สิงหาคม 2563

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
หมิงซีจงฮ่องเต้ พ.ศ. 2163 – 2170



หมิงซีจงฮ่องเต้ พ.ศ. 2163 – 2170

หมิงซีจงฮ่องเต้หรือหมิงเทียนฉี่ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 15 ในราชวงศ์หมิง รัชศก
            หมิงซีจงฮ่องเต้พระนามเดิมจูโหยวเจี้ยว ความหมายของพระนามฮ่องเต้ หมายถึง การเปิดประตูสวรรค์ เป็นพระโอรสองค์โตและเป็นรัชทายาทในหมิงกวงจงฮ่องเต้ ประสูติวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2148 ได้ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 15 พรรษา สวรรคตวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2170 เมื่อพระชนม์ 22 พรรษา
การขึ้นครองราชย์เกิดปุบปับแบบไม่คาดฝัน ไม่นึกไม่ฝันเอาทีเดียว เมื่อพระบิดาสวรรคตหลังจากครองราชย์ได้ไม่ถึงเดือน เรียกได้ว่าเตรียมตัวเป็นแค่รัชทายาท แต่ยังไม่ฝันว่าจะได้เป็นฮ่องเต้
            ถึงแม้จะเกิดเรื่องราวลึกลับเกี่ยวกับการสวรรคตของพระบิดา และคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่าอดีตสนมเฉิงในรัชกาลที่ 13 วางแผนปลงพระชนม์เพื่อให้พระโอรสของเธอได้ขึ้นครองอำนาจต่อ แต่สุดท้ายก็ไม่มีโอกาส
            บุญมีแต่กรรมบัง สายนั้นขึ้น สายนี้จะอดไปโดยปริยาย
พระโอรสของฮ่องเต้ที่ครองราชย์ไม่ถึงเดือน ได้ขึ้นครองแทน อาจคิดว่าเพียงเวลาไม่ถึงเดือนอาจพลิกผันโอกาสกลับไปหาว่าที่คู่แข่งในรัชทายาทสมัยเดิมได้
ในรัชกาลที่ 13 นั้น มีว่าที่ผู้สืบต่ออำนาจ 2 คน คือ พระโอรสองค์ที่ 1 เกิดจากมเหสี อดีตสาวใช้ไทเฮา กับพระโอรสองค์ที่ 3 เกิดจากสนมเฉิงผู้มักใหญ่ใฝ่สูง และโดนข้อกล่าวหาว่า ให้รัชกาลที่ 14 หลงติดกับสาว ๆ ที่เอามาบรรณาการ และให้กินยาเม็ดสีแดงจนสวรรคต
เมื่อพระโอรสของรัชกาลที่ 14 ได้ขึ้นครองราชย์ ทำให้โอรสจากสนมเฉิงหมดโอกาสที่จะแย่งอำนาจนั้นมาเป็นฮ่องเต้
 
ทว่าผู้ที่ได้อำนาจมาโดยมิได้เตรียมตัวเตรียมใจ กลับไม่คิดว่า นี่คือโอกาสทอง
หรือโดนอำนาจจากขันทีและแม่นม ปิดตา ไม่ให้รู้เห็นข้อเท็จจริง
ราชวงศ์หมิงเข้าสู่ภาวะเสื่อมถอยอย่างชัดเจน
            หมิงซีจงฮ่องเต้ไม่ได้ใส่ใจในกิจการบ้านเมืองเช่นที่ฮ่องเต้ควรปฏิบัติ อาจคิดว่าฮ่องเต้ทำหน้าที่เสมือนสัญลักษณ์ที่มีอำนาจสูงสุดโดยไม่ต้องไปลงมือปฏิบัติให้เหนื่อยยากอันใด ไม่ได้สืบสานงานเดิมที่เคยทำ มีคนบอกว่าที่จริงแล้วเป็นเพราะไม่ใช่คนเก่ง เรียนหนังสือไม่ได้ดีหรือไม่ฉลาดเท่าที่ควร
            หรือเพราะผู้มีอำนาจตัวจริง ตั้งใจไม่ให้ปฏิบัติภารกิจที่พึงกระทำ
            การได้อำนาจมาโดยสิทธิอันชอบธรรม ตามจารีต ไม่ได้แปลว่า ผู้นั้นสมควรต่อตำแหน่งที่ได้รับ
            ไม่รู้ว่า แผ่นดินหมิงจะเป็นเช่นไร ถ้าโอรสจากสนมเฉิงได้สิทธิ์นี้แทน
            เพราะหมิงซีจงฮ่องเต้ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ เพราะขาดฝีมือในการบริหารบ้านเมือง ซึ่งไม่รู้ว่า แท้จริงเบื้องหลังคือใคร ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้
 
หัวหน้าขันทีเว่ยจงเสียนกับแม่นมกีจึงยึดอำนาจไว้ในกำมือโดยสับเปลี่ยนคนที่ตนไว้ใจได้มาทำงานในวังแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งที่สำคัญ ๆ
เมื่อฮ่องเต้ไม่ทำงาน อำนาจอยู่กับหัวหน้าขันทีเว่ยจงเสียนและมาดามกี อะไรจะเกิดตามมา
แม่นมกีเป็นใคร มาดามกีเป็นแม่นมของหมิงซีจงฮ่องเต้
เรื่องราวภายในราชสำนัก แม่นมกีมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
แม่นมกีร่วมมือกับหัวหน้าขันทีเว่ยจงเสียนได้ขจัดสาวอื่นในวัง ให้หลุดพ้นจากตำแหน่งสนม บางรายอาจถึงแก่ชีวิต
ขันทีเว่ยจงเสียนกับแม่นมกีขจัดสนมที่ทำท่าจะมีพระโอรส หรือถ้ามีครรภ์หาทางทำลายล้าง นี่เองทำให้ หมดสิ้นผู้สืบทอดอำนาจต่อ
 หัวหน้าขันทีเว่ยจงเสียน ขันทีผู้เรืองอำนาจนั้น ในช่วงวัยรุ่นเป็นนักเลงโต ขลุกอยู่กับแหล่ง
อโคจร เป็นคนข้างถนน เกเร ชอบตีรันฟันแทง พออายุ 20 กว่า เป็นหนี้การพนัน สุดท้ายเพื่อหลบหนีการตามล่าของเจ้าหนี้ จึงตัดสินใจตอนตนเองแล้วลอบเข้าวังไปเป็นขันที แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นจิ้นจง
เมื่อเข้าวังมามีโอกาสรับใช้รัชทายาท ซึ่งต่อมาเป็นรัชกาลที่ 14
เว่ยจงเสียนได้รับหน้าที่รับผิดชอบเรื่องเครื่องเสวย ในตำหนักองค์รัชทายาท
ส่วนแม่นมกีรับใช้ดูแลโอรสของรัชทายาท ทำให้ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน
เว่ยจงเสียนเห็นว่า องค์ชายจูโหยวเจี้ยว ติดแม่นมกี หรือนางเค่อซื่อ จึงพยายามตีสนิทกับนางจนเกิดความรักต่อกัน
ถึงแม้เคยแต่งงาน แต่ตอนด้วยตนเองซึ่งทำไม่ได้สมบูรณ์แบบ แล้วเข้าวังมาเป็นขันที ทำให้ยังมีอารมณ์รักใคร่กับแม่นมกี
จูโหยวเจี้ยวรับรู้ว่าแม่นมกีรักกับเว่ยจงเสียน ผูกสัมพันธ์กันเป็นตุ้ยสือ คู่ที่เป็นขันทีกับนางกำนัล เมื่อพระบิดาครองราชย์เพียงเดือนเดียวแล้วสวรรคต จูโหยวเจี้ยวขึ้นเป็นหมิงซีจงฮ่องเต้
เว่ยจงเสียนได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ตรวจฎีกาและผู้ร่างฎีกา อันเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจในราชสำนัก รับผิดชอบการตรวจสอบและควบคุมข้อเสนอแนะทางราชการของเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่
หมิงซีจงฮ่องเต้ชอบทรงงานไม้ และผลักภาระงานราชการให้ขันทีเว่ยจงเสียนทำแทน
ปีที่ 4 เว่ยจงเสียนสามารถรวบอำนาจทั้งในและนอกราชสำนักได้แต่เพียงผู้เดียว ทำให้เหล่าขุนนางเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
คณะตงหลินลุกฮือขึ้น ลงชื่อถวายฎีกากล่าวโทษเว่ยจงเสียน
ผู้ตรวจราชการแผ่นดินชื่อหยางเหลียน เป็นผู้ถวายฎีกาแถลงข้อเท็จจริงที่เว่ยจงเสียนกระทำผิดจำนวน 24 ข้อ และประณามเขาอย่างเจ็บแสบ แต่เว่ยจงเสียนก็ได้เดินเกมอีกก้าวหนึ่ง โดยใช้แผนร่ำไห้ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ และให้แม่นมกีพูดจาชมเชยถึงความดีของเว่ยจงเสียน
หมิงซีจงฮ่องเต้กลับออกราชโองการปลอบใจเว่ยจงเสียน และตำหนิหยางเหลียนอย่างรุนแรงว่าใส่ร้ายป้ายสีเว่ยจงเสียน และลงโทษเขาด้วยการคุมขัง
ขันทีเว่ยจงเสียนก้าวสู่แวดวงอำนาจ ใช้การทุจริตหาเงิน เพื่อไต่เต้าซื้อตำแหน่งที่สูงขึ้น
ส่วนงานราชการ ขันทีเว่ยจงเสียนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นมหาขันที กุมอำนาจด้วยการคุมกององครักษ์เสื้อแพร ฝั่งบูรพา อย่าลืมว่าหน่วยงานนี้มีอำนาจล้นฟ้าตั้งแต่ต้นราชวงศ์หมิง ใครจะรู้ว่าหน่วยงานนี้ทำลายราชวงศ์หมิงได้ด้วย
เมื่อขันทีเว่ยจงเสียนกุมอำนาจ ได้เอาเพื่อนที่เกเร เป็นอันธพาลเข้ามาทำงานในกององครักษ์เสื้อแพร เป็นการเสริมสร้างบารมีของตน
 
หลังจากที่หยางเหลียนโดนกุมขัง เหล่าปัญญาชน ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ 70 คน ถวายฎีกากล่าวโทษเว่ยจงเสียนอีกครั้ง
คราวนี้เว่ยจงเสียนได้ใช้อำนาจของหน่วยงานตงฉ่าง องครักษ์เสื้อแพร ฝั่งบูรพา ที่สามารถลงโทษข้าราชการและประชาชนได้ทันทีโดยมิต้องถวายรายงานฮ่องเต้ จับกุมและกวาดล้างเหล่าขุนนางสายคณะตงหลินอย่างโหดเหี้ยม
ใครไม่เข้าร่วมกับเขาก็จะถูกกวาดล้างทันที รวมถึงสั่งปิดสถานการศึกษาที่สนับสนุนโดยคณะตงหลินลงทั้งหมด ในครั้งนั้นมีผู้ถูกจับกุมทั้งสิ้น 700 คน
 
ใครอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับขันทีเว่ยจงเสียนโดนกำจัดหมด
อำนาจเช่นนี้ เลยโดนจารึกชื่อว่าเป็นขันทีโฉดครองเมือง
เว่ยจงเสียนได้วางเครือข่ายของตนทั้งในตำแหน่งขุนนางราชสำนัก รวมไปถึงขุนนางท้องถิ่น แต่งตั้งคนสนิทของตนดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ ทางการเมือง
เครือข่ายของเว่ยจงเสียนมีฉายาว่า เสือ 5 ตัว ลูกเสือ 5 ตัว สุนัข 5 ตัว ลูกทั้ง 10 และหลานทั้ง 40 แฝงตัวทั้งในและนอกราชสำนักตั้งแต่เสนาบดี กระทรวงทั้ง 6 ไปจนถึงข้าหลวงใหญ่และผู้ตรวจราชการมณฑลแทบทุกพื้นที่
อำนาจทางการเมืองของต้าหมิงอยู่ใต้อุ้งมือของเว่ยจงเสียนแต่เพียงผู้เดียว
อำนาจเผด็จการ ถ้าอยู่ในกำมือคนเก่งคนฉลาดมีคุณธรรม บ้านเมืองไปโลด แต่ถ้าอยู่ในกำมือคนโฉดเขลาเบาปัญญา บ้านเมืองถึงแก่กาลวิบัติ
 
อำนาจที่ล้นฟ้าแต่ปราศจากคุณธรรม เข่นฆ่าทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามอย่างแบบไม่ปราณีปราศรัย เพียงแค่สงสัยว่าคิดต่าง หรือไม่ใช่พวกของตน ชีวาจะอาสัญ
ตอนนี้ขันทีเว่ยจงเสียนใหญ่ที่สุดบนแผ่นดิน เป็นรองแค่หนึ่งคือหมิงซีจงฮ่องเต้ และคอยให้ฮ่องเต้นิสัยเสีย เพลิดเพลินกับสุรานารี ไม่ใส่ใจในราชกิจ เพื่อที่ตนจะได้มีอำนาจคับฟ้าแทน แต่ด้วยสติปัญญาอันน้อยนิด และเลวเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้บ้านเมืองย่ำแย่สุด ๆ
กลุ่มลัทธิขงจื้อได้โจมตีฮ่องเต้และสถานะของราชสำนัก เกิดกบฏต่อต้านราชวงศ์หมิงหลายครั้งในช่วง 7 ปีของการครองราชย์ของหมิงซีจงฮ่องเต้
 



Create Date : 18 สิงหาคม 2563
Last Update : 18 สิงหาคม 2563 4:55:26 น.
Counter : 1627 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments