลุม ... อารมณ์เวลาได้ผ่านไปเห็นก็เหมือนเราได้เข้าไปเที่ยวป่าทึบๆ ของอุทยานแห่งชาติบ้านเราได้ค่ะ ...
และป่าที่ที่เราไปเดินเล่นกันนี้มีชือว่า Orderbos ขับรถจากเมือง Apeldoorn ออกมาไม่ไกลเลยก็ได้เห็นป่ากันแล้ว ...ช่วงที่ไปฟ้าก็ยังไม่เปิดเรียกว่าไม่เป็นใจเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับคนที่นี่เลย เพราะถึงฟ้าจะไม่เปิด แต่เมื่อฝนไม่มี อากาศไม่เย็น ลมไม่แรง ก็มีคนไปเดินเล่นกันอยู่บ้างล่ะ จริงๆ สำหรับตัวเองเวลาเราไปเดินเล่นในป่าแบบนี้แล้วไม่เห็นผู้เห็นคน อารมณ์และจิตมักสั่งให้หลอนตัวเองประจำ เพราะกลัวจั้งว่าจะมีบุคคลไม่ประสงค์ดีสักเท่าไหร่เข้ามาตีสนิท ... และที่สำคัญไอ้ที่ชอบหลอนตัวเองเป็นประจำเพราะมันจะนึกถึงหนังพวกผีดิบ หรือว่าเรื่องเกี่ยวกับพวกหน้าตาประหลาดๆ อย่างเรื่อง genetics มีปัญหา wrong turn พวกนี้ตามก้นเรามาแล้วก็มาตามฆ่า ... โอ้ย สารพัดจะหลอนตัวเองได้พอควร
จริงๆ การมาเดินป่าใกล้ Apeldoorn นี่ ว่าไปแล้วก็เพราะคนข้างๆ ล่ะอยากมารำลึกความหลังครั้งเก่า ย้อนวัยสมัยเค้าเป็นเด็กๆ วัยไม่เกิน 10 ขวบ ... (แอบย้อนใกล้มากเลยนะนั่น) ... คือเมืองนี้เรียกว่าเป็นบ้านเกิดของเค้านั่นล่ะ เวลามาเมืองนี้ทีไรมักชอบขับรถวนในเมืองแล้วชอบชี้ว่า นี่ล่ะบ้านพ่อแม่ นี่บ้านบ้านลุง นี่บ้านน้า ไอ้ฉันล่ะชอบล้อล่ะว่ารู้น่าว่าญาติเยอะย้ำจริงๆ แต่ไงล่ะตอนนี้เหลือกี่คน ฮ่า ฮ่า เพราะไอ้ที่ชี้มาทั้งหมดน่ะซี้ม่องเท่งไปหมดแล้วไม่เหลือใครเลย ทีนี้ไปในเมืองล่ะบ่อยแล้วหนนี้เลยมาชวนไปเดินป่าแทนแล้ว
ถึงฉันจะบอกว่าป่าไม่ไกลเมืองเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าจะให้ปั่นจักรยานมาเองคงทำให้ลิ้นห้อยบ้างล่ะ แต่คนข้างๆ บอกว่าไม่หรอก อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง เรียกว่าเบื่อพ่อเบื่อแม่บ่น ก็แว๊บปั่นจักรยานไปเล่นกับเพื่อนในดงป่านี่ล่ะ หรือว่าไม่แอบอยากเป็นเด็กไม่ดีหนีเรียนก็แวะมาป่านี้ได้ล่ะ ... (อายุไม่เกิน 10 ขวบ มีหนีเรียนแล้วเหรอ ซ่าส์จังพ่อคุณ ) ที่นี่นอกจากจะมีต้นไม้สูงใหญ่ให้ปีนป่าย ยังมีแอ่งน้ำสะอาด เหมาะกับการไปลุยมาก นอกจากนั้นก็ยังมีแอ่ง เนินรอบๆ เรียกว่าปั่นจักรยานเล่นเพลินหมดเวลาเป็นวันๆ ได้เลยละ
แต่ก็อย่างว่าวันเวลามันผ่านมานานเป็นยี่สิบสามสิบปี ... ทุกอย่างก็เปลี่ยน เพราะภายในป่าบางส่วนที่เมื่อก่อนเคยเปิดให้เดินเล่นได้ตอนนี้ก็ห้ามเดิน ทำเป็นป้ายบ้าง หรือว่าไม่ก็หาทางเดินเข้าไปไม่ได้แล้ว อาจจะด้วยเพราะว่าเค้าทำทางให้เดินไว้แล้วสำหรับปัจจุบันเพราะส่วนที่ปิดไปนั้นเค้าปลูกต้นไม้อื่นไว้ด้วยมั้งเลยไม่อยากให้เราเดินไปเหยียบย่ำทำลายต้นไม้ ที่เค้าปลูกทดแทนเอาไว้ที่เค้าตัดๆ ไป เพราะเดินไปช่วงนี้เห็นเค้ามีตัดไม้กองไว้ริมทางเยอะไปหมดเลย ...
เก้าอี้เก่า 30 กว่าปีที่แล้ว คุณแฟนบอกว่านี่ล่ะตำแหน่งประจำ
เข้าไปเดินป่าแบบนี้ การได้ส่องเจ้าตัวเล็กตัวน้อยก็เป็นอะไร่ที่เพลินดี ... เจ้าตัวเล็กตัวน้อยที่พูดถึงก็คือ บรรดาเห็ดๆ พวกนี้ล่ะ สีสันของเค้างามดี น่ารักด้วย แต่ขอโทษนะเห็นงามๆ แบบนี้อย่าไว้ใจเชียวล่ะ เพราะเห็ดบางจำพวกก็เป็นเห็ดดีบ้าง พิษบ้าง ฉันเองไม่รู้หรอกว่าประเภทไหนกินได้ กินไม่ได้ ก็เลยได้แต่งส่องกล้องมาเท่านั้นเอง ...
หนก่อนเคยอัพบล็อกเรื่องเห็ดๆ ไปบ้างแล้ว แต่ดูเหมือนว่าภาพจะหายไปบางส่วน งั้นแอบเอาข้อมูลเรื่องเห็ดพิษมาอีกทีแล้วกัน เผื่อจะเป็นประโยชน์
*** วิธีที่ใช้ดูว่าเห็ดชนิดใดมีพิษหรือไม่มีพิษนั้นก็มีอยู่ว่า ถ้าเป็นเห็ดที่กินได้ ตัวเห็ดจะไม่มีขอบวงหรือวงแหวน ไม่มีเปลือกหุ้มที่โคนก้านดอก ก้านจะสั้น อ้วนป้อม และไม่โป่งพองออก ผิวเรียบไม่ขรุขระ ไม่มีสะเก็ด จะมีเส้นเป็นแฉกลึกอยู่ใต้ตัวเห็ดหรือไม่มีก็ได้ สีผิวของหมวกส่วนใหญ่เป็นสีขาวถึงน้ำตาล
ส่วนเห็ดที่กินไม่ได้ บริเวณของตัวเห็ดจะมีหยักอยู่รอบๆ มีขอบหรือวงแหวน มีเปลือกหุ้มที่โคนก้านดอกเห็ด เมื่อเก็บเห็ดจากพื้นดินหรือขอนไม้ขึ้นมาแล้วจะมียางขาวๆ ไหลออกมา สีผิวของหมวกมีได้หลายสี เช่น สีมะนาวถึงสีส้ม สีขาวถึงสีเหลือง
ป่าที่เราเข้าไปเดินเล่นมานี้ เหมือนที่บอกว่ามันเป็นเนินบ้างเลยเหมาะสำหรับการปั่นจักรยานท้าทายเลย ช่วงไปเดินเราเลยต้องระวังๆ เอาไว้บ้างเวลาเดินตรงทางที่เค้ามีไว้สำหรับเดิน เพราะว่าบางระยะก็จะมีนักปั่นน่องเหล็กโผล่มาเรื่อยๆ บ้างก็คนเดียว บ้างก็สองคนและบ้างก็สามคน ... ดูไปก็เพลินดี เพราะบางทีก็มีหนุ่มหน้าตาดีๆ โผล่มาให้เห็น แต่ขอโทษนะ มากันเร็วเค้าก็ไปกันแบบเร็วด่วน มือไม่ฉมังก็จะจับภาพได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ที่ดีที่สุดก็จะเป็นภาพที่จะเอามาแปะนี่ล่ะ เบลอได้ใจ จินตนาการได้ว่าพวกเค้าเหล่านี้มาเร็วไปเร็วสมชื่อ ...
เบลอได้ใจจริงๆ
สัญลักษณ์สำหรับนักปั่น
แอบมองหาแดดตลอดช่วงเดินเล่น แต่ก็ผิดหวังเพราะไม่มีแดดแม้แต่นิดเดียว แหม๊ อุตส่าห์เดินเล่นรอนะเนี่ย แล้วจะทำเอาโมโหกรุ่นๆ ก็ด้วยเพราะขากลับช่วงขับรถกลับบ้านราวบ่ายสี่โมง แดดส่องแจ๋ตลอดทางเลยอ่ะจิ ...
แหม๊ แบบนี้พูดได้หรือเปล่าว่าแสงแดดเล่นตัว ทีต้องการล่ะไม่มา ทีไม่ต้องการนี่ล่ะมาตั้งแต่ยังไม่จุดธูปขอเลย เดี๋ยวเห๊อะ
Create Date : 16 ตุลาคม 2549 |
|
90 comments |
Last Update : 16 ตุลาคม 2549 0:24:38 น. |
Counter : 2061 Pageviews. |
|
|