กันยายน 2562

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 1124 - 1147
สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 1124 - 1147
               สุยเหวินตี้ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์แรกแห่งราชวงศ์สุย
สุยเหวินตี้ฮ่องเต้พระนามเดิมเจ้าอ๋องหยางเจียน พ่อชื่อหยางจงเป็นขุนพลใหญ่ในราชวงศ์
ซีเว่ย เดิมทีนั้นเจ้าอ๋องหยางเจียนเป็นพระเจ้าตาของโจวจิ้งฮ่องเต้แห่งราชวงศ์โจวเหนือหรือเป่ยโจว
องค์สุดท้าย ต่อมาสุยเหวินตี้ฮ่องเต้ได้ปราบดาภิเษกเป็นฮ่องเต้องค์แรกในราชวงศ์สุย โจวจิ้งฮ่องเต้ครองราชย์ได้เพียง 2 ปี เจ้าอ๋องหยางเจียนมหาอุปราชผู้ซึ่งเป็นบิดาของหยางฮองเฮาในโจวเสวียนตี้ฮ่องเต้โค่นบัลลังก์โจวจิ้งฮ่องเต้ด้วยการสนับสนุนของข้าราชบริพารที่ต้องการคนที่เก่งกาจรอบรู้เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าฮ่องเต้เด็กที่ไม่รู้เดียงสามาเป็นผู้นำแต่เพียงในนามและได้สิทธิ์ด้วยการสืบทอดต่อกันมาทางสายเลือด
               ฮ่องเต้องค์แรกในราชวงศ์สุยที่ปราบดาภิเษกตนเองขึ้นมามีอำนาจเหนือผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินจีนมีประวัติที่คล้ายคลึงกับฮ่องเต้องค์แรกในราชวงศ์ฉินนามจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นอย่างมากในเรื่องของความฉลาดที่ล้ำเลิศเหนือผู้คนทั่วไป มีความสามารถทางการรบ แต่คงความดุร้าย เข้มงวด จริงจัง สามารถรวบรวมก๊กทั้งหลายให้เป็นหนึ่งเดียวแต่ราชวงศ์ไม่สามารถดำรงคงอยู่ได้นานเท่าที่ควรเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็จะสามารถปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นใหญ่เหนือผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินได้ คงจะต้องมีอำนาจบารมีมากพอสมควร เมื่อได้จังหวะและโอกาสที่เหมาะสมจึงสามารถฉกฉวยผลประโยชน์นั้นมาเป็นของตนได้ พระเจ้าตาของฮ่องเต้องค์น้อยที่มีอายุเพียง 8 ขวบ ไม่รู้ภาษามากพอที่จะยึดอำนาจของตนให้อยู่กับตนต่อไป ขณะที่เจ้าอ๋องหยางเจียนมีอำนาจมากที่สุดในการคุมกำลังทหารและกองทัพ เมื่อหลานได้เป็นฮ่องเต้เมื่ออายุยังน้อยจึงง่ายต่อการยึดอำนาจมาเป็นของตนแทนการพิทักษ์ปกป้องหลานให้อยู่ในอำนาจต่อไป
คำว่าเจ้าอ๋องมีความหมายว่าเป็นญาติกับฮ่องเต้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งหรือนับเป็นหนึ่งในพระราชวงศ์
               ราชวงศ์เป่ยโจวปกครองจีนก่อนราชวงศ์สุยแต่มีการเปลี่ยนถ่ายอำนาจด้วยเหตุที่ฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงศ์โจวคือโจวจิ้งฮ่องเต้พระนามหยีเหวินเอี่ยนโดนแย่งชิงราชสมบัติจากพระเจ้าตา บางแห่งบอกว่าโจวจิ้งฮ่องเต้ยอมสละราชบัลลังก์ให้ด้วยเห็นแก่แผ่นดิน ความตอนนี้คงบอกเล่าข้อเท็จจริงไม่ได้อย่างชัดเจนว่าตาแย่งหลานหรือหลานยอมยกให้โดยดี แต่อย่างไรก็ตามพระเจ้าตาก็ได้เป็นฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์สุยด้วยวิธีการปราบดาภิเษกหรือยกตนขึ้นมามีอำนาจด้วยตัวของตัวเองไม่ใช่สืบทอดต่ออำนาจทางสายเลือด
               แล้วก็ใช่ว่าการแย่งอำนาจจากหลานครั้งนี้จะเป็นไปอย่างง่ายดายเพราะเจ้าอ๋องหรือพระญาติคนอื่น ๆ คงรู้ระแคะระคายว่าเจ้าอ๋องหยางเจียนพระเจ้าตาขณะนั้นผู้ซึ่งเป็นถึงมหาอุปราชกำลังคิดก่อการใหญ่ เจ้าอ๋องหยีเหวินเจาหนึ่งในพระญาติราชวงศ์เป่ยโจวคิดจะกำจัดเจ้าอ๋องหยางเจียนด้วยกลวิธีง่าย ๆ ด้วยการเชิญให้ไปร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำ ณ ตำหนักของตน การเชื้อเชิญมหาอุปราชให้ไปทานอาหารตามลำพังโดยไม่มีกองกำลังทหารติดตามย่อมเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทำการได้โดยยาก แต่เจ้าอ๋องหยีเหวินเจาสามารถหากลอุบายใช้ความสนิทสนมส่วนตัวเพื่อให้บรรลุถึงแผนการนี้ได้
ถึงแม้เจ้าอ๋องหยางเจียนจะไม่ได้ใช้กองกำลังทหารติดตามแต่เขาไปกับขุนพลหยวนโจ้วทหารคนสนิทคู่กายซึ่งเป็นคนฉลาดทันคน มีไหวพริบปฏิภาณ มองเห็นหนทางและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อมองเห็นท่าไม่ค่อยดีมีกลิ่นทะแม่ง ๆ แค่นั้นเองขุนพลหยวนโจ้วก็กระซิบกับเจ้าอ๋องหยางเจียนให้รีบเผ่นหนี ซึ่งเท่ากับได้ช่วยชีวิตเจ้าอ๋องหยางเจียนจากการลอบทำร้ายหวังเอาชีวิตในคืนนั้นได้สำเร็จ
               ที่ว่ากลิ่นทะแม่ง ๆ ที่ขุนพลหยวนโจ้วรู้สึกคือทำไมเจ้าอ๋องหยีเหวินเจาจึงใช้ความพยายามที่จะหาทางแยกขุนพลหยวนโจ้วให้ออกห่างจากเจ้าอ๋องหยางเจียนมากจนเกินความจำเป็นในทุกวิถีทาง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ทั้งการขู่ การปลอบ การหาเหตุผลต่าง ๆ นานาเพื่อหาทางให้เจ้าอ๋องหยางเจียนอยู่ตามลำพังกับเจ้าอ๋องหยีเหวินเจา
เมื่อเจ้าอ๋องหยีเหวินเจาคิดการเพื่อหมายปลิดชีพเงียบ ๆ ให้เจ้าอ๋องหยางเจียน อยู่ตามลำพังกับตนไม่สำเร็จจึงใช้แผนสำรองให้ลูกชาย 2 คนยกกำลังทหารเข้าจู่โจมหมายเอาชีวิต แต่ขุนพลหยวนโจ้วผู้ซึ่งเฝ้าอยู่เคียงกายตลอดเวลาสามารถลักลอบพาเจ้าอ๋องหยางเจียนออกจากตำหนักเจ้าอ๋องหยีเหวินเจาได้สำเร็จ
ภายหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่นาน เจ้าอ๋องหยางเจียนได้ยึดอำนาจปราบดาภิเษกเป็นฮ่องเต้องค์แรกแห่งราชวงศ์สุยด้วยความสามารถที่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เจ้าอ๋องหยางเจียนคิดจะกุมอำนาจให้เบ็ดเสร็จโดยไว เพราะถ้าขืนปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไป กำลังของศัตรูจะกล้าแข็งมากขึ้น มีหรือที่ราชวงศ์โจวหรือพระญาติจะยอมปล่อยให้คนอื่นเข้ามาแย่งอำนาจได้
บางทีเจ้าอ๋องหยางเจียนอาจเจตนาที่จะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็เป็นได้ จะได้หาเหตุก่อการปฏิวัติยึดอำนาจ เป็นไปได้หรือที่ผู้มีอำนาจล้นฟ้าขนาดนั้นจะเชื่อใจคนง่าย ๆ ยอมทำตามคำของผู้อื่นและไปกับขุนพลคนสนิทเท่านั้น ถ้าไม่คิดว่านี่คือแผนล่อเสือออกจากถ้ำให้ปรากฏลายให้ชัดเจนว่าคิดเช่นไรกับตนเป็นแน่แท้เสียก่อนและจะได้นำเหตุนี้มาเป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจ
               เมื่อเป็นฮ่องเต้สมใจเจ้าอ๋องหยางเจียนหรือนามใหม่สุยเหวินตี้ฮ่องเต้แล้ว สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ได้ทำตนสมกับเป็นฮ่องเต้ที่ดีด้วยการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการแผ่นดินในทุกเรื่อง เช่นปรับระบบการใช้เงินในราชสำนักให้เข้มงวดมากขึ้น ทุกสิ่งที่ฟุ่มเฟือยให้ตัดลดงบประมาณออก ตัวอย่างหนึ่งที่พูดกันได้แก่การใช้ตะขอที่ทำด้วยเงินแท้เอาไว้ใช้แขวนผ้าม่าน และการใช้ข้าวของอันมีค่าที่มีมูลค่าเกินความจำเป็นให้ลดลง การส่งเสริมและประกาศเป็นนโยบายเรื่องการประหยัดมัธยัสถ์ได้เกิดขึ้นจริงไม่เฉพาะแต่ในวังเท่านั้นแต่รวมถึงประชาชนพลเมืองทั่วไปด้วย แม้แต่ลูกหลานก็ไม่ได้ละเว้น เมื่อฮ่องเต้มองเห็นชุดเกราะของยุพราชหยางหย่งที่สวยงามก็ไม่ทรงพอพระทัย กล่าวเตือนสติว่าถ้าฮ่องเต้มัวแต่สนใจเครื่องแต่งองค์ทรงเครื่องโดยไม่สนใจราชกิจคงไม่สามารถปกครองบ้านเมืองได้อย่างสงบร่มเย็น นโยบายนี้จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่เอ่ยถึงต่อมาจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
               สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ปกครองบ้านเมืองอย่างพระราชาที่ทรงคุณธรรม ใช้นโยบายประหยัด มัธยัสถ์
เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจการเงินการทองที่ขาดแคลน ซึ่งนโยบายเช่นนี้ปัจจุบันภาคพื้นยุโรปได้ใช้อยู่ ในขณะที่บางกระแสต่อต้านเพราะเชื่อว่าการทุ่มเทเงินทองให้ผู้คนได้จับจ่ายใช้สอยมากขึ้นจึงจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่ในยุคนั้นบ้านเมืองฟื้นสภาพกลับคืนและเจริญได้อย่างรวดเร็ว
ผลงานดีเด่นอีกประการคือการยกเลิกการปกครองระบบเสนาบดี 6 ฝ่ายของราชวงศ์โจวเหนือหรือเป่ยโจวลง และจัดตั้งระบบ 3 กระทรวง 6 ฝ่ายขึ้นมาแทนที่ การปกครองใช้วิธีรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ฮ่องเต้เพียงคนเดียว ยุบรวมการปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้ฮ่องเต้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวในการตัดสินใจสั่งการใด ๆ ทั้งการบริหารจัดการในการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ขุนนางมีหน้าที่แค่ช่วยงานบริหารเท่านั้น ยุคนี้ฮ่องเต้จึงเป็นเผด็จการอย่างแท้จริงภายใต้การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ การปกครองระบอบนี้ถ้าได้ผู้นำที่เก่งและฉลาดประเทศจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและเห็นผลทันตา เพราะแม้แต่ชี้ไม้ให้เป็นนกทุกคนย่อมเห็นไม้เป็นนกเช่นกัน จะไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวางคัดค้านให้เสียเวลา
               สุยเหวินตี้ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ที่ปกครองแบบเผด็จการยึดอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียวดูไปแล้วเหมือนฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ด้วย สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ได้ปฏิรูประบอบการปกครองบ้านเมืองเช่นเดียวกับฉินจิ๋นซีฮ่องเต้โดยฟื้นฟูบ้านเมืองให้สงบราบคาบได้หลังจากเกิดสงครามมานาน
มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ได้รับรายงานว่า ราษฎรกินฟองเต้าหู้กับรำข้าว ทำให้สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ไม่เสวยเนื้อสัตว์กับเหล้า อีกสิ่งหนึ่งที่สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ทรงแตกต่างจากฮ่องเต้องค์อื่น ๆ หรือผู้นำระดับประเทศทั้งหลายคือทรงมีฮองเฮาเพียงองค์เดียว ไม่มีสนมเคียงกายมากมาย แต่เมื่อสิ้นตู๋กูฮองเฮาแล้วจึงมีสนม ทำให้หลายคนคิดว่าสุยเหวินตี้ฮ่องเต้กลัวตู๋กูฮองเฮา ภาษาชาวบ้านเรียกว่ากลัวเมีย ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ที่คนยิ่งใหญ่ขนาดนี้จะกลัวผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียว และธรรมเนียมจีนผู้หญิงไม่มีอำนาจเหนือผู้ชาย
นอกจากนี้นิสัยของสุยเหวินตี้ฮ่องเต้ได้เปลี่ยนไปจากนิสัยประหยัดมัธยัสถ์ในวัยหนุ่มกลายมาเป็นคนฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยในวัยชรา โดยสร้างพระราชวังใหญ่โตที่ใช้ทรัพย์สินในท้องพระคลังมากมาย เขาถึงว่าอำนาจทำให้คนเปลี่ยนไปหรือไม่ด้วยวัยที่เปลี่ยนไป พอแก่ตัวลงอะไรที่ไม่เคยทำก็ให้อยากทำ อะไรที่ไม่เคยได้ก็ให้อยากได้
สุยเหวินตี้ฮ่องเต้ได้แต่งตั้งให้หยางหย่งเป็นรัชทายาท แต่บางคนบุญน้อยเพราะหยางหย่งไม่มีโอกาสขึ้นครองราชย์เนื่องด้วยหยางกวงจัดการพระเชษฐาให้หลุดพ้นจากตำแหน่ง ด้วยความชั่วร้ายของหยางกวงทำให้บางคนคิดว่าสุยเหวินตี้ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์เพราะฝีมือของหยางกวงด้วยซ้ำ ทั้งนี้เป็นเพราะตู๋กูฮองเฮารักในหยางกวงมากกว่าหยางหย่ง แม่รักลูกไม่เท่ากันจึงเกิดการลำเอียง ผลที่ตามมาไม่ได้ส่งผลต่อลำดับการครองราชย์ของราชสำนักเท่านั้นแต่ส่งผลถึงการสิ้นราชวงศ์เลยทีเดียว
ภายหลังจากที่สิ้นตู๋กูฮองเฮาแล้ว ฮัวฮูหยินได้เป็นสนมในสุยเหวินตี้ฮ่องเต้และความชั่วร้ายของหยางกวงที่คิดจะปลุกปล้ำขืนใจเมียของพ่อทำให้เกิดโศกนาฏกรรมตามมา เพราะจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่นานนักสุยเหวินตี้ฮ่องเต้ทรงประชวรและสิ้นพระชนม์ต่อมา บางคนตั้งข้อกล่าวหาว่าลูกฆ่าพ่อเพราะหวังในตัวของฮัวฮูหยิน อะไรจะขนาดนั้น

 



Create Date : 11 กันยายน 2562
Last Update : 11 กันยายน 2562 10:07:39 น.
Counter : 1560 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments