Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 

ณ บ้านพักคนชรา



ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง ลองอ่านดูแล้วจะรู้ว่ามันเศร้าเกินไปนะ



บ้านพักคนชราที่ผมไปเยี่ยมเยืยนมาหลังวันเกิดในเดือนที่แล้ว เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวไม่ใหญ่โตนัก ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของวัดเล็กๆ ที่สมภารเจ้าอาวาสอดีตนักเรียนโรงเรียนเดียวกับผม ท่านเอาเงินที่ญาติโยมศรัทธาถวายท่านมาปลูกสร้างเพื่อให้ผู้เฒ่าผู้ชราได้มาพักอาศัยยามเมื่อขาดที่พึ่งพิง มีโยมผู้หญิงวัยกลางคนไร้ญาติและสิ่งเกาะเกี่ยวทางโลก มาบำเพ็ญธรรมโดยไม่บวชชี ท่วงท่าเจรจาพาทีดูสำรวมราบเรียบ พร้อมเด็กวัดลูกชาวบ้านแถบนั้นแวะเวียนผลัดเปลี่ยนกันเป็นผู้ดูแล ผู้ชราทั้งหญิงชายที่ถูกทอดทิ้งรวม 13 ชีวิต ค่าจ้างคนดูแล น้ำไฟ เสื้อผ้ายารักษาโรค ข้าวปลาอาหาร สมภารใจดีอดีตนักเรียนช่างกลที่รอดตายมาจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหมาจ่ายคนเดียว โดยไม่เคยพิมพ์ฏีกาเรี่ยไรใคร พูดคุยกับท่านหลายเรื่องจนตอนจะลากลับผมควักเงิน 500 บาท ใส่ซองถวายท่านเป็นค่าใช้จ่าย

ท่านนึกอะไรขึ้นมาได้ ชวนผมเดินลงจากศาลาไปที่บ้านพักคนชราแห่งนั้น เปิดนรกบนดินอีกขุมหนึ่งให้คนบาปอย่างผมมีดวงตาเห็นธรรม โดยไม่ต้องฟังเทศน์เทียบชาดกบทใด ๆ หญิงชรารูปร่างเล็กผิวสองสีบอบบาง ทอดกายเหยียดตรงบนเตียงเล็ก ๆ แต่สะอาด มีผ้าห่มผืนบาง ๆ ห่มปิดทรวงอกที่ยังกระเพื่อมเบา ๆ ราวเครื่องยนต์ใกล้ดับอย่างเหนื่อยหน่าย แม่เฒ่าพยายามยกมือขึ้นประนมไหว้ เมื่อท่านสมภารพาผมมานั่งอยู่ข้างขอบเตียง กังวานน้ำเสียงแห่งพุทธบุตรผู้เมตตาเปล่งวาจาถามไถ่อาการ และให้ศีลให้พรเบาๆ แต่เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่หยาดน้ำตาแห่งความปิติท่วมท้นดวงตาสีขาวขุ่น แล้วค่อย ๆ ซึมเซาะรินไหลไปตามร่องขอบตา ที่เหี่ยวย่นบนใบหน้าเวทนา จนผมต้องเบือนหน้าหนี ผู้เฒ่าอายุ 91 ปี อาวุโสสูงสุดในจำนวน 13 คนชราของที่นี่

เรื่องราวทั้งหลายในอดีตยังเจิดจ้าอยู่ในความทรงจำ เหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน....... แม่เฒ่ามีลูกชายสองคนและหญิงหนึ่งคน 60 ปีที่ผ่านมาครอบครัวแม่เฒ่าจัดอยู่ในระดับผู้มีอันจะกินของจังหวัด สามีของแม่เฒ่ามีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ก่อร้างสร้างตัวจากกรรมกรกินค่าแรงรายวัน โดยแม่เฒ่ารับจ้างทอผ้าอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่ง อดออมสะสมจนฐานะดีขึ้น สามารถสร้างหลักฐานจนมีที่ดินบ้านช่องสมฐานะ แต่สามีก็ยังทำงานหนักไม่ยอมพักหวังจะฟูมฟักลูก 3 คน ให้อยู่อุ่นกินอิ่มโดยไม่ต้องลำบาก ช่วงนั้นแม่เฒ่าเลิกทอผ้าแล้ว อยู่บ้านเลี้ยงลูก 3 คนที่อยู่ในวัยซนไล่เรียงตามลำดับ เช้าวันหนึ่งเมื่อลูกชายคนโตอายุได้ 6 ขวบ สามีของแม่เฒ่าก็หลับไปไม่ตื่นมาร่ำลา หมอที่โรงพยาบาลบอกว่าสามีตับแข็งตายทั้ง ๆ ที่ไม่เคยแตะเหล้าสักหยด แม่เฒ่าเปลี่ยนสภาพบ้านพัก เปิดเป็นร้านค้าโชห่วยขายของ สารพัดชนิดอดทนอดออมเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน ให้ร่ำเรียนจนจบปริญญา ครอบครัวอบอุ่นพี่น้องรักใคร่กันดี ไม่มีเค้ารางว่าจะแตกหัก ดั่งหนึ่งคนละสายเลือด

ลูกชายคนโตแต่งงานไปกับลูกสาวเจ้าของร้านขายทองในตลาด ในชีวิตของแม่เฒ่าไม่เคยมีความสุขครั้งไหนเหมือนวันที่ลูกชายแต่งงาน สมบัติที่มีแม่เฒ่าจัดแบ่งเป็นสามส่วนให้ลูกชายคนโต เปิดร้านขายทองตามที่สะใภ้ต้องการ

ปีต่อมาลูกคนที่สองแต่งสาวเข้าบ้านอีกคน แม่เฒ่ายกบ้านและที่ดินที่เปิดร้านขายของสองคูหาสามชั้น ให้เป็นสมบัติของลูกด้วยความยินดีโดยที่แม่เฒ่าขอสิทธิ์แค่อยู่อาศัย

สองปีถัดมาลูกสาวคนสุดท้องแต่งกับข้าราชการระดับหัวหน้ากองในจังหวัด แม่เฒ่ายกที่ดินและเงินสดก้อนสุดท้ายของแม่เฒ่า รับขวัญลูกเขยด้วยความปรีดา

สัตว์โลกทั้งหลายล้วนเวียนว่ายก่อเกิดเพื่อมาชดใช้กรรมเก่า สะใภ้คนที่สองเริ่มจุดประกายแห่งการแตกหัก ตั้งแต่แต่งเข้าบ้านไม่เคยแม้แต่เสียบปลั๊กหม้อหุงข้าว แม่เฒ่ากลายเป็นทาสในเรือนซักผ้าทำกับข้าว จัดสำรับคับค้อนตั้งโต๊ะคอยท่าสองผัวเมียกินก่อนจนอิ่ม แม่เฒ่าจึงมีโอกาสได้กินของเหลือก่อนจะเก็บกวาดถ้วยชามไปล้าง กวาดเช็ดบ้านช่องเรียบร้อยแล้วจึงได้พักผ่อนด้วยการ เดินออกไปคุยกับเพื่อนบ้านในวัยไล่เลี่ยกัน

สะใภ้สองเข้มงวดแม้แต่ของสดทุกชนิดที่ซื้อมาทำกับข้าว ต้องถามราคาแล้วยกไปชั่งน้ำหนักราคาสินค้ากับเงินทอน ที่เหลือต้องตรงกับเงินที่ให้ไปตลาด แต่แม่เฒ่าก็ไม่เคยเก็บมาเป็นอารมณ์

แล้ววันหนึ่งสะใภ้สองก็จัดระเบียบการกินใหม่หล่อนไปสั่งผูกปิ่นโต เพื่อกินกันแค่สองผัวเมียแล้วสั่งให้ผัวจ่ายเงินให้แม่เฒ่าแค่วันล่ะยี่สิบบาท ไปหากินเอาเองด้วยเหตุผลโง่ ๆ คือต้องการประหยัด แต่ลึก ๆ ในใจไม่ต้องการให้แม่ผัวเม้มส่วนเกิน แม่เฒ่าคิดเอาเองว่าลูก ๆ คงไม่อยากให้แม่เหนื่อย จึงน้อมรับประกาศิตลูกสะใภ้ด้วยดุษฏี สองสามวันต่อมาแม่เฒ่าก็ลืมสิ้นเพราะความรักลูก

หลายครั้งที่แม่เฒ่าคิดถึงลูกชายคนโตที่เปิดร้านขายทองในตลาด แม่เฒ่าจะเจียดเงินที่เก็บออมไว้ ซื้อผลไม้ที่ลูกชอบติดมือไปด้วย แต่ทุกครั้งที่แม่เฒ่าเดินเข้าไปในบ้านสะใภ้ใหญ่จะมองอย่างเหยียด ๆ แล้วเดินหนีเข้าห้องแอร์ปิดประตูนอนดูโทรทัศน์ สั่งคนใช้ให้คอยสอดส่องเดินตามแม่เฒ่า เธอกลัวแม่ผัวขโมยของในบ้าน จะคุยกับลูกชายไอ้นั่นก็ออกอาการไม่ว่างถามคำตอบคำ เหมือนหนามตำโดนโคนลิ้นจนอ้าปากลำบากลำบน อึดอัดแม่เกรงใจเมีย แกล้งถอดสร้อยคอทองคำเส้นโต ที่ห้อยแขวนพระเครื่องราคาแพงในกรอบทองฝังเพชรพวงใหญ่ ขึ้นมาส่องทีละองค์ด้วยความเลื่อมใส และไม่แม้แต่จะชายตามองแม่เฒ่าที่นั่งซึมอยู่ข้างตู้ทองอย่างเดียวดาย เก้ ๆ กัง ๆ อยู่พักใหญ่ก็เดินออกจากบ้านลูกชายคนโตอย่างเหงา ๆ โดยมีคนใช้ของลูกหิ้วถุงผลไม้ตามมายัดคืนใส่มือ

ระหว่างทางก็แวะทักทายคนรู้จักเพื่อรักษามารยาท แต่ในใจของแม่เฒ่ามันวังเวงจนจำไม่ได้ว่าพูดคุยกับใครไปบ้างระหว่างทาง ลูกสาวคนเล็กที่แม่เฒ่าทั้งรักทั้งหวงนั่นแทบไม่ต้องพูดถึง เธอยื่นคำขาดกับแม่เฒ่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปเยี่ยม ว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปหาเพราะบ้านเธอมีแขก ที่เป็นลูกน้องของผัวและพ่อค้าวานิช เข้าพบผัวของเธอเพื่อขออำนวยความสะดวกในทางธุรกิจบ่อย ๆ และผัวของหล่อนก็ค่อนข้างเจ้ายศเจ้าอย่างถ้าแม่เฒ่ารักลูกก็ควรจะต้องรักษาเกียรติรักษาหน้าตาของผัวลูกด้วย แม่เฒ่าไม่เข้าใจว่าการรักษาหน้าตาของลูกเขยนั้นต้องทำอย่างไร

แม่เฒ่ายังเคยปลื้มกับคำชมของเพื่อนบ้าน เขาว่าแม่เฒ่าวาสนาดี ลูกเขยเป็นเจ้าคนนายคน แม่เฒ่าก็ได้แต่แอบปลื้มทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเป็นเจ้าคนนายคน จึงเหมือนกำแพงชนชั้นปิดกั้นระหว่างความเป็นแม่ลูก จนหนักหนาสาหัสขนาดนั้น

ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมารายรอบร้านค้าของลูกชายคนที่สอง กระทบธุรกิจของสองผัวเมียจนซวดเซ ของขายไม่ได้มากเหมือนเก่า ที่เอาอะไรมาวางก็ขายหมด ปัญหาและวิกฤติการเงินในบ้านส่งสัญญาณถึงขาลง สองผัวเมียเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง และแทบทุกครั้งลูกสะใภ้ก็จะฉวยโอกาสด่ากระทบแม่ผัวเป็นของแถมโดยไม่มีเหตุผลโดยที่ลูกชายก็ไม่ออกอาการปกป้องแม่เฒ่าแต่อย่างใด...

12 มิถุนายน 2530 ประมาณ 3 ทุ่มของคืนโลกาวินาศ ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยพยับเมฆสลับกับเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องเป็นระยะ ๆ ครู่ใหญ่ ๆ ต่อมาสายฝนจึงโปรยปรายชุ่มฉ่ำน้ำนองไปทั่วเมือง ลูกชายลูกสะใภ้ออกไปกินข้าวนอกบ้านยังไม่กลับ ปล่อยแม่เฒ่าเฝ้าร้านค้าคนเดียว แม่เฒ่าจำได้ว่าวัยรุ่นสองคนขี่รถเครื่องฝ่าสายฝนมาจอดหน้าร้าน ขอซื้อเบียร์หนึ่งขวด แม่เฒ่ารับเงินแล้วเดินเข้าไปเก็บในลิ้นชักโดยไม่ระแวงว่า สองวัยรุ่นแอบยกลังใส่บุหรี่ที่ลูกชายสั่งมายังไม่แกะกล่อง ช่วยกันแบกขึ้นรถขี่หายไปกับความมืด

ก่อนสี่ทุ่มเล็กน้อยสองผัวเมียจึงขับรถกลับเข้าถึงบ้าน ช่วยกันเก็บของเข้าร้าน วางของทุกชิ้นเข้าที่ ๆ เคยวางเมื่อไม่เห็นลังบุหรี่จึงหันไปตะโกนถามแม่เฒ่า ที่กำลังจุดธูปไหว้รูปสามีบนหิ้ง เพียงคำตอบที่แม่เฒ่าตอบว่าไม่เห็นก่อนปักธูปลงกระถางเสียงสบถด้วยคำหยาบของลูกชายก็ดังสวนสนั่นบ้าน ครู่เดียวทั้งลูกสะใภ้กับลูกชาย ก็สลับปากจิกหัวด่าแม่ กึกก้องประสานเสียงกับสายลมนอกบ้าน ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถไปโรงพักแจ้งจับแม่ลักทรัพย์

ตำรวจพาแม่เฒ่าไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะร้อยเวร แม่เฒ่าให้การไม่รู้ด้วยซื่อบริสุทธิ์ โดยไม่ตัดพ้อต่อว่าลูกชายแม้แต่คำเดียว กว่าชั่วโมงในห้องแอร์เย็นเฉียบ แต่ในอกในใจของร้อยเวรหนุ่มร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟนรกแผดเผา ที่ต้องวิงวอนสองผัวเมียให้เห็นบาปบุญคุณโทษ แต่สองผัวเมียกลับโยนภาระตอกย้ำให้ตำรวจอบรมแม่เฒ่า ก่อนที่จะสะบัดก้นกลับไปบ้าน โดยไม่ใส่ใจแม่เฒ่าที่เปียกฝนนั่งสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ สายฝนยังสาดซัดกระหน่ำหนักเหมือนฟ้าแตก ตำรวจยศนายดาบขับรถร้อยเวรมาส่งแม่เฒ่าที่บ้าน บ้านซึ่งประตูเหล็กถูกปิดสนิท

แม่เฒ่าลงจากรถเดินฝ่าฝนถึงหน้าบ้าน แล้วแม่เฒ่าก็ตกใจสุดขีดกับภาพเบื้องหน้าที่พื้นหน้าบ้าน เสื้อผ้าเก่า ๆ ยัดแน่นอยู่ในถุง ถูกโยนออกมากองเรี่ยราดเหมือนขยะ บนกองเสื้อผ้าของแม่เฒ่า กระถางธูปและรูปถ่ายของสามีแตกกระจายเกลื่อนกลาด หยาดฝนสาดซัดรูปถ่ายขาวดำของสามีจนเปียกปอนขาดวิ่น แม่เฒ่าก้มลงหยิบรูปของสามีมากอดแนบอก น้ำตาแห่งความรันทดทะลักล้นปนน้ำฝน ปวดร้าวเหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางใจ แม่เฒ่ากอดรูปนั้นไว้เหมือนจะปกป้องจากสายฝนสุดชีวิต สองเท้าออกก้าวช้า ๆ เหมือนร่างไร้วิญญาณเข้าตลาด ไปหยุดนิ่งอยู่หน้าร้านขายทองของลูกชายคนโต เหมือนเป็นการบอกลา แล้วลัดเลาะฝ่าความมืดและสายฝน ไปยืนอยู่หน้าบ้านลูกสาวคนเล็ก เก็บภาพแห่งความรักความทรงจำสุดท้ายเป็นครู่ใหญ่ จึงเดินจากไปท่ามกลางเสียงกึกก้องของฟ้าร้องระงม สลับกับเสียงฟ้าผ่าแน่นหนักเป็นระยะ ดั่งเจ้ากรรมนายเวรกำลังเร่งรีบกรีดนิ้วกัมปนาทบรรเลงเพลงกรรมในอดีตชาติ ติดตามมาทวงคืนให้แม่เฒ่าต้องชดใช้อย่างบอบช้ำยับเยิน

รถกระบะเก่า ๆ คันนั้นวิ่งฝ่าสายฝนมาจอดสงบนิ่งอยู่หน้ากุฏิพระของสมภารเจ้าวัดตอนตีสามเศษ ๆ คนขับรถพบแม่เฒ่าเดินโซซัดโซเซอยู่ข้างถนนเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย ด้วยใจเมตตา เมื่อแม่เฒ่าต้องการมาที่นี่ จึงขับรถมาส่งด้วยความสังเวช แม่เฒ่ามักคุ้นกับสมภารวัดนี้มานานแล้วตั้งแต่เจ้า อาวาสองค์เก่ายังอยู่ แล้วนาทีสุดท้ายของการตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิต จึงไม่มีที่ไหนอบอุ่นให้พึ่งพิง เหมือนร่มเงาฉัตรแก้วกงธรรมแห่งรัตนะทั้งสาม

ฟ้าเริ่มขมุกมัวใกล้ค่ำลงทุกขณะ ผมจำเป็นต้องบอกลาท่านสมภารและแม่เฒ่าเจ้าของเรื่องราวน่าสลด นับแต่นาทีแรกที่แม่เฒ่ามาถึงที่นี่จนวันนี้ แม่เฒ่าไม่เคยออกไปนอกวัดเหมือนๆกับที่ทรพีทั้งสามคนก็ไม่เคยออกติดตามถามหา จะรู้หรือไม่ก็แล้วแต่ว่าแม่ซมซานมาอยู่วัด แต่ก็ไม่เคยปรากฏแม้แต่เงาของสามเนรคุณ ผมลากลับออกมาทั้งที่น้ำตานองหน้า และนี่คือประโยคสุดท้ายที่แม่เฒ่าเอ่ยก่อนผมลากลับ..

“แม่จำลูกได้ทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนโต จะทุกข์จะสุขก็คือลูกของแม่ แม่ให้โดยไม่เคยวาดหวังจะได้จากลูกทุกคนเป็นการตอบแทน ลูกเอ๋ย...เมื่อลูกยังเป็นทารกทุกครั้งที่แนบอกดูดดื่มน้ำนมจากเต้า สองมือน้อย ๆ ของเจ้าไขว่คว้าอยู่ไหว ๆ วันนี้แม่สิ้นแรงแทบสิ้นใจจะมีมือของลูกคนไหน เอื้อมมาปิดตาให้แม่ก่อนสิ้นลม.....”



บ้านแห่งรัก
บ้านพักคนชรากับปัญหาผู้สูงอายุ




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2548
41 comments
Last Update : 3 สิงหาคม 2551 18:49:14 น.
Counter : 1883 Pageviews.

 

ไม่น่าเชื่อจริงๆครับว่าชีวิตคนจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้

คอมเม้นท์ไม่ออกจริงๆ

 

โดย: me2you 18 กรกฎาคม 2548 20:30:00 น.  

 

พูดไม่ออกเลยค่ะพี่จู

ทำไมทำได้ขนาดนี้ ไม่รู้พูดยังไง

เศร้าจริงๆค่ะ

ทำไม ต้องทำแบบนี้ด้วยนะ คนหรืออะไรเนี่ย

ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะจริง หรือไม่ แต่ก็ถ่ายทอดมาให้เห็นว่า

คนไม่รู้จักกตัญญู ก็มีอยู่ในโลกนี้
คนที่ไม่รู้จักรัก พ่อแม่ของตัวเอง ก็มีอยู่ในโลกนี้
คนที่ไม่รู้จัก สำนึกบุญคุณ ก็มีอยู่ในโลกนี้

ถ้ามีลูกแบบนี้ ในโลก (มีอยู่แล้วหล่ะ แบมคิด)
ไม่รู้จะด่าว่าอะไรดี

เศร้า ไปทำงานบ้านต่อดีกว่า

คิดถึงพี่จูค่ะ ฝันดีนะคะ

 

โดย: yadegari 18 กรกฎาคม 2548 20:51:07 น.  

 

เคยได้รับฟอร์เวิร์ดเมลเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน
เราว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้บนโลกนี้ค่ะ
ยังมีคนเลวอีกมากมายที่เลือกทางสบายของตนเป็นใหญ่ค่ะ

 

โดย: mungkood 18 กรกฎาคม 2548 21:17:09 น.  

 

เคยอ่านเมื่อนานมากๆ มาแล้วค่ะ ถ้าจำไม่ผิดและรู้สึกว่าจะเป็นเรื่องจริง (ไม่ยืนยันนะคะ)

แต่เรื่องแบบนี้ถ้าเป็นเรื่องแต่งจะดีที่สุดค่ะ เศร้าเกินไป แล้วก็ชั่วช้าเกินไป

 

โดย: สายลมโชยเอื่อย 18 กรกฎาคม 2548 21:24:42 น.  

 

อืมมมมมมม......

 

โดย: กุมภีน 18 กรกฎาคม 2548 21:28:33 น.  

 

อ่านแล้วเศร้ามากค่ะ พูดไม่ออก

 

โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) 18 กรกฎาคม 2548 21:34:12 น.  

 

เรื่องมันเศร้า จังค่ะ

 

โดย: ดา ดา 18 กรกฎาคม 2548 22:08:42 น.  

 

เคยอ่านเรื่องนี้แล้วค่ะ
น้ำตาซึมจะจริงหรือไม่
แต่เนื้อเรื่องสุดสะท้อนใจจริงๆ

 

โดย: prncess 18 กรกฎาคม 2548 22:29:36 น.  

 

วันนี้ตื่นเช้าขึ้นมา คิดว่าเป็นวันสดใส

แต่ตอนนี้ถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ อ่านไปร้องไห้ไป

เชื่อเป็นเรื่องจริง บางคนมีลูกเป็นสัตว์เป็นความจริงแน่นอน

อยากช่วยเหลือคนเฒ่าเหล่านี้จังเลย

 

โดย: เสียงซึง 18 กรกฎาคม 2548 22:33:34 น.  

 

มีหลายเรื่องราวเกี่ยวกับลูกอกตัญญู อ่านและฟังแล้วเศร้าใจทำไมหนอลูกถึงได้ทำกับพ่อแม่ได้ลงคอ

นิดเชื่อเสมอว่าพ่อแม่คือพระในบ้าน คือบุคคลสูงส่งที่ลูกๆ ต้องรักและเคาระบูชา ถ้าใครไม่ตอบแทนบุญคุณคนนั้นไม่เจริญแน่ๆ

 

โดย: JewNid 18 กรกฎาคม 2548 22:41:19 น.  

 

ขออนุญาตไม่อ่านนะ ยังเช้าอยู่เลย ยังไม่อยากเศร้านะคะ

 

โดย: Angel Tanya 18 กรกฎาคม 2548 23:07:53 น.  

 

พูดไม่ออกค่ะ

 

โดย: zaesun 18 กรกฎาคม 2548 23:12:17 น.  

 

พี่จูจ๋า ฝันดีนะคะ

จุ๊บๆๆ

มาทานข้าวฝีมือแบมดีกว่าค่ะ

 

โดย: yadegari 18 กรกฎาคม 2548 23:35:07 น.  

 

หวัดดีค่ะ อ่านแล้วน้ำไหลออกตาเลยค่ะ ให้หวลนึกถึงตัวเองค่ะ ว่า....ไม่บอกดีกว่า อิอิ ... มาตามไปฟังเพลงค่ะ ได้แล้วนะค่ะ

 

โดย: พี่เจี้ยวค่ะ (sutida_jeaw ) 19 กรกฎาคม 2548 6:14:51 น.  

 

เคยอ่านแล้วค่ะ ยังคิดอยู่เลยว่าเรื่องจริงหรือเปล่า ^^







...

 

โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) 19 กรกฎาคม 2548 7:39:41 น.  

 

นั่นนะซิ... มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า...?

 

โดย: wbj 19 กรกฎาคม 2548 8:52:13 น.  

 

ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็เศร้ามากนะคะ

 

โดย: อู้ค่ะ IP: 61.90.10.162 19 กรกฎาคม 2548 9:59:34 น.  

 

เศร้าจังคะ

 

โดย: Puklook IP: 158.108.25.45 19 กรกฎาคม 2548 13:32:46 น.  

 

เข้ามาส่งพี่จูเข้านอนค่ะ ฝันดีนะคะ พรุ่งนี้ไม่พบกัน หนึ่งวันนะคะ จะไปเป็นคนสวนค่ะ ละทิ้งโลกไซเบอร์ ค่ะ กลับคืนสู่ธรรมชาติค่ะ

 

โดย: อู้ค่ะ IP: 61.90.10.162 19 กรกฎาคม 2548 21:01:36 น.  

 

น้องอู้น่ารักจริง ขอให้มีความสุขกับสวนรังสิตและลูกๆค่ะ

 

โดย: Aisha 19 กรกฎาคม 2548 21:16:54 น.  

 

ป้าจูจ๋า
ป้าแจ๋วน้ำตาซึมแล้วค่ะ

 

โดย: ป้าแจ๋วแหวว 19 กรกฎาคม 2548 21:51:56 น.  

 

อืม.....

 

โดย: ทิชชูนิดนิด 21 กรกฎาคม 2548 11:23:35 น.  

 

อ่านแล้วน้ำตาจะไหลค่ะ..

 

โดย: nods 21 กรกฎาคม 2548 14:03:07 น.  

 

เส้าจังได้น้ำตาไป 1 ถัง

 

โดย: numning IP: 202.183.221.66 21 กรกฎาคม 2548 14:55:31 น.  

 

เศร้าจัง

พ่อแม่คือพระในบ้านของลูก

 

โดย: marinesnow 21 กรกฎาคม 2548 18:42:52 น.  

 

มาขอบคุณที่ครั้งหนึ่งเคยไปเยี่ยมบ้านเรา
การไม่สันโดษในการดูแลอ่านทำให้จิตเราฟุ้งซ่าน..มาลาชาวบล๊อกแก๊ง....สุขีอัตตานังปะริหะรันตุ

 

โดย: อนาคาริก IP: 203.188.9.97 22 กรกฎาคม 2548 4:04:01 น.  

 

ไม่ทราบว่าบ้านพักคนชรานี้อยู่ที่ไหนค่ะ จะได้ไปเยี่ยมและพูดคุยกับท่านบ้างให้คลายเหงา ขอบคุณค่ะ

 

โดย: nui IP: 203.146.146.245 27 กรกฎาคม 2548 18:19:18 น.  

 

ถ้าเป็นเรื่องจริงก็น่าสงสารมาก ๆ เลยค่ะ เข้าใจความรู้สึกของความเป็นแม่ ขอให้เด็ก ๆ ทั้งหลายที่ได้อ่านเรื่องนี้จงคิดถึงบาป บุญ ที่หนู ทั้งหลายได้ทำลงไปแล้วด้วย

 

โดย: แม่ลูกหมูลูกมิ้ง IP: 202.183.166.98 2 สิงหาคม 2548 14:13:05 น.  

 

นี้หรือคนไทย?...ขอให้เป็นเรื่องแต่ง...เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงคงจะเป็นเรื่องที่เศร้าที่สุดในชีวิตที่เคยอ่านและสะเทือนใจมากที่สังคมทุกวันนี้ มนุษย์วิ่งตามเงินซึ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุขซึ่งเป็นความสุขที่จอมปลอม การดูแลบุพการีเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามของคนไทย และควรที่จะปฏิบัติต่อไปโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น...มนุษย์ที่ไม่รู้จักบุญคุณคน โดยเฉพาะบุพการีแล้วไซร้ก็ไม่แตกต่างอะไรกับสัตว์เดรฉานเลย...คนเราทำอะไรไว้อย่างไรก็ย่อมได้รับการตอบกลับสนองอย่างนั้นแน่นอน โดยเฉพาะกับบุพการี...

 

โดย: จันทร์เจ้า IP: 220.160.158.20 19 เมษายน 2549 22:26:46 น.  

 

อยากทราบที่อยู่ของวัดนี้ค่ะ

 

โดย: ประนอม IP: 203.157.44.66 20 มิถุนายน 2549 9:55:23 น.  

 

สัตว์หนอสัตว์ เกิดมายังไม่รู้จักบุญคุณคนอีก
อีกหน่อย ผลกรรมยุคจรวดตามมันทันเอง
.... สิ้นคิด พวกหยาบหนา ....

 

โดย: บุญหนัก IP: 203.149.12.168 18 กรกฎาคม 2549 16:58:31 น.  

 

ชีวิตยิ่งกว่าละคร น่าเศร้าจัยไม่นึกว่าจะมีคนอกตัญญุแบบอยู่บนโลกอีก ขอเป็นกำลังจัยให้ยายด้วย เพราะหนูก็มียายเหมือนกัน อ่านแล้วคิกถึงยายที่บ้านมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เพราะตอนนี้เข้ามาเรียนต่ออห่างไกลท่านมาก แต่ก็ไม่เคยทิ้งท่านยังติดต่อกับท่านตลอด อยากรู้จังเลยว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ที่ใหน อยากไปหา อยากไปคุยกับท่าน และตอนนี้ก็ทำโครงงานอยู่ด้วย จึงอยากคุยกับยาย หรือใครก็ได้ที่สามารถให้ข้อมูลตรงนี้ได้ แต่ใจจริงอยากไปเจอด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้จะไปยังไง

 

โดย: นู๋แอ๋น IP: 203.170.174.133 23 กรกฎาคม 2549 14:12:40 น.  

 

ทำมัยถึงกับผู้ที่ให้กำเนิดตัวเองมาได้ลงคอ คุณๆยังเป็นคนกันอยู่หรือเปล่าเขาเลี้ยงดูพวกคุณทั้ง3ได้ แต่แม่คพวกคุณคนเดียวเลี้ยงไม่ได้ พวกคุณไม่กลัวเวณกรรมกันบ้างเลยเหรอเลวจริงด่าไม่ถูแล้ว ในสังสังคมไทยยังมีคนนรคุณผู้ให้กำเนิดอีกเยอะไม่รู้จิตใจทำด้วยอะไร ไม่อยากให้มีเรื่องน่าเศ้ราแบบนี้อีกเลย ลูกสะใภ้ก็เหลือเกิน สรุปพวกนี้ไม่น่าเกิดมาเป็นคนกันเลย น่าจะเกิดมาเป็นสัตย์กันมากกว่า รับไม่ได้จริงๆ

 

โดย: ploy IP: 61.19.235.228 27 กรกฎาคม 2549 11:24:20 น.  

 

ความรักของพ่อแม่นั้นยี่งใหญ่นัก แม้การตอบแทนคุณสักร้อยปียังไม่อาจเท่า

 

โดย: เล็ก IP: 61.91.9.188 15 สิงหาคม 2549 15:33:34 น.  

 

เลี้ยงสุนัขยังดีซะกว่าเลย เพราะยังซื่อสัตย์และรู้บุญคุณของเจ้าของ ผิดกับสามคนนี้เลย นี่ขนาดแม่ตัวเองยังเนรคุณได้
ก้อย คะ

 

โดย: ก้อย IP: 125.25.147.175 17 สิงหาคม 2549 23:46:27 น.  

 

นี่ ๆ เราอยากรู้ว่าที่นี่คือที่ไหนอ่ะที่เทอไปอ่ะบอกหนอยได้ไหม ถ้าไงแอดมานะเราอยากไปที่นั่นบ้าขอบคุรล่วงหน้านะ

kingkapu@hotmail.com ขอบคุนค่ะ

 

โดย: BenZZ IP: 210.213.29.186 3 พฤศจิกายน 2549 11:23:44 น.  

 

 

โดย: ไม่บอก IP: 61.7.150.193 28 ธันวาคม 2549 14:37:49 น.  

 

ท่ามม่ายเขาจายร้ายยังงี้
ส่งสานยายนะเนี้ย
จายร้ายจริงๆ ลูกทรพี
จ่งจานยาย

 

โดย: เมย์ IP: 61.7.150.193 28 ธันวาคม 2549 15:01:43 น.  

 

ทามมัยจัยร้ายกับคุณยายจังล่ะคะ
ทามแบบนี้มันมั่ยดีเลย
จัยร้ายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: ทราย IP: 61.7.150.193 28 ธันวาคม 2549 15:02:43 น.  

 

เคยเห็นเรื่องคล้ายๆแบบนี้เหมือนกันซึ่งที่น่าสุดๆก็คือมันเป็นเรื่องจริง.......ถ้าเป็นเรื่องที่อ่านก็คงได้แต่เศร้า
แต่ได้เห็นกับตัวเองแล้ว มันทั้งสังเวช หดหู่
ไม่เข้าใจนะว่าทำไมถึงเลี้ยงพ่อแม่กันไม่ได้
ไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

 

โดย: นักคิด IP: 61.91.166.219 14 กุมภาพันธ์ 2550 0:36:13 น.  

 

ถ้าเป็นเรื่องจริงนะ อยากรู้จริงๆว่าไอ้3ครอบครัวนั่นมันยังมีความสุขสบายดีอยู่ไหม กรรมตามมันทันหรือยัง น่ายุให้ยายฟ้องร้องเอาสมบัติคืนให้เข็ด นังลูกสะใภ้ว่าสุดยอด.....แล้วนะแต่นังลูกสาว.......สุดๆกว่าอีก ส่วนลูกชาย ที่จริงเขาให้ปกป้องคุ้มครองแม่กับน้องสาวที่เป็นเพศอ่อนแอ แต่ไอ้สองคนนี้มันเข้าใจผิดอ่ะ มันนึกว่าแม่กับน้องร่วมกันนั่นก็คือเมีย มันเลยเทิดทูนเมียไว้เหนือเกล้า เหนือสามัญสำนึกผิดชอบชั่วดี .........จริงๆ

 

โดย: อาจุมม่า IP: 203.172.160.35 27 กุมภาพันธ์ 2550 8:45:45 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Aisha
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่
Aisha's blog ขอบคุณที่แวะมาค่ะ

Friends' blogs
[Add Aisha's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.