....ฉันจะตามไปทั่วฟ้า ทั่วจักรวาลผ่านพื้นผิวแห่งทุกดวงดาว
สุดฟ้าสุราลัย สุดขอบแห่งห้วงมหรรณพ
ขอเพียงแต่ให้เธอรอฉันอยู่ เพื่อพบพาน.......
************************************************
เดอะเนปจูนส์เอกซ์โพลเลอร์ 1 ยังคงทอดสมอห่างจากจุดเดิมพอสมควรโดยเข้าใกล้ภูเขาหินที่อาจารย์ภาณุเชื่อว่าคือส่วนหนึ่งของอนินตระปุราลิบๆไม่มากเกินไปนัก เพื่อสำหรับการเตรียมตัวขึ้นฝั่งในตอนเช้าของวันนี้
อาหารเช้าถูกจัดขึ้นเป็นแบบง่ายๆ เบาๆส่วนใหญ่เป็นซีเรียลธัญญพืช ผลไม้ น้ำผลไม้ นม ชา และกาแฟ เพื่อให้ไม่อิ่มจนเกินไปหรือหิวเกินไป โดยเฉพาะกลุ่มของคณะดำน้ำ ชนิกรรดาเลือกเพียงผลไม้ และกาแฟ
สำหรับอธิปนั้นเลือกอาหารเต็มพิกัด มื้อเช้ามักจะเป็นมื้อแรกที่เต็มที่ของเขา และก็คุ้นเคยกับแบบนี้ตั้งแต่สมัยมาเรียนดำน้ำใหม่ๆโดยไม่สนใจว่าชนิกรรดาจะตาเขียว หรือบ่นเพียงใด
“นี่ยังถือเรียกได้ว่าเกรงใจดีนะคุณหญิงที่เขาไม่หุงข้าว ไม่งั้นจะไปเจียวไข่กินกับข้าวแล้ว...แหะ แหะ”
หลังจากเสร็จภารกิจอาหารเช้าพักใหญ่ฟ้าเริ่มสาง ฝูงนกทะเลเริ่มออกหากิน เสียงของวาฬแว่วมาจากร่องน้ำไกลๆ ฝูงโลมาโฉบมาใกล้ๆ เรือราวกับมาคอยสังเกตการณ์เรือลำนี้เช่นกัน
น้ำทะเลยังคงเรียบสงบใสเป็นประกายสีเขียวคราม แทบจะมองเห็นฝูงปลา และโขดหินเบื้องล่างคลื่นลมเงียบราวกับใครปิดสวิตช์ มีเพียงกระแสลมอ่อนๆท้องฟ้าแจ่มใสรับวันของทีมงานสำรวจ อย่างแท้จริง
ทีมดำน้ำเลือกลงทดสอบกระแสน้ำโดยรอบบริเวณเรือประมาณยี่สิบนาทีเพื่อเป็นการซักซ้อมสัญญาณต่าง ๆ ของทีม และเพื่อเป็นการยืนยันให้แน่ชัดว่าทั้งชนิกรรดา และอธิปจะสามารถดำน้ำแบบสคูบ้าในท้องทะเลลึกๆ เช่นนี้ได้อย่างไม่ต้องให้วิตกกังวลมากนัก
จริงๆ เพียงแค่ยี่สิบนาทีสำหรับวิษุวัตและกลุ่มคนที่คอยอยู่บนเรือช่างเหมือนเป็นเวลาที่ยาวนานอยู่ไม่ใช่น้อย ก่อนที่ทุกคนจะเตรียมตัวนั่งเรือเล็กออกไปสำรวจในบริเวณที่ใกล้ภูเขาหินพร้อมกับหาบริเวณให้ทีมไต่เขาได้ไต่ขึ้นไปเพื่อเข้าไปยังภายในด้านในของเทือกเขา
ซึ่งทีมของอาจารย์ภาณุและด้อกเตอร์แวนซิ่งไฮม์จะเป็นอีกทีมที่คอยสำรวจบริเวณรอบๆ ด้านนอก ยกเว้นเพียงแต่กัปตันเฟอร์ดินันด์และไดแอสที่จะคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในเรือ
บางความรู้สึกของวิษุวัตที่ปล่อยผ่านห้วงมหาสมุทรลงไปเขารู้ดีว่าเป็นเพียงการทดสอบการปรับตัวสำหรับนักดำน้ำที่ไม่ได้ลงน้ำเป็นประจำอย่างชนิกรรดาหรืออธิป แม้ทั้งสองจะมีบัตรสมาชิกของปาดี้ และแม้จะดูว่าเธอแข็งขันและพร้อมสำหรับการลงไปใต้ทะเลเพียงใดก็ตาม
แต่ในใจของเขาก็ยังอดห่วงเธอไม่ได้ อาจเป็นเพราะการต้องแยกไปไต่หน้าผานั่นเอง แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นว่าเธอคงเป็นบัดดี้ในการดำน้ำกับอธิปมาเป็นเวลานาน รวมทั้งวาสโกดา และเปเรสก็คงจะดูแลเธอได้เป็นอย่างดี
หรือมีสิ่งอื่นใดที่มากกว่านั้นในความรู้สึก...
วิษุวัตไม่อาจปฎิเสธตัวเองได้ว่าเธอมีแรงดึงดูดมากมายที่ทำให้เขาอยากใกล้ชิด อยากพูดคุยสนทนากับเธอมากมาย เช่นเดียวกับเสียงเรียกในฝันเมื่อครั้งที่กลับมาเมืองไทยใหม่ๆ
และตั้งแต่การพบกับเธอในครั้งแรกอย่างเป็นจริงเป็นจังในศูนย์อาหารของตึกเธอมีอะไรดูแปลกแตกต่าง ลึกลับชวนให้ค้นหา ข้อสำคัญ เหมือนมีความรู้สึกผูกพัน ราวกับว่าเวลาอยู่กับเธอแล้ว เหมือนโลกทั้งโลกไม่มีสิ่งอื่นใดอีก นอกจากเพียงเขาและเธอ
ความรู้สึกผูกพันกับหญิงสาวผู้นี้เริ่มจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา การยืนนิ่งๆชี้ชวนให้ชมฟ้าหมู่ดวงดาวที่ระยิบระยับกับเธอ แม้จะไม่มีการสนทนาอื่นใดมากมายนักเพียงแค่เอ่ยถึงที่มาที่ไปของดาวนับหมื่นนับพันบนฟากฟ้าก็ทำให้เขายิ้มได้อย่างมีความสุข เป็นความอบอุ่นของสายใยที่ส่งผ่านถึงกันอย่างน่าประหลาด
นับเป็นความอบอุ่นครั้งแรกที่เขารู้สึกได้เหมือนกับเสียงในฝันที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น และเหมือนเป็นความสุขอย่างแท้จริง
เธอมีความรู้เรื่องหมู่ดาวบนฟากฟ้าและตำนานของดวงดาวอย่างดีเยี่ยมนอกเหนือไปจากความรู้เรื่องทางประวัติศาสตร์ที่น่าชื่นชม
ความสดใส อารมณ์ขันแม้ในบางขณะอารมณ์จะแฝงไว้ด้วยความดื้อรั้น เอาแต่ใจ ซึ่งแอบซ่อนอยู่ในน้ำเสียงและดวงตาคู่นั้นแต่นั่นก็เป็นเพียงอีกส่วนที่ที่ทำให้เธอดูแข็งกร้าวขึ้นมาบ้าง นอกเหนือไปจากความแข็งแกร่งมุ่งมั่น ที่ดูจะเป็นพลังที่แสดงออกมาให้รู้สึกได้อย่างเหลือเฟือ
การที่มีเสียงแสนไพเราะของเธอแจ้วๆเรื่องราวต่างๆ ให้เขาฟัง ช่างเป็นความอบอุ่น และสุขใจจนทำให้เขาแทบอยากจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
เสมือนโลกทั้งโลก ไร้ซึ่งกาลเวลา...ราวกับว่าไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีจุดสิ้นสุด
หากไม่ดึกมาก และลมเริ่มแรงเขากับเธอคงนั่งมองดูการเคลื่อนที่ของดาวดวงต่างๆ ไปจนถึงรุ่งเช้าเป็นแน่ อย่างไรก็ตามความคิดคำนึงที่สวยงามของเธอก็ตามมาแทรกซอนในความรู้สึกจนยากจะข่มใจให้หลับได้
แม้จะล่วงผ่านมาถึงเวลานี้ก็ตาม...
ชั่วอึดใจเปเรสก็ดำทีมคณะดำน้ำกลับขึ้นมาสู่ผิวน้ำ วิษุวัตและกียองตรงเข้ามาพร้อมช่วยเหลือชนิกรรดาเลือกส่งฟินตีนกบและของใช้ให้กียอง ก่อนจะพาตัวเองขึ้นมาตามบันไดเรือ
วิษุวัตจึงได้โอกาสรับร่างและช่วยปลดถังออกซิเจนของเธอกียองจึงต้องรับของอธิปต่อ โดยยังคงชำเลืองมองทั้งคู่อย่างเต็มไปด้วยคำถาม
ทั้งชนิกรรดา อธิป และคนอื่นๆ ที่กลับขึ้นมาจากท้องทะเลดูจะไร้ซึ่งความเหนื่อยเพลียแต่อย่างใด
ชนิกรรดาอมยิ้มส่งสายตากลับมา เมื่อเห็นทั้งท่าทีของกียองและวิษุวัตจนเขารู้สึกเก้อๆ อดนึกในใจไม่ได้ว่าราวกับเธอได้ยิน และรับรู้ความคิดคำนึงของเขา อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรที่เสียหายหรือโกหกหลอกตัวเอง วิษุวัตยิ้มตอบความรู้สึกนั้น พร้อมกับเสหันไปคุยกับอธิปแทน
“เห็นแล้วน่าสนุกนะครับนี่ขนาดแค่ซ้อมๆ ลองหยั่งน้ำทะเล จนผมชักอยากตามลงไปด้วย แต่ไม่ค่อยถนัดเลย ยิ่งดำน้ำลึกๆแบบนี้ด้วย”
“รับรองคุณวิษุวัตต้องชอบแน่ๆ แต่เก็บแรงไว้ปีนเขาดีกว่ามั้งครับ...งานนั้นผมขอผ่านแหะ แหะ เหมือนกลัวความสูงไงชอบกล”
“กลัวตกสวรรค์... พลัดหลงจากนางฟ้าอ่ะสิ”
ชนิกรรดาแกล้งแซว อธิปหัวเราะเก้อๆ อดคิดไปไม่ได้ หากมีความสุขบนสรวงสวรรค์อย่างชนิกรรดาเทวีว่าต่อให้เขาเป็นอธิปติ คงไม่ค่อยอยากลงมาลุย มาผจญความวุ่นวายสับสนในเมืองมนุษย์เป็นแน่แท้
หญิงสาวย่นจมูก หัวเราะเบาๆ ในความคิดของอธิป...
“แล้วนี่ลงไปจะเจอนางเงือกสักฝูงมั้ยหนอ”
โชคดีที่วิษุวัตยืนกั้นอยู่ ชนิกรรดาเลยได้ส่งตาเขียวไปแทนนี่หากไม่ยืนห่างมากนัก อธิปก็คงโดนหยิกอีกเช่นเคย...
“เป็นอย่างไรกันบ้างโลกใต้ทะเล”
อาจารย์ภาณุเดินมาสบทบจากทางที่นั่งด้านท้ายเรือพร้อมกับแวนซิ่งไฮม์พร้อมถามขึ้นอย่างสนใจ และเหมือนเจาะจงมาที่ชนิกรรดามากกว่า เปเรส หรือไดแอสที่กำลังทยอยกันขึ้นมาบนเรือ
“สวยมากค่ะ บริเวณนี้ทะเลใสสะอาด พื้นทรายใหม่มาก กระแสน้ำนิ่ง เปิดเส้นทางให้ประเมินระยะทางได้ง่ายขึ้น จริงๆ ก็ไม่ได้ดำน้ำลึกมาพักใหญ่แล้วเหมือนกันเลยเหมือนได้พักผ่อนเลยค่ะ “
“ผมถือว่าทางพวกคุณมาจดบันทึกเพื่อไว้ทำข่าวไม่จำเป็นจะไม่ต้องลงไปก็ได้นะ เพราะเดี๋ยวก็คงจะถึงเวลาสำรวจจริงกันละ”
อาจารย์ภาณุยังคงเสนอความคิดเดิมเช่นเดียวกับเมื่อตอนรับประทานอาหารเช้า แต่ชนิกรรดาก็ส่ายหน้าจนอาจารย์นักโบราณคดียิ้มบางๆ
“เพราะเท่าที่ดูไม่มีแนวชายหาดมีแต่หินใต้น้ำเต็มไปหมดแบบนี้ คงทำให้พวกคุณลำบากอยู่เหมือนกัน”
“น่าตื่นเต้นดีค่ะ ให้นั่งอยู่แต่บนเรือก็ไม่มีข้อมูลไปเขียนสิคะ...เราทำงานสำรวจกันนี่นาไม่ใช่มาชมวิวดำน้ำใต้ทะเลสักหน่อย...จริงมั้ยอธิป”
อธิปเงยหน้า พยักหน้ารับอย่างงงๆเพราะตัวเองยังคุยค้างกับเปเรส ที่ทำหน้าที่บันทึกภาพ และข้อคิดเห็นเรื่องใต้น้ำ
วาสโกดาหลังจากจัดแจงตัวเองกับอุปกรณ์ดำน้ำเรียบร้อยจึงเดินเข้าไปแจ้งผลการทดสอบ และปรึกษาถึงรายละเอียดใต้น้ำกับอาจาย์ภาณุและแวนซิ่งไฮม์อย่างเป็นทางการ ก่อนที่อาจารย์ภาณุจะกำหนดเวลาของภารกิจต่อไป
“งั้นพักต่อจากรอบนี้ เดี๋ยวกัปตันจะปล่อยเรือลงผมอยากให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมไว้เลย เปเรสจะนำทีมดำน้ำ ขอเวลาตรวจสอบเส้นทาง เพื่อหาแนวที่สามารถเทียบเรือเล็กได้สำหรับทีมไต่เขาก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้ พร้อมกับหาเส้นทางตามแผนที่ว่ามีโพรงถ้ำใต้น้ำอย่างที่เห็นในเครื่องนำทางหรือไม่...”
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง การเดินทางสำรวจจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง จากแนวภูเขาหิน และโขดหินก้อนเล็กก้อนน้อยที่ทอดตัวให้เห็นในระยะใกล้นั้นใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีที่เรือเล็ก และเรือยางติดเครื่องยนต์ทั้งสองลำจะมาถึงยังที่ลาดมากพอให้เทียบขึ้นไปยังโขดหินที่เนียน และปราศจากตะไคร่น้ำ เพื่อให้ทีมไต่เขา และทีมสำรวจแนวหินโดยรอบขึ้นไปได้อย่างสะดวก
อธิปรู้สึกตื่นเต้น และดีใจมากกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ชนิกรรดานั่งในเรือเล็กมาอย่างเงียบสงบพร้อมฟังคำแนะนำของวาสโกดา และเปเรสอยู่อย่างเงียบๆ
อธิปเริ่มมั่นใจเมื่อมองแนวภูเขาหินอันใหญ่โตอีกครั้ง มันช่างละม้ายภาพแกะสลักนูนสูงรูปหน้าคนในสมัย ทวารวดี แต่เขาไม่ค่อยอยากจะมั่นใจนัก เพราะบางมุม บางด้านนั้นเหมือนกับพระพักตร์ของเทพองค์ใดสักองค์ทางฝั่งตะวันตก...
ตัวรู้ ภายใน กระตุ้นความรู้สึกเหมือนจะบอกเขาว่าเป็นเทพผู้ดูแลท้องทะเล มหาสมุทรแห่งนี้... น่าแปลกที่เขารู้สึกเป็นงานที่ถึงแม้จะมีส่วนคล้ายกับศิลปะของทวารวดี แต่เขาก็ไม่เคยเห็นงานศิลปะแบบนี้ ณ ที่ใดมาก่อน
มันกลับเหมือนการผสมผสานของศิลปะของตะวันออกและตะวันตก จนเขาไม่อาจปักใจได้ว่าเป็นงานในสมัยทวารวดีได้อย่างเต็มที่เท่าใดนัก ว่ากันตามจริงแล้ว ความรู้ทางด้านศิลปะของเขาก็ออกจะเป็นสารคดีทางโทรทัศน์อีกเหมือนเช่นเคย
อาจารย์ภาณุและด็อกเตอร์แวนซิ่งไฮม์ได้รับเกียรติให้เป็นสองคนแรกที่ก้าวขี้นไปตามแนวโขดหินสีดำ อธิปเก็บภาพเบื้องหน้าให้มากที่สุด รวมถึงขณะที่เดฟรีต์ กียอง และวิษุวัตก้าวตามขึ้นไป
แสงอาทิตย์ยามเช้า ส่องเป็นประกายตัดกับแนวเขาหินเบื้องหน้า ซึ่งบัดนี้สูงท่วมหัว อธิปอดไม่ได้ที่จะแหงนมองความสูงของหน้าผา และทิวเขา
อย่างน้อยเขาก็รู้ตัวดีว่าเลือกไม่ผิด การดำน้ำเป็นอะไรที่น่าทำมากกว่าปีนเขา และเป็นภูเขาที่ค่อนข้างมีแหง่งหินตะปุ่มตะป่ำจนดูน่าหวาดเสียวว่าอาจจะได้รับอันตราย พอๆ กับตะไคร่น้ำที่จับไปทั่วบริเวณ ไม่น้อยไปกว่าการไต่เขาท้าทายกับความสูงที่เกือบเรียกได้ว่าเกือบๆ จะเป็นหน้าผาที่ตั้งฉากขนาดนั้น
ทีมอาจารย์ภาณุเมื่อปีนขึ้นไปได้เป็นที่เรียบร้อยหมดแล้วทุกคน จึงให้สัญญาณมือลงมายังเรือและทีมดำน้ำที่ยังอยู่ในเรืออีกลำเบื้องล่าง วิษุวัตส่งสายตา และรอยยิ้มลงมาทางชนิกรรดา จนอธิปสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งก็พอๆ กับกียองที่โบกมือหยอยๆ ให้รับรู้ว่าข้างบนพร้อมที่จะปฏิบัติงานแล้วเช่นกัน
วาสโกดา และเปเรสชี้แจงแนวอุโมงค์ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นหนึ่งในถ้ำใต้น้ำที่เข้าสู่ด้านในของเมืองอนินตระปุรา วาสโกดา ชายหน้าเหลี่ยม ผมสีทอง ผิวสีที่คร้ามแดดบ่งบอกถึงความชำนาญในทะเลได้เป็นอย่างดี
ซึ่งก็ไม่ต่างจากเปเรสเท่าใดนัก เพียงแต่เปเรสจะรูปร่างเล็กกว่าเล็กน้อย เขาถามความสมัครใจของชนิกรรดาและอธิปอีกครั้ง พร้อมกับย้ำว่า หากรู้สึกผิดปกติให้กลับขึ้นมาบนเรือเล็กที่ไดแอสผู้ทำหน้าที่เฝ้าเรือเล็กไว้ และถึงแม้จะพบอุโมงค์แล้วก็ตาม ห้ามมิให้เข้าไปโดยลำพังสองคนเป็นอันขาด
ชนิกรรดา และอธิปรับคำ แต่อธิปสังเกตเห็นแววตาแปลกๆ ของชนิกรรดา ซึ่งเขารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าใดนัก บางความรู้สึกทำให้เขาอดแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าเบื้องบนอีกครั้ง...
ฟ้าเป็นสีฟ้าสดใสราวกับแก้วผลึก ก้อมเมฆจับกลุ่มเป็นเหมือนพาหนะเดินทาง พระอาทิตย์มองเห็นเป็นดวงสว่างแสงสีขาวเจิดจ้า เปลวแดดเป็นประกายระยิบตัดกลับเกลียวคลื่นบนผืนน้ำ
กลิ่นไอของทะเลให้ความสดชื่นอย่างมากมาย เสมือนบอกให้รับรู้ถึงนิมิตหมายอันดีในการเริ่มต้นลงสู่การสำรวจใต้ทะเลอย่างเป็นทางการ แม้ธรรมชาติยิ่งเป็นใจมากเท่าใดก็ตาม ยิ่งทำให้อธิปอดประหวั่นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในใต้ท้องน้ำเบื้องล่างอันมืดมิดไม่ได้
พวกมารกำลังทำสิ่งใดอยู่...
หากวินาทีนี้เป็นวินาทีเริ่มต้นของภารกิจพิเศษจากสวรรค์แล้ว บรรดาเหล่ามารก็คงเตรียมการอย่างพรักพร้อมภายใต้น้ำทะเลสีครามอุ่นๆ แห่งนี้ก็อาจเป็นได้
อธิปกระตุ้นเตือนสติสัปปชัญญะทุกส่วนให้พร้อมขึ้นอย่างอัตโนมัติ เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นชนิกรรดามองเขาด้วยสายตามุ่งมั่น มีแต่ความแข็งแกร่ง เป็นดวงเนตรของเทวีชนิกรรดาที่พร้อมออกศึกอย่างเห็นได้ชัดเจน...
ไม่มีแววขี้เล่น...
ไม่มีรอยยิ้มที่เคยสดใส...
ไม่มีแรงหยิกที่คอยปรามเขาในห้วงแห่งความคิดอีกต่อไป...
นอกจากความพร้อมแห่งการต่อสู้และเผชิญหน้ากับอุปสรรคทุกประการ ไม่ว่าจะโลกแห่งนี้ หรือจากห้วงแห่งมิติที่ต่างออกไปก็ตาม...
******โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป*****