ริมหาด พรายทราย ฟองคลื่น จิบกาแฟ ริมหน้าต่างข้างๆ สวน
...สตูดิโอริมหาด...
Group Blog
 
<<
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
15 เมษายน 2555
 
All Blogs
 
จากฟากฟ้าสุราลัย...สู่แดนดิน บทที่ 10 "อุปริยา"











จากฟากฟ้าสุราลัย....สู่แดนดิน "อุปริยา"



....ฉันจะตามไปทั่วฟ้า ทั่วจักรวาลผ่านพื้นผิวแห่งทุกดวงดาว
สุดฟ้าสุราลัย สุดขอบแห่งห้วงมหรรณพ
ขอเพียงแต่ให้เธอรอฉันอยู่ เพื่อพบพาน.......


**************************************************




บทที่ 10


จดหมายเชื้อเชิญให้เข้าร่วมทำสกู้ปข่าวพิเศษ การตามรอยอารยธรรม เมืองโบราณแห่งทวาราวดี เป็นที่สนใจ และตื่นเต้นของฉายฉานบรรณาธิการบริหาร และเจ้าของนิตยสารวีแมนทูเดย์เป็นอย่างยิ่ง

งานใหญ่น่าสนใจระดับประเทศแบบนี้ ชื่อเสียงของอาจารย์ภาณุก็เป็นเครื่องยืนยันเป็นอย่างดี และได้เป็นเพียงนิตยสารฉบับเดียวด้วยแล้ว เขาแทบจะไม่ต้องคิดทบทวนพิจารณาแต่อย่างใด เพียงแต่อดจะประหลาดใจไม่ได้ ที่ชื่อของอธิปถูกระบุเจาะจงมาพร้อมกับชื่อของชนิกรรดา ซึ่งตามจริงแล้วอธิปนั้นก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานของกองบรรณาธิการแม้แต่น้อย

“แปลกเหมือนกันทำไมต้องระบุชื่อเชิญตัวมา แถมเป็นนายอธิปด้วยนะนี่”

ฉานฉายรำพึง แต่ช่างเถอะ ลูกค้าก็ไม่ต่างอะไรกับพระเจ้า อีกทั้งอธิปก็มีฝีมือทางถ่ายรูปอยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะไม่ระบุชื่ออธิปมา เขาก็คงไม่ส่งชนิกรรดาไปเพียงคนเดียว และเขาก็รู้ดีว่า หากชนิกรรดาเลือกผู้ร่วมเดินทาง ก็คงไม่พ้นอธิปอยู่ดี

สำหรับชนิกรรดาแล้ว ฉายฉานไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรมากนัก ตัวหญิงสาวเองดูท่าทางเธอก็ไม่ตื่นเต้นสักเท่าใด เพราะงานสกู้ปข่าวแบบนี้ อีกทั้งมีทีมจากต่างประเทศเข้าร่วมด้วย งานนี้ก็ไม่พ้นมือของเธอ ถึงแม้จะไม่ระบุชื่อมาก็ตาม


จริงๆ แล้ว อธิปเองนั้นตื่นเต้นมากกว่าฉายฉานหลายเท่านัก ขณะถูกเรียกตัวเข้ามาพบในห้องส่วนตัวพร้อมกับชนิกรรดาเช่นนี้ และเมื่อทราบรายละเอียด เขาก็เริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ แค่สังเกตจากท่าทีของชนิกรรดาที่แสดงออกกับจดหมายฉบับนั้น ก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี เธอนิ่ง และพยักหน้ารับอย่างไม่ตื่นเต้นแต่อย่างใด อีกทั้งความรู้สึกภายในเองก็กระซิบบอกเขาว่า เวลาแห่งภารกิจกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว



จะว่าไปแล้วหลังจากเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อน ครั้งที่ชนิกรรดาได้พบกับวิษุวัต และหลับใหลไปเกือบเป็นชั่วโมงที่โต๊ะอาหาร เธอเงียบขรึมพูดจาเล่นหัวน้อยลง อธิปเข้าใจดีว่า ต่อแต่นี้ไปคงจะไม่มีชนิเพื่อนสาวขี้เล่นช่างพูดคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เหลือเพียงรอยยิ้มอันเปี่ยมไปด้วยเมตตา และตั้งใจทำงานแน่แน่แห่งองค์ชนิกรรดา

“นางฟ้า เทพธิดาจริงๆ สินะ”

บางแวบของความรู้สึก ทำให้อธิปประหวั่นอยู่ไม่น้อย ผู้หญิงข้างๆ เขา ณ บัดนี้ นับเป็นอะไรที่ไกลสูงสุดเอื้อม แม้อาจจะล้อเล่นได้บ้าง แต่ก็คงต่างไปจากชนิเพื่อนสาวของเขา บางทีชนิอาจจากไปตลอดกาล

แต่สายตาของ ชนิกรรดา และรอยยิ้มที่ส่งผ่านมาให้เขา เป็นยิ้มที่อ่อนโยน สายตาที่เชื่อมั่น และห่วงใยในตัวเขา ไม่อาจทำให้เขาเคลือบแคลง นอกจากฟังคำสั่งของเธอ และทำหน้าที่ที่เขาจะพึงรับมาเท่านั้น

อย่างน้อยเขาก็เริ่มรู้แล้วว่า หน้าที่ของเขาคือเฝ้าร่างนี้ไว้ ในเวลาที่จะหลับ หลังจากนี้เธอจะหลับมากขึ้นอีกมั้ยหนอ แต่ก็น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย หลังจากที่ห้องอาหารของตึก เธอก็ยังไม่หลับนอกเวลา นอกสถานที่ หรือมีแสงแปลกใดๆ ออกมาให้เห็นอีกเลย

แต่อธิปก็อดคิดถึงการเดินทางไปร่วมงานกับทีมงานสำรวจ คงจะน่าแปลกเป็นอย่างยิ่งถ้าชนิกรรดาจะหลับใหลตลอดการเดินทาง

ความคิดอุตริก่อนจะโลดลิ่วไปไกล ก็ต้องสะดุดชั่วขณะ เมื่อแววตาดุๆ ของชนิกรรดา ส่งผ่านมายังเขา จนอธิปต้องทำหน้าจ๋อย ตาสำนึกผิดส่งกลับเป็นการขออภัยไปแทน

สักวันหนึ่ง... แม้จะมีวันเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด เขาก็ยังคงเชื่อมั่นว่าเขาจะได้พบกับชนิเพื่อนสาวของเขาอีกครั้ง ...


“ไหนๆ เขาก็เชิญ อีกทั้งระบุชื่อคุณอธิปนะ ไม่ส่งคุณไปก็คงจะเสียดายแย่...อีกอย่าง อาจารย์ภาณุเขาก็ระบุว่าพร้อมจะจ่ายเป็นหน้าโฆษณาอีกต่างหาก”

ฉายฉานเอ่ยย้ำขึ้นอีกครั้งก่อนเลิกประชุม

“ทำงานของพวกคุณให้เต็มที ในระหว่างนี้คงไม่มีงานอะไรของอธิปมากนัก ไม่ต้องห่วง หากใครมีอะไร ผมก็คงจะให้เข้ามาหาผมโดยตรงแล้วกัน เอ่อ! บางทีผมอาจเรียกเอมอรมาช่วยนั่งแทน เวลาผมไม่อยู่ เขาไม่ค่อยจะกินเส้นกับวัลลภเท่าไรนักนี่นะ..."

ฉายฉานหยุดเงียบไปก่อนเอ่ยเรื่องสำคัญต่อ

"อ๋อ! อีกอย่างผมเตรียมเงินสำรองค่าใช้จ่ายให้พวกคุณแล้ว เดี๋ยวอย่าลืมไปแวะรับที่คุณพงศ์อมรได้เลย…หาภาพสวยๆ มาขึ้นปกให้ผมด้วยนะอธิป”

“ครับ...ผมจะทำหน้าที่ที่ได้รับมาอย่างดีเลย... จะทำงานให้ดีที่สุดครับ”

อธิปรู้ดีว่าไม่ได้ตอบแค่ฉายฉาน แต่ตอบให้คนข้างๆ และใครอื่นที่อยู่ส่วนไหนของโลกให้รับรู้

ภารกิจแบบไหนหนอ ที่ต้องส่งให้เป็นงานของหญิงสาว นางฟ้า เทพธิดาสาวแสนสวยองค์นี้..



อธิปนัดแท็กซี่ให้มารับที่บ้าน เพื่อไปให้ทันนัดกับวิษุวัตที่สนามบินตอนหกโมงเช้า การตื่นตั้งแต่ก่อนตีห้าไม่ใช่วิสัยปกติของเขานัก แต่เช้านี้เขาก็ตื่นมาอย่างสดชื่น เหมือนพร้อมชาร์จไฟมาอย่างเต็มที่ สำหรับชนิกรรดา เธอพร้อมยิ้มรับวันใหม่อย่างสดใส เหมือนไปวิ่งมาสักสิบรอบแล้ว

การเดินทางครั้งนี้ เป็นการเริ่มตั้งต้นภารกิจที่เขารู้ดีว่า ไม่มีอะไรต้องห่วงเบื้องหลัง ไม่ว่าพ่อของเขา หรือแม่ของชนิกรรดา ความเป็นเพื่อนของคนทั้งคู่มีมาอย่างยาวนาน และคงจะมีกันตลอดไป บางความรู้สึกอาจทำให้เขาโหยหาอาวรณ์ แต่ปิติสุขที่เกิดในจิตใจขณะนี้ กลับเป็นพลังที่กล้าแข็ง ที่ไหลแผ่ซ่านเวียนอยู่ในตัวของเขา

“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงพวกเขาหรอก ทำใจให้ดีเถิด ข้างหน้าที่เราจะต้องไปทำ เป็นบุญบารมีมหากุศลอันยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาด้วยเช่นกัน”

ชนิกรรดากระซิบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานและนุ่มนวล ก่อนที่อธิปจะก้มลงกราบอำลาผู้เป็นพ่อ และแม่ของชนิกรรดา ทั้งคู่ต่างก็เป็นสายเลือด และญาติผู้ใหญ่เท่าที่เขามี

อธิปยอมรับการเผชิญหน้าแห่งความจริง แม้การร่ำลาครั้งนี้ อาจเป็นการพบและได้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายก็ตาม ความทรงจำในวัยเยาว์ และที่ผ่านมาที่ทำให้เขามีชีวิตมาจนถึงวันนี้ เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดหาประมาณมิได้

และดูเหมือนว่าครั้งนี้ คุณหมอกิติกร คงจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างเปิดเผยกับคุณณัฐฐา แม่ของชนิกรรดาได้มากกว่าความเป็นเพื่อนสนิทรู้ใจ ที่ต่างฝ่ายต่างเสียคู่ชีวิตกันไปนานแล้วสักที

ไม่มีอะไรข้างหลัง ที่จะต้องทำให้เขาห่วงกังวลอีกแล้ว มีเพียงเบื้องหน้าที่เขาต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่และสุดกำลัง...





“สวัสดีครับ คุณชนิกรรดา คุณอธิป...ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ”

เสียงของวิษุวัตเอ่ยทักทายขึ้น เมื่อทั้งอธิปและชนิกรรดามาถึงเคาน์เตอร์เช็คอิน ตามที่นัดหมายกันไว้ เขาเดินตรงเข้ามาหาชนิกรรดา อธิปยกมือไหว้ ทำความเคารพจนอดเผลอยืนมองผู้ชายตรงหน้าอย่างตั้งใจเสียไม่ได้

นี่เองวิษุวัตที่เขาสงสัยมาเป็นเวลานาน วิษุวัตร่างนี้หรือไม่ที่องค์ชนิกรรดาเฝ้าตามหา และเทพอธิปติเอ่ยถึงในความฝัน วิษุวัตที่ดูงามสง่า เต็มไปด้วยความรู้สึกอันอบอุ่น เแม้จะยังไม่เคยสนทนากันอย่างจริงจัง นอกจากเมื่อสองวันที่ผ่านมา กับการพบกันครั้งแรก แต่ความคุ้นเคยก็มีมาเหมือนเป็นแสนนาน

อธิปเองก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างเลาๆ ถึงความผูกพันของทั้งชนิกรรดา และวิษุวัต แม้ในสายตาของ ชนิกรรดาเท่าที่เขามองเห็นในขณะนี้ แม้จะยังไม่มีความสุขมากนัก แต่เธอก็แสดงออกถึงความดีใจไม่น้อยที่ได้พบกับวิษุวัตในครั้งนี้ แววสดใสมีชีวิตชีวาปรากฏในดวงหน้าและดวงตาทั้งสองของเธออีกครั้ง


“ดื่มกาแฟกันก่อนนะครับ อีกเกือบชั่วโมงเครื่องถึงจะออก ”

วิษุวัตเดินนำไปที่มุมร้านกาแฟ ไม่ห่างจากเคานท์เตอร์เท่าใดนัก

“พวกเขารู้จัก มีข้อมูลอาณาจักรอนิตตระปุราแค่ไหนกันคะ”

ชนิกรรดาเอ่ยขึ้นเบาๆ ในระหว่างที่กำลังดื่มกาแฟ วิษุวัตรู้สึกฉงนเล็กน้อย เขาจำได้ว่าไม่ได้เอ่ยชื่อเมือง หรือชื่ออาณาจักรลงไปในจดหมายอย่างแน่นอน แต่หญิงสาวตรงหน้าเขากลับเอ่ยชื่อเมืองแห่งนี้ได้อย่างคล่องปาก และคุ้นเคย

บางทีคงเพราะเธอเรียนมาทางสาขาประวัติศาสตร์ เธอคงผ่านตาชื่อเมืองนี้ อย่างน้อยก็มากกว่าตัวเขาเองที่เพิ่งได้ยินจากอาจารย์ภาณุ เมื่อเขาได้รับข้อมูล และเรื่องราวจากอาจารย์ภาณุผ่านทางโทรศัพท์ทางไกล

“พวกเขา...เอ่อ...”

คำว่าพวกเขาเช่นกัน มันทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่าง น่าแปลกที่เธอกลับไม่รวมเขาอยู่ในกลุ่มของอาจารย์ภาณุที่กำลังแยกเดินทางไปรอพบที่ปลายทางพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของต่างประเทศ

มันถูกแบ่งแยกสาย เป็นพวกเขาอย่างที่ชนิกรรดาเอ่ยจริง ๆ ...

บางสิ่งเกี่ยวกับอาจารย์ภาณุยังติดค้างในใจเขาอยู่เงียบๆ เอกสารเกี่ยวกับเมืองอนิตตระปุรา ถูกส่งมาเมื่อวันก่อน พร้อมกับอาจารย์ได้โทรศัพท์มาให้เขาจัดหาทีมงานนิตยสารคนไทยไปร่วมสบทบทีม การสำรวจถูกจัดตั้งขึ้นอย่างรวดเร็ว แทบไม่มีการนัดแนะกันล่วงหน้า ด้วยซ้ำ มันทำให้เขาค่อนข้างแปลกใจในการทำงาน

นั่นหมายความว่า ทีมคนไทยที่นอกเหนือจากอาจารย์ภาณุ จะมีเพียงเขา ชนิกรรดา และอธิปเท่านั้น บางทีอาจเป็นวิธีการทำงานเริ่มแรกสำรวจ หาข้อมูล ก่อนลงพื้นที่จริงก็อาจเป็นไปได้ ทีมของหญิงสาวคนนี้คงเตรียมหาข้อมูลมาเป็นที่เรียบร้อย

“ทราบเท่าที่พบข้อมูลว่า เป็นเมืองคู่แฝดของ กิลังปุระ นั่นแหละครับ เพียงแต่ อนิตตระปุรา เป็นอาณาจักรกลางทะเล”

“โอ!! อาณาจักรกลางทะเล...”

อธิปอุทานอย่างลืมตัว อย่างสงสัยชนิกรรดา แต่ความคิดก็ต้องมลายหายไป ถึงเธอจะเป็นแค่ชนิ ก็คงไม่มีเมืองโบราณแห่งใด ไม่เป็นที่รู้จักของชนิกรรดาอย่างแน่นอน

“ครับ เป็นเมืองหน้าด่านสำคัญ ด่านแรกๆ สมัยทวาราวดี หรือศรีวิชัยทางตอนใต้นั่นแหละครับ...ทางอาจารย์ภาณุมีบันทึกที่กล่าวถึงเมืองนี้ ว่าเป็นเมืองที่เจริญอย่างสูงสุด เนื่องจากเป็นเมืองท่าหน้าด่านสำคัญแห่งหนึ่ง ก่อนถึงแหลมสุวรรณภูมิ... น่าเสียดายที่เรามีข้อมูลของเมืองนี้น้อยมาก เพราะเมืองนี้จมหายไป”

“ฟังแล้วอย่างกับแอนแลนติสเลยนะนี่...”

อธิปยังพึมพำกับข้อมูลที่ได้รับ เขาฟังอย่างตั้งใจ

“ผมเองก็ยังไม่ได้ทราบข้อมูลอะไรละเอียดนัก มีเพียงข้อมูลที่ทางเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส เยอรมันส่งมาให้ ผมเองก็ยังไม่เห็นข้อมูลอะไรมากกว่าตัวหนังสือจากโทรสาร กับโทรศัพท์ที่อาจารย์ให้ติดต่อคนจากนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ให้ไปรวมทีม”

“เป็นโชคดีของพวกเราจริงๆ”

อธิปยังคงพึมพำ และกำลังจะตั้งต้นคิดอะไรไปไกลอีก แต่ก็โดนชนิกรรดาดักทางหยิกที่น่องของเขาอีกตามเคย

“จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่จริงๆ แล้ว...”

วิษุวัตนิ่งไปชั่วขณะ เขาเองก็แปลกใจเหมือนกันที่หญิงสาวตรงหน้าผู้นี้ เพียงพบกันครั้งนั้น ครั้งแรก และครั้งเดียว แต่เธอก็ตามเข้าไปในทุกความรู้สึก แม้ว่าเสียงหวานจากความฝันที่เคยพร่ำเรียกจะจางหายไป แต่ดวงหน้าของเธอกลับแทรกอยู่ในความคิดคำนึงของเขาอยู่ตลอดแทน

“ผมไม่เคยมีเพื่อนทำงานด้านสื่อมาก่อน และเมื่อผมได้รับคำสั่งให้ต้องติดต่อ และเลือกให้มาร่วมทีม ก็คงเป็นใครไม่ได้หรอกครับ”

อธิปสังเกตบางสิ่งซ่อนในดวงตาของวิษุวัต จะว่าเป็นความเขินอายก็ไม่ใช่ที่ บางทีอาจจะเป็น... คราวนี้ชนิกรรดาหยิกเข้าที่แขนอธิป จนเขาร้องลั่น เพราะมันเจ็บกว่าทุกๆ ครั้ง

“จ๊าก-ก-ก-ก-ก-ก!!”

“เป็นอะไรหรือครับ”

“มดยักษ์กัดครับ แหะ แหะ”

อธิปเสเป็นเรื่องตลก ก่อนขยับตัวลุกขึ้นมานั่งลงข้างๆ วิษุวัต ตรงข้ามกับชนิกรรดา

“ตรงนี้ปลอดภัยกว่าแน่นอนครับ...มดเยอะ มดเยอะ”

ชนิกรรดาค้อนอธิป วิษุวัตรู้สึกงงๆ กับท่าที เขารู้สึกถึงความสนิทสนมของทั้งสองคนนี้ เหมือนเพื่อน เหมือนพี่น้อง กันมากกว่าจะเป็นแฟนกันอย่างแน่นอน
หญิงสาวอมยิ้มจิบกาแฟอย่างสบายใจ ก่อนเอ่ยให้ทุกคนกลับมารวมกันในเรื่องงานอีกครั้ง

“อยากถ่ายข้อมูลให้ตอนนี้เลยมั้ยคะ เพราะไม่เห็นคุณมีเอกสาร นอกจากโน้ตบุ้ค กับไดรว์ที่ห้อยคออยู่นี่”

“ครับ...เดาแม่นจริง ๆ แต่ผมว่า คุณชนิกรรดาเอ่ย อนิตตระปุรา เหมือนทราบข้อมูลมากกว่าทางที่อาจารย์ภาณุมี”

“พอมีค่ะ...แต่นักประวัติศาสตร์หลายๆ ท่านเชื่อว่าเป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น จึงไม่มีการรับรองอาณาจักรอนิตตระปุราขึ้นมาในหน้าบันทึกของประวัติศาสตร์...อีกอย่างนะคะ อาณาจักรอนิตตระปุราก็สมควรที่จะเลือนหายเพราะความสำคัญที่ไม่ต้องการให้ใครจดจำมากกว่าค่ะ”

วิษุวัตขมวดคิ้วกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ อธิปเองก็งุนงงไม่ต่างกับวิษุวัตเท่าใดนัก

“สำคัญจนไม่ต้องการให้จดจำ...แปลกดีครับ เป็นข้อมูลใหม่จริงๆ”

“ใช่ค่ะสำคัญมาก จนสมควรที่จะถูกลบเลือนไปให้เสมือนหนึ่งว่า ไม่มีอาณาจักรแห่งนี้ เพราะมิฉะนั้น อาจจะเป็นภัยยิ่งใหญ่ก็ได้ หากผู้ครอบครองอาณาจักรนั้นไม่มีความดี ขาดซึ่งคุณธรรม จริยธรรม ธรรมชาติจึงทำลายตัวเองเสีย...นั่นเป็นตำนานหนึ่งที่เล่าขานกันมาค่ะ”

“ฟังแล้วยิ่งเหมือนแอนแลนตีส คล้ายกับอียิปต์ คล้ายไดโนเสาร์สูญพันธุ์ ...”
อธิปออกความเห็นบ้าง เท่าที่ตัวเองพอมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์แบบฉบับสารคดีในโทรทัศน์

“จักรวาลนี้ยังคงมีความลับ...เพื่อสร้างสมดุลให้กับโลกนี้ค่ะ”
ชนิกรรดายิ้มอย่างสดใส ความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มมากขึ้น อย่างน้อยเขาก็ดีใจกับตัวเอง ที่เลือกคนไม่ผิดมาร่วมงานนี้

“แล้วทำไมอาจารย์ภาณุถึงจะต้องอยากค้นเมืองนี้ล่ะครับคุณวิษุวัต ...อะไรคือจุดประสงค์ หรือว่าความสำคัญลึกลับที่ชนิกรรดาว่า ”

วิษุวัตนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย น่าแปลกใจที่เอกสารใดๆ ไม่ได้ระบุถึงอย่างละเอียดจุดประสงค์มากนัก นอกจากแนวแผ่นดินไหวบริเวณรอบเกาะสุมาตราที่ผ่านมา ทำให้ทางคณะต่างประเทศเริ่มให้ความสนใจกับดินแดนที่โผล่ขึ้นมานี้

เขากำลังยอมรับความจริงว่า เขาแทบไม่รู้ความต้องการของอาจารย์ภาณุแม้แต่ และเมื่อรวมกับตำนานที่ฟังจากชนิกรรดาด้วยแล้ว เมืองนี้ไม่สมควรจะถูกค้นหาเสียด้วยซ้ำ...

“เพราะแผ่นดินไหว และการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกไงอธิป เพราะธรรมชาติของโลกกำลังจะเปลี่ยนไป ไม่ช้าหรือเร็วจะต้องมีคนค้นพบเมืองนี้ และจะต้องค้นพบก่อนที่ความสำคัญของอาณาจักรแห่งนี้จะเปิดเผยออกมา...ก่อนที่พวกล่าสมบัติ พวกต้องการครอบครองจะแห่กันไปสร้างความหายนะให้กับเมืองนี้ไง” ่

ชนิกรรดาช่วยตอบแทนให้กับวิษุวัต เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน สองหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้ว่าทุกคนจะสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ และไม่เข้าใจอยู่บ้างก็ตาม

“หน้าที่ของพวกเรา คือพิทักษ์สมบัติของธรรมชาติ ไม่ให้มีผู้ใดได้ครอบครอง เหมือนเมื่อครั้งหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว...เพื่อช่วยสร้างสมดุลให้กับมนุษยชาติ โลกและจักรวาลนี้”

เหมือนโลกหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ด้วยเสียงแผ่วพลิ้วเบาๆ ของเธอ และดังก้องสะท้อนกังวาลไปมาอยู่ในห้วงแห่งความคิดของทั้งสองคน...

สติคืนกลับมาอีกครั้งพร้อมๆ กับที่เสียงประกาศเที่ยวบินเรียกให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง

การเดินทางกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว... อธิปบอกกับตัวเอง



***โปรดติดตามอ่านบทต่อไป***





Create Date : 15 เมษายน 2555
Last Update : 15 เมษายน 2555 12:46:45 น. 7 comments
Counter : 574 Pageviews.

 
เห็นวิวแล้วตกใจ ไหนๆ ก็ไหน แอบเก็บไว้ปลื้มหน่อย

Create Date : 15 เมษายน 2555
Last Update : 15 เมษายน 2555 12:46:45 น.
0 comments
Counter : 1045 Pageviews.


แงง แอบหงอยทำไมเรื่องนี้แฟนคลับหาย เมี้ยว เมี้ยว


โดย: พรายทราย IP: 110.77.162.83 วันที่: 16 เมษายน 2555 เวลา:19:40:37 น.  

 
ไม่ได้หายค่ะแอบอ่าน แอบให้กำลังใจอยู่เงียบๆ สนุกดีค่ะ มาต่อไวไวนะคะ


โดย: Pui pui IP: 98.232.246.132 วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:13:19:13 น.  

 
คุณ Pui pui

โอ้ ชื่นใจ ดีใจ สุดๆๆ
ขอบคุณมากๆ ค่ะ สำหรับกำลังใจแม้จะเงียบๆ

แต่เห็นชื่อคนแอบอยู่บ้าง ก็ดีใจล้นแล้วค่ะ
ยังไงตามอ่านต่อเรื่อยๆ นะคะ แอบๆ ก็ได้ค่ะ อิอิ

เรื่องนี้ลงก่อนวันที่ 1 กับวันที่ 15 ค่ะ เดือนละสองครั้ง อยากปะไวๆ เหมือนกันค่ะ แต่ตามกติกาเขาให้ลงแค่สองครั้ง หงือ หงือ

แล้วเจอกันปักษ์หน้านะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:19:40:56 น.  

 
คุณ Pui pui ระหว่างรอก็อ่านเรื่องอื่นในบล็อกไปพลางๆ ก็ได้ค่ะ อิอิ


โดย: พรายทราย วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:19:41:51 น.  

 
ตอนนี้ไปแอบอ่านlove@horizon อยู่ค่ะ ตกหลุมรักลุงธันเลยค่ะ


โดย: Pui pui IP: 70.102.55.192 วันที่: 21 เมษายน 2555 เวลา:6:17:01 น.  

 
โอ้ ขอบคุณคุณ Pui pui ค่ะที่ติดตามอ่าน
ดีใจจังมีอีกคนแล้วที่รักลุงธันว์

อ่านให้สนุกนะคะ


โดย: พรายทราย วันที่: 23 เมษายน 2555 เวลา:17:36:08 น.  

 
รายละเอียดพวกนี้ผมลืมๆ ไปหมดแล้ว เลยต้องมารื้อฟื้นใหม่พร้อมๆ อธิปเลยครับ


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 5 มิถุนายน 2555 เวลา:1:16:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พรายทราย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








** ภาพสวยๆ เล็กตรงนี้ Tuscan Terrace ผลงานของ Sung Kim

เคยมั้ยนั่งอยู่ในสวนสวย พร้อมกับจิบกาแฟนั่งมองเกลียวคลื่นซึมซับเข้าหาทราย มันเป็นมุมพักผ่อนที่แสนจะเป็นสุขของเรา...

ขอยืมภาพวาดสวยๆ มาใช้ประดับบ้านเฉพาะกิจก่อน
เก็บไว้นานแล้ว ของใครบ้างหนอ...



**สำหรับคนชอบลอก แอบโกปี้ และตัดปะ**

คิดเอง เขียนเองเถอะค่ะ ...

ความสนุกของการเป็นนักเขียนเรื่องสั้น นิยาย มันอยู่ตรงนี้
แม้มันจะเหนื่อย ล้า เปลี้ย หมดพลัง แค่ไหนเราก็ยังพอใจ ที่ได้สนุกสนาน ได้ร่วมโลดลิ่ว..

ได้รัก ได้เกลียด ได้กินข้าว ได้เต้นระบำ ได้ตบตี ได้เจ็บช้ำ ไม่สบาย ร้องไห้ หัวเราะ ได้ร่วมไปในทุกๆ อารมณ์ กับตัวละคร

ที่พวกชอบลอกนี่จะไม่มีวันได้รู้แน่ๆ ว่าอารมณ์อย่างนั้นมันเป็นอย่างไร...

**และคุณก็ไม่มีวันเป็นคนเขียน เป็นนักเขียนได้เลย


******************************


Friends' Blogs

ลายปากกา

นิตยสารออนไลน์รายสัปดาห์ อ่านสนุก


Branica Web Counters
Friends' blogs
[Add พรายทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.