พฤษภาคม 2566

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
โจโฉ เก่งกล้าสามารถ อาจหาญทรนง
#โจโฉ เก่งกล้าสามารถ อาจหาญทรนง
 #พรรณีเกษกมล
โจโฉเป็นบุตรชายของโจโก๋ แต่เป็นบุตรบุญธรรมของหัวหน้าขันทีโจเต็ง
โจโฉเข้าทำงานเมื่ออายุ 20 ในตำแหน่งเป้ยตู้เว่ย คุมทหารนครบาลเหนือ เมื่อมาสังกัดอ้วนเสี้ยวได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บังคับกองการทหารม้าเร็วของราชวงศ์ฮั่น ทำหน้าที่ปราบกลุ่มกบฏโพกผ้าเหลืองที่มีเตียวก๊กเป็นหัวหน้า ในสมัยของฮั่นหลิงตี้ฮ่องเต้
ทั้งโจโฉ เล่าปี่และซุนเกี๋ยนร่วมศึกปราบกบฏโพกผ้าเหลือง และสามารถจัดการเตียวก๊ก เตียวโป้ และเตียวเหลียงแกนนำให้เสียชีวิต กบฏโพกผ้าเหลืองถูกปราบราบคาบ หมดสิ้นตำนาน
หลังปราบกบฏโพกผ้าเหลืองสำเร็จ โจโฉได้เป็นนายทหารในฮ่องเต้สังกัดโฮจิ๋น เล่าปี่ได้รับตำแหน่งนายอำเภออันห้อกวน และซุนเกี๋ยนปราบโจรคูเสง ได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองเตียงสา
 
ได้ดีมีอำนาจวาสนา
ด้วยฝีมือทางการทหาร
มีบารมีคุ้มหัว
ด้วยเส้นสายพ่อบุญธรรม
 
โจโฉกับอ้วนเสี้ยว ใครใหญ่ใครอยู่
อ้วนเสี้ยวในฐานะคนสนิทของโฮจิ๋น มีอำนาจ ใหญ่โตมากกว่าโจโฉ
เมื่อโจโฉรู้ว่า โฮจิ๋นสั่งให้ตั๋งโต๊ะเข้าเมืองเพื่อปราบขันที ได้เอ่ยปากว่า โฮจิ๋นไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่รู้จักประเมินเหตุข้างหน้าว่า ภัยจะมาถึงตัว ชักศึกเข้าบ้าน
อีกเหตุผลหนึ่งที่โจโฉไม่เห็นด้วยที่จะให้ตั๋งโต๊ะเข้ามาปราบขันที เพราะเขาเป็นบุตรบุญธรรมของหัวหน้าขันทีโจเต็ง
เมื่อตั๋งโต๊ะเข้าเมืองมาจริง ได้เกิดเหตุจลาจลวุ่นวายไปทั่วทั้งเมืองและภายในพระราชวัง
โจโฉกับอ้วนเสี้ยวเป็นทหารในสังกัดของโฮจิ๋น เมื่อรู้ว่า ขันทีฆ่าเจ้านาย ภัยจะมาถึงตัวเองเช่นกัน เลยฆ่าขันทีแกนนำไปส่วนหนึ่ง เป็นจังหวะที่ตั๋งโต๊ะเข้าเมืองมาพอดี
ทหาร 2 นาย กับแม่ทัพจากชายแดนที่เข้าเมืองมาโดยคำสั่งของโฮจิ๋น ใครจะใหญ่กว่ากันล่ะ
ตั๋งโต๊ะเลยได้หน้าไปเต็ม ๆ และได้อำนาจมาแบบง่าย ๆ เสียอีก
สองทหารหนุ่มคงได้แต่อ้าปากหวอและทำตาปริบ ๆ ดูเขาแย่งชิงผลงานไปต่อหน้าต่อตา ธรรมดานะที่ผู้น้อยไม่มีปากเสียงมากพอจะกล่าวอ้างว่า ตนต่างหากที่ฆ่าขันที
สำนวน สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร กับราตรีนี้อีกยาวนานนัก ใครจะไปรู้ว่า โจโฉในวันนั้น จากนายทหารเล็ก ๆ กลับกลายเป็นผู้นำก๊กใหญ่และใช้แผนเดียวกับตั๋งโต๊ะคือให้ฮ่องเต้เป็นเพียงหุ่นเชิด
อ้วนเสี้ยวที่เป็นนายทหารใหญ่กว่าโจโฉ มีโอกาสได้เป็นหัวหน้าก๊กด้วยหรือไม่ และมีชีวิตเยี่ยงไร
ช่วงแรกอ้วนเสี้ยวใหญ่โตมาก ขนาดโจโฉยังเป็นเพียงลูกน้อง ไฉนต่อมาโจโฉจึงขึ้นมามีอำนาจมากกว่า และอ้วนเสี้ยวสิ้นสุดอำนาจล่ะ มันต้องมีอะไรที่ทำให้คนหนึ่งก้าวไปถึงดวงดาว แต่อีกคนหงายเก๋งไม่เป็นท่า
โจโฉเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง กล้าตัดสินใจ กล้าลุย ตายเป็นตาย ที่เห็นชัดเจน เมื่อตั๋งโต๊ะเข้าเมือง โจโฉยอมรั้งอยู่ในเมือง ทั้งที่อ้วนเสี้ยวหนีเตลิดเปิดเปิงออกไปนอกเมืองแล้ว
ตอนนี้อาจงงและสับสน เมื่อโจโฉคัดค้านไม่เห็นด้วยที่โฮจิ๋นจะให้ตั๋งโต๊ะเข้าเมืองมาปราบขันทีแต่กลับกล้าอยู่เผชิญหน้า ส่วนอ้วนเสี้ยวเป็นคนเสนอแนะโฮจิ๋นให้ตั๋งโต๊ะเข้าเมืองมาปราบขันทีกลับหลบลี้หนีออกนอกเมือง จริงเท็จไม่รู้
โจโฉเคยเป็นแนวร่วมกับอ้วนเสี้ยวเพื่อรบกับตั๋งโต๊ะ แต่เมื่อโจโฉเอาชนะกลุ่มกบฏโพกผ้าเหลืองได้ จึงคุมดินแดนเหอหนัน แล้วได้หันมาต่อสู้กับอ้วนเสี้ยวที่อยู่แถบเหอเป่ย
สุดท้ายโจโฉชนะอ้วนเสี้ยว ครอบครองดินแดนทั้งเหอหนันและเหอเป่ย
ทั้งสองเคยเป็นพวกเดียวกัน เอาชนะศัตรูคนเดียวกัน หลังจากได้ชัยชนะเหนือตั๋งโต๊ะแล้ว จากมิตรจึงกลายเป็นศัตรู
ไม่มีมิตรแท้
ในการต่อสู้ชิงชัย
เพื่อความเป็นใหญ่
 
อ้วนเสี้ยวหลงระเริงลำพองจนประมาทในฝีมือของโจโฉ หลังจากชนะใครต่อใคร คิดว่าตนมีทหารในสังกัดจำนวนมาก แต่ไม่ได้ฝึกปรือให้มีวินัยและฝีมือฉกาจฉกรรจ์มากพอ ผิดกับทัพของโจโฉที่เข้มงวดมากในการฝึกปรือฝีมือ
 
กีฬามีผู้แพ้ผู้ชนะ
สงครามมีผู้แพ้ผู้ชนะเช่นกัน
ใครจะแพ้จะชนะต่างหากที่น่าสนใจ
 
ตั๋งโต๊ะ โผล่เข้ามา พลิกโฉมหน้าการเมือง
ในสมัยของฮั่นเซ่าตี้ฮ่องเต้ ตั๋งโต๊ะเข้ามายึดอำนาจ โจโฉทำทียอมตั๋งโต๊ะ เพราะฝีมือยังไม่ถึงขั้น อำนาจบารมียังไม่มี
โจโฉเป็นบุตรบุญธรรมของหัวหน้าขันทีโจเต็ง ขืนออกนอกหน้ามาก คงโดนจัดการไปด้วย เพราะตั๋งโต๊ะยกทัพใหญ่เข้ามาปราบขันที แต่ใจจริงคอยหาโอกาสสังหาร ไม่ได้จงรักและไม่ได้ภักดีแต่ทำทียอม
 
ไม่แน่จริง
อย่าเพิ่งลุย
รอจังหวะ
และโอกาส
 
หาสมัครพรรคพวกและอาวุธชั้นเลิศ โจโฉบุกเข้าไปในงานเลี้ยงแซยิดของอ้องอุ้น โจโฉบุ่มบ่ามจะเข้างานให้ได้และประกาศอย่างโจ๋งครึ่มว่าตนมีแผนสังหารตั๋งโต๊ะ ขอมีดดาบที่คมกริบทะลุเสื้อเกราะประจำตระกูลเพื่อฆ่าตั๋งโต๊ะ แต่งานนี้ไม่สำเร็จ
เมื่อได้จังหวะจึงวางแผนสังหารตั๋งโต๊ะ แต่ทว่าไม่สำเร็จดังคาด โจโฉเองจึงต้องเป็นฝ่ายหลบหนี และโดนประกาศล่าค่าหัว
ระหว่างทางโดนตันก๋งเจ้าเมืองจงพวนจับ แต่พูดเข้าหู เจ้าเมืองจึงพาโจโฉหนี และขอร่วมเดินทางไปหาแปะเฉียพี่น้องร่วมสาบานของพ่อโจโฉ
สุดท้ายโจโฉได้สังหารแปะเฉีย เลยเถิดไปฆ่าครอบครัวและบริวารของแปะเฉียด้วย โหดร้ายจัง ทำไมล่ะ เคยเป็นหนังใหญ่ด้วยตอนนี้
ที่จริง โจโฉเข้าใจผิด คิดว่า แปะเฉียทรยศหักหลัง ไปฟ้องทางการเพื่อเอาค่าหัว แต่ทำทีไปซื้อสุราอาหารมาเลี้ยงตน เมื่อได้ยินเสียงบ่าวไพร่จะเชือดหมู เข้าใจว่าจะเข้ามาฆ่าตน จึงสังหารเสีย เมื่อรู้ความจริงว่าตนคิดเองเออเอง ได้หนีออกมา และฆ่าแปะเฉียด้วย
เพื่อปกป้อง
หนีให้รอด
จำต้องฆ่า
ใจต้องเหี้ยม
 
            แอบอ้างอำนาจบารมีฮ่องเต้
            การปลูกฝังความเชื่อจนฝังจิตฝังใจว่า ฮ่องเต้ คือ เจ้าเหนือชีวิต แน่นอน ไม่มีใครกล้าฆ่า แม้แต่ลบหลู่ เมื่อตั๋งโต๊ะได้ครองเมือง แต่ยังไม่มีอำนาจบารมีมากพอ ได้ใช้ฮั่นเสี้ยนตี้ฮ่องเต้เป็นเพียงหุ่นเชิด
            ครั้นต้องหลบลี้หนีภัย ฮั่นเสี้ยนตี้ฮ่องเต้ต้องตระเวนหนีไปกับตั๋งโต๊ะด้วย
หลังจากตั๋งโต๊ะเสียชีวิต จึงได้กลับคืนนครลั่วหยาง
            เมื่อโจโฉเริ่มมีอำนาจ จึงเลียนแบบตั๋งโต๊ะ ไม่ฆ่า แต่ไม่อยากให้มีอำนาจล้นฟ้า โจโฉให้ฮั่นเสี้ยนตี้ฮ่องเต้ไปอยู่ที่เมืองฮูโต๋แทน
            ฮั่นเสี้ยนตี้ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ภายใต้เงาการบริหารของตั๋งโต๊ะและโจโฉมาตลอดชีวิต ไม่ได้เป็นฮ่องเต้ที่มีศักดิ์ศรีของฮ่องเต้อย่างแท้จริง นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ราชวงศ์ฮั่นตะวันออกล่มสลายลงในที่สุด
เป็นฮ่องเต้ที่ไร้อำนาจเหมือนหุ่นเชิด ไม่รู้ว่าจะคิดหรือรู้สึกเช่นไร อาจจะดีกว่าไม่ได้ครองตำแหน่งก็เป็นได้หรือแย่กว่านั้น ถ้าไม่ยอมทำตามชีวิตอาจจะหามีไม่ตามตั๋งโต๊ะด้วยก็เป็นได้
ฮั่นเสี้ยนตี้ฮ่องเต้รู้ตัวดีว่า ไม่ได้มีอำนาจที่แท้จริง จึงส่งสารลับไปให้เล่าปี่ ซุนเกี๋ยน รวมทั้งเจ้าเมืองใหญ่น้อยได้ร่วมกันปราบโจโฉ
หวังกอบกู้อำนาจคืน
จึงยืมมือหลายฝ่าย
หารู้ไม่ ทำไม่ได้
และยิ่งทำให้เละมากขึ้น
 
พ.ศ. 739 โจโฉเป็นอุปราชในฮ่องเต้ แรก ๆ โจโฉคงจะเคารพเจ้าเหนือหัวในฐานะโอรสสวรรค์ที่สืบสายโลหิตของฮ่องเต้ แต่นานวันเข้าอาจตั้งคำถามว่าทำไมตนต้องยำเกรงด้วย
โจโฉมีอำนาจที่แท้จริงเหนือฮั่นเสี้ยนตี้ฮ่องเต้ ปกครองบ้านเมืองในช่วงที่ฮั่นเสี้ยนตี้ฮ่องเต้ยังเป็นเด็ก
ไม่อาจเอื้อม
แต่แอบอ้าง
เพื่อเป็นใหญ่
เยี่ยงฮ่องเต้
 
ต่างเป็นใหญ่ แย่งกันมีอำนาจล้นฟ้า
โจโฉกุมอำนาจในราชสำนักและดินแดนส่วนใหญ่ทางตอนเหนือทั้งหมด ฮ่องเต้พยายามหาคนมาช่วย เล่าปี่เป็นญาติห่าง ๆ ที่ดูไม่มีพิษสงสามารถคุมดินแดนทางตะวันตก ตระกูลซุนเจ้าเมืองคุมดินแดนทางตะวันออกและตอนใต้
เมื่อฮั่นเสี้ยนตี้ฮ่องเต้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ โจโฉให้ฮั่นเสี้ยนตี้ฮ่องเต้มีอำนาจ ตนขอแค่เป็นอ๋องปกครองเมืองเว่ย และให้โจเฮาลูกสาวเป็นสนม
ดูไปแล้ว บ้านเมืองน่าจะสงบสุข ด้วยฮ่องเต้มีอำนาจ แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ถึงแม้โจโฉเป็นแค่อ๋องเมืองเว่ย แต่แท้ที่จริงมีอำนาจเหนือฮ่องเต้ และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของวรรณกรรมเรื่องสามก๊ก
แผ่นดินแตกแยกแบ่งเป็นสาม ด้วยทั้งสามต่างอ้างว่าได้รับอำนาจจากฮ่องเต้ แล้วใครล่ะ คือ ผู้ได้รับอำนาจอันชอบธรรม
หัวเมืองต่าง ๆ แตกแยกออกไปเป็น 3 ส่วน มีสามก๊ก คือ โจโฉก๊กหนึ่ง เล่าปี่ก๊กหนึ่ง และซุนกวนอีกก๊กหนึ่ง ต่างประกาศเป็นใหญ่ ไม่ขึ้นต่อกัน
วุ่ยก๊กหรือก๊กเว่ยกลุ่มของโจโฉ จ๊กก๊กหรือก๊กสูกลุ่มของเล่าปี่ที่ขงเบ้งเป็นกุนซือ ง่อก๊กหรือก๊กหวูที่มีซุนกวนเป็นผู้นำ
ต่างฝ่ายต่างอ้างความชอบธรรม ไม่ยอมขึ้นต่อกัน
โจโฉอ้างว่า ตนอยู่ในเมืองหลวง เมื่อสิ้นอำนาจตั๋งโต๊ะแล้ว โจโฉเป็นอุปราชในฮ่องเต้ ผู้สืบทอดอำนาจในราชสำนัก
ฝ่ายเล่าปี่อ้างว่า โจโฉกุมอำนาจเหนือฮ่องเต้ ไม่ต่างไปจากตั๋งโต๊ะ ส่วนตนได้รับมอบอำนาจจากฮ่องเต้ให้ปราบโจโฉ
ฝ่ายซุนกวนลูกชายของซุนเกี๋ยน เป็นเจ้าเมืองในหัวเมืองใหญ่ ที่ได้รับมอบอำนาจจากฮ่องเต้เช่นกัน ที่ขอความร่วมมือให้เข้ามาปราบตั๋งโต๊ะและโจโฉ ที่มีอำนาจเหนือฮ่องเต้
ดูไปแล้ว ไม่รู้ว่า ใครคือตัวแทนแห่งอำนาจของฮ่องเต้ เมื่อฮ่องเต้มอบอำนาจให้ทั้งสามเช่นกัน
ช่วงที่เกิดสามก๊ก ไม่มีใครยอมกันนี้ กินเวลานานถึง 60 ปี ชาวบ้านในยุคนี้คงเกิดมาแบบคนมีเวรมีกรรมมีแต่การสู้รบ หาความสงบสุขไม่ได้
วุ่ยก๊กหรือก๊กเว่ยจัดเป็นก๊กที่ใหญ่ที่สุดและมีอำนาจมากที่สุดถึงขนาดตั้งตนเป็นฮ่องเต้ได้เป็นก๊กแรก มีโจโฉเป็นผู้นำที่มีความสามารถทางทหาร มีบารมีมาก ภายหลังใช้อำนาจฮ่องเต้สั่งการระดมพลทหารเพื่อปราบก๊กเล็กก๊กน้อยที่ต่อต้าน
ช่วงแรกต่างฝ่ายต่างดูแลดินแดนของตนเอง ต้องการขยายอาณาเขต หาไพร่พลในสังกัดให้ได้มากที่สุด จึงมีแต่สงครามทั่วทั้งผืนแผ่นดินจีน
ผู้นำสามก๊กในช่วงที่บ้านเมืองยังไม่มั่นคงแข็งแรง คงไม่มุ่งหวังให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง นอกจากขยายอาณาเขตและประกาศว่านี่เป็นแผ่นดินในสังกัดของตน
ในจำนวนผู้นำรัฐทั้งสามหรือสามก๊กนั้น ที่โดดเด่นที่สุด คือ โจโฉสามารถทำบ้านเมืองให้เจริญด้วยการฟื้นฟูการเกษตร การเพาะปลูกโดยใช้แรงงานจากทหารมาเพาะปลูกเพื่อเก็บไว้เป็นเสบียงยามสงคราม แก้ไขระบอบการปกครองจากราชสำนักฮั่นตะวันออกที่ล้มเหลวให้ดีขึ้น จำกัดอำนาจของเจ้าของที่ดิน กวาดล้างอำนาจของขุนนางและเชื้อพระวงศ์ แบ่งระดับขุนนางที่ปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็น 9 ระดับ เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น
ด้านศิลปะวิทยาการก้าวหน้า การแพทย์แผนจีนมีหมอหัวถัวหรือฮูโต๋มีฝีมือในการผ่าตัดและใช้ยาชา
ด้านศาสนาลัทธิเต๋าของกลุ่มกบฏโพกผ้าเหลืองพ่ายแพ้ทางการเมืองจึงอ่อนแอลงในขณะที่ศาสนาพุทธเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
โจโฉเป็นคนเก่งทั้งการรบและวรรณกรรม ผลงานตำราพิชัยสงครามจัดเป็นสุดยอดที่ใช้มานับแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน เมื่อพูดถึงการรบต้องนึกถึงตำราพิชัยสงครามของโจโฉเสมอ
 
ช่วงที่ราชวงศ์ฮั่นตะวันออกล่มสลาย โจโฉคุมท้องที่ภาคเหนือที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุด ให้ฮั่นเสี้ยนตี้ฮ่องเต้ เป็นเพียงหุ่นเชิด
โจโฉมีความสามารถด้านกวีนิพนธ์ อักษรวิจิตร และศิลปะการต่อสู้
โจโฉสถาปนาแคว้นวุ่ย ต่อมาโจผีบุตรชายได้ตั้งราชวงศ์วุ่ยและยกย่องให้โจโฉพระบิดาได้เป็นฮ่องเต้ด้วย
 
จากนายทหารตัวเล็ก ๆ
ก้าวกระโดดเป็นผู้นำก๊ก
แอบอ้างบารมีฮ่องเต้
จนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
สุดท้ายได้บันทึก
ในหน้าประวัติศาสตร์
ได้เป็นฮ่องเต้
แผ่นดินจีนยุคสามก๊ก
 



Create Date : 10 พฤษภาคม 2566
Last Update : 10 พฤษภาคม 2566 9:07:28 น.
Counter : 304 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments