Group Blog All Blog
|
สุยหยางตี้ฮ่องเต้ สุยหยางตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 1148 - 1160 12 ปีที่สุยหยางตี้ฮ่องเต้ได้ครองราชย์ เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 2 และองค์สุดท้ายในราชวงศ์สุย มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ ด้วยรู้ว่าพระบิดาเป็นคนประหยัดมัธยัสถ์ จึงสร้างภาพเป็นคนประหยัดเฉพาะต่อหน้าพ่อ นี่แม่คงสอนมานั่นแหละ เพื่อหวังให้พ่อเปลี่ยนใจมาสนับสนุนตน แทนที่จะให้โอกาสแก่พี่ชายคนโตตามจารีต ยอมอดทนแสดง นิสัยประหยัดให้พ่อรัก เพื่อมุ่งหวังในสิ่งที่จะได้ มันคุ้มค่ามาก ๆ กับการสร้างภาพ ด้วยนิสัยที่แท้จริงเป็นคนฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อชอบรักสนุก รักความโก้หรูหรา เมื่อได้อำนาจ นิสัยแท้จริงจึงปรากฏออกมา บ้านเมืองเคยชินกับการประหยัดมัธยัสถ์ในสมัยของฮ่องเต้ผู้เป็นพ่อ สุยเหวินตี้ฮ่องเต้มองเห็นว่า ประชาชนยากแค้นอับจนเสียเป็นส่วนมาก จึงไม่ขูดรีดเก็บภาษีอย่างรีดนาทาเร้น คำนี้แปลว่าอะไร เก็บบ้างนิดหน่อยมั้ง สุยหยางตี้ฮ่องเต้มีนิสัยที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง มองเห็นความต้องการของตนเป็นใหญ่ ต้องการเสพสุขเสียให้สิ้น สมกับที่ต้องแกล้งแสดงตนให้พ่อชื่นชมมาเสียนมนาน ผู้พ่อเห็นใจชาวบ้าน ไม่รีดนาทาเร้น ผู้ลูกขูดรีดตามที่ต้องการ เพื่อหวังเสพสุข เมื่อมีอำนาจสั่งการได้ทุกอย่าง ขาดคนคอยขัดขวางแล้ว จึงสร้างเรือขนาดใหญ่ให้ชื่อว่า เรือมังกรจะได้สมฐานะและอำนาจที่มีอยู่ นี่คือผลงานชิ้นโบว์แดง เรือขนาดใหญ่โตมโหฬาร กับลำคลองที่กว้างพอ ให้เรือใหญ่แล่นผ่านไปได้ และยาวมากตามต้องการ เพื่อแล่นเรือเที่ยวชมทั่วเมือง เมื่อมีเรือมังกรจำต้องมีคลองขนาดใหญ่เพื่อให้สามารถล่องเรือมังกรเที่ยวชมบ้านเมือง ไปในท้องถิ่นที่ไม่เคยมีลำคลองมาก่อน ด้วยความคิดที่ทำใหญ่เกินตัว จึงได้เกณฑ์ไพร่พลมากมาย เพื่อขุดคลองขนาดใหญ่ สิ้นงบประมาณจำนวนมหาศาล แทบจะเรียกได้ว่าเกือบหมดท้องพระคลังเลยทีเดียว หรืออาจจะหมดไปแล้วก็ได้ เงินที่พ่อเก็บหอมรอมริบ ประหยัด โดนลูกผลาญจนหมดสิ้น แล้วขูดรีดภาษีจากชาวนาผู้ยากไร้ เมื่อต้องการเงินจำนวนมากมายมหาศาล วิธีการที่ทางการจะหาเงินได้ มาจากไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่จากการรีดนาทาเร้นอย่างโหดร้ายทารุณ ประชาชน ชาวบ้านที่เคยตาดำ ๆ คงเหลืองอ๋อย ด้วยไม่มีอาหารพอยาไส้ หรือแดงก่ำด้วยแรงแค้นสุมอก ที่ไม่รู้จะทำฉันใดได้ นอกจากอดทนรอวันของตน เงินทองแทบไม่มีสำรองเลี้ยงชีพ แต่ปูยังโดนรีดเลือด จนปูคิดว่าตายกับอยู่ คงมีค่าเท่ากัน สู้ลองเสี่ยงลุกฮือขับไล่ผู้บ้าอำนาจคนนี้ เพื่อแลกกับชีวิตใหม่ที่อาจดีกว่าเดิม อย่าหลงคิดว่า ชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ดูไร้พิษสง ยอมทำตามทุกสิ่งอัน จะลุกมาต้านอย่างทระนงในสักวัน เมื่อเหลืออดเหลือทน คงจำต้องสู้ มีหรือที่ประชาชนจะรู้สึกชื่นชมกับเรือมังกรและคลองขนาดใหญ่ที่สนองกิเลสของคนเพียงคนเดียว ความรู้สึกเกลียดชังของผู้คนทั่วทั้งแผ่นดิน เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว และคงส่งต่อยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง จากปากต่อปาก แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ด้วยแรงแค้นที่สุมอก ต้องจำทนทำ อย่างไม่มีทางเลี่ยง ถ้าเป็นสมัยนี้ กลุ่มไลน์ สายคงแทบมอดไหม้ ส่งต่อมือเป็นระวิง แค่สร้างเรือมังกรกับขุดคลองขนาดใหญ่ทั่วแดนแผ่นดิน ยังไม่หนำใจ เมื่อสุยหยางตี้ฮ่องเต้คิดปรับปรุงบูรณะกำแพงเมืองจีนอีก พร้อมทั้งเกณฑ์ไพร่พลจำนวนมากไปรบกับเกาหลี งานใหญ่หลายงานประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน ทั้งแรงงานไพร่พล ทั้งเงินทองที่จำต้องใช้ มันมากเกิน มันเหลืออดเหลือทนแล้วนะ ความอดทนของไพร่ฟ้าซึ่งหน้าไม่ใสเสียแล้วในตอนนี้ จึงเหลือน้อยเต็มที แม้แต่ข้ารองพระบาททั้งหลาย ต่างคิดเห็นตรงกันว่า สมควรเปลี่ยนผู้ครองอำนาจเสียที ไม่รู้เวลา จังหวะอันเหมาะควร อยากได้ใคร่ดี จำต้องได้ในทันที ผลเป็นไงล่ะ เมื่อทุกผู้คนเซ็งระเบิด สุยหยางตี้ฮ่องเต้เป็นคนโหดร้ายทารุณและชอบการสงคราม จะลงโทษทารุณประชาราษฎร์ที่ขัดขืนไม่ยอมทำตามคำสั่ง ในการสร้างคลองขนาดใหญ่ จากเหนือจรดใต้ รวมทั้งการบูรณะกำแพงเมืองจีนและรบกับเกาหลี พวกชาวบ้านไม่เข้าใจว่า ทำไปทำไม คำสั่งของสุยหยางตี้ฮ่องเต้ จึงมีแต่เรื่องที่ไร้สาระมาก ๆ ชาวบ้านขนานนามคลองนี้ว่า ลำน้ำเลือดหรือต้ายุ่นเหอ ซึ่งมีความยาวของลำคลองร่วมสองพันกิโลเมตร ทำไมต้องขุดคลองที่ทั้งใหญ่และยาวเช่นนี้ เพราะสุยหยางตี้ฮ่องเต้ต้องการเยี่ยมชมอาณาจักรของพระองค์ให้ทั่วถึง แค่กิเลสตัณหา ความอยากที่เกินตัว เหตุผลนี้ อาจดูดี ก็ทำได้ ถ้าบอกว่า ต้องการรู้จักชาวบ้านอย่างแท้จริงแทนการฟังจากขุนนางท้องถิ่น จะดูดีกว่านี้มั้ย ทว่ามันดูมากเกินไป เหมือนลงทุนขี่หลังช้างจับตั๊กแตนตัวเดียว เหตุผลที่จะดูเข้าท่า คือพัฒนาทางสัญจรให้ชาวบ้านเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น ในความเป็นจริง ไม่รู้ว่า ผู้มีสิทธิ์ใช้อาจแค่ฮ่องเต้เท่านั้น เมื่อสุยหยางตี้ฮ่องเต้เป็นคนมีพระยศพระเกียรติมากมายชอบทำตัวให้สมพระเกียรติ เวลาเที่ยวชมทางเรือจึงต้องมีขบวนเรือที่ใหญ่โตตามไปด้วย เฉพาะขบวนเรือเสด็จยาวเป็นกิโลแล้ว การสู้รบเพื่อหวังจะขยายอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร แต่ผลจากการรบ จีนพ่ายแพ้ต่อเกาหลีในสมัยโกรกูรยอถึง 3 ครั้ง แผ่นดินจีนที่เคยเรืองอำนาจกลับต้องพ่ายแพ้ต่อประเทศเล็ก ๆ ฮ่องเต้ย่อมไม่สบอารมณ์และต้องการเอาชนะมากขึ้น ยิ่งทุ่มทุนสร้างยิ่งล่มจม สุยหยางตี้ฮ่องเต้ถึงกับหมดอนาคตเพราะเรื่องพวกนี้ ความอดทนสิ้นสุดลงได้ เมื่อความเอือมระอากับความเบื่อหน่ายของข้ารองพระบาทที่มองเห็นแต่เรื่องไร้สมรรถภาพของสุยหยางตี้ฮ่องเต้มีมากขึ้นมา จนจุกคอหอยแล้ว ผนวกกับความรู้สึกเกลียดชังของไพร่ฟ้าทั่วแผ่นดินเกิดขึ้นพร้อมกัน ความจำเป็นที่คอยส่งส่วยบำรุงบำเรอฮ่องเต้จึงลดน้อยถอยลงจนเกือบเป็นศูนย์ มีหรือที่สุยหยางตี้ฮ่องเต้จะสามารถอยู่ในอำนาจได้อีกต่อไป การลุกฮือขับไล่จึงเกิดขึ้นและความสำเร็จก็ตามมาในทันที หมดสิ้นอำนาจของสุยหยางตี้ฮ่องเต้และสิ้นยุคราชวงศ์สุย ซึ่งยิ่งใหญ่ด้วยการปราบดาภิเษกของผู้เป็นพ่อและหมดสิ้นอำนาจวาสนาในยุคของลูกเฉกเช่นเดียวกับราชวงศ์ฉิน อาณาประชาราษฎร์ ไพร่ฟ้าหน้าใส ขุนนางข้าราชบริพาร คนใกล้ชิดรายล้อม ช่วยค้ำจุนบัลลังก์ให้อยู่ยงคงกระพัน วันใดคับข้องใจ บัลลังก์ย่อมสั่นคลอน อำนาจพลิกขั้วง่าย ๆ อีกครา มีอำนาจได้ ด้วยผู้เป็นพ่อ หมดอำนาจด้วยผู้เป็นอ๋อง หลี่หยวนเป็นผู้ว่ามณฑลไท่หยวนในขณะนั้น มีบรรดาศักดิ์เป็นอ๋องครองเมืองถัง ได้ยกทัพเข้ายึดเมืองฉางอานราชธานีของราชวงศ์สุย ปลดสุยหยางตี้ฮ่องเต้ลงเป็นไท่ซ่างหว่างและแต่งตั้งหยางหยูหลานชายเป็นฮ่องเต้แต่ในนาม ในขณะเดียวกันราชวงศ์สุยเองพยายามยกให้หยางทงน้องของหยางหยูขึ้นเป็นฮ่องเต้ต่อจากสุยหยางตี้ฮ่องเต้ เพื่อป้องกันอำนาจของหลี่หยวน คนนั้นจะเอาอย่างนั้น คนนี้จะเอาอย่างนี้ ให้นั่นจะเอานี่ เรื่องมากกันนัก ชวดหมดอดเลยทุกฝ่าย สองฝักสองฝ่าย คนละขั้ว ต่างหวังต่ออำนาจของตน แย่งชิงกัน ใครจะแน่กว่า อีกฝ่ายบ่น ยุ่งกันนัก ให้โน่นจะเอานี่นั่น เลยเป็นใหญ่ซะเอง หมดเรื่อง ภายหลังหลี่หยวนปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์ถัง การหมดสิ้นอำนาจวาสนาของผู้มีอำนาจสูงสุดของแผ่นดินด้วยการลุกฮือขับไล่จากประชาชนตาดำ ๆ ที่แทบจะไม่มีน้ำยาใด ๆ ในสายตาของฮ่องเต้เลย ถ้าประชาชนอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข มีฮ่องเต้ที่รักใคร่ดูแลไม่ให้ลำบากยากแค้น การสูญสิ้นราชวงศ์สุยคงจะไม่อาจเกิดขึ้น แบบนี้โทษใครได้ นอกจากทำตัวของตัวเอง หลงในอำนาจมัวเมา คิดสิ่งใดย่อมได้ในสิ่งนั้น สุดท้ายไม่เหลือสักสิ่งให้เชยชม แม้แต่ชีวิตก็หาไม่ อย่าหลงทระนงตนว่ายิ่งใหญ่คับฟ้า ด้วยอำนาจที่มีนั้น ได้จากสิทธิ์ตามจารีต หาใช่เกิดจากบารมีที่สร้างสมด้วยตนเอง และไพร่ฟ้ากับขุนนางที่จงรักภักดีด้วยใจ จึงสิ้นสุดอย่างน่าอนาถที่สุดในประวัติศาสตร์ ครั้งนี้สิ้นสุดด้วยการเอาชนะและแขวนคอสุยหยางตี้ฮ่องเต้ที่เมืองเจียงตูได้สมปรารถนาของผู้คนทั่วทั้งแผ่นดิน คงเป็นฮ่องเต้ที่ตายอย่างอนาถมากทีเดียว ถ้าไม่ดีจริงไม่แน่จริง ไม่ควรหวังในสิ่งที่เกินตัว ผลสุดท้ายมันได้ไม่คุ้มเสีย ในยุคสมัยนั้นการสร้างเรือมังกรและคลองขนาดใหญ่อาจไม่เป็นที่สบอารมณ์ของทุกคน แต่กลับกลายเป็นว่า นี่คือผลงานที่โดดเด่นที่สุดของสุยหยางตี้ฮ่องเต้ ต่ออนุชนคนรุ่นหลัง และกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่านับอนันต์ต่อแผ่นดินจีนในยุคต่อมา ถ้าเพียงแต่สุยหยางตี้ฮ่องเต้จะสร้างเรือมังกรและคลองขนาดใหญ่ด้วยความคิดที่ว่าจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้คนโดยทั่วไป และสามารถแสดงวิสัยทัศน์ให้ทุกคนได้มองเห็น และรับรู้ว่านี่คือ นวตกรรมของการคมนาคมขนส่ง อาศัยความร่วมมือร่วมใจและให้ค่าตอบแทนแก่ประชาชนที่ถูกเกณฑ์ฝีมือแรงงานมาอย่างที่ทุกคนพึงพอใจแล้ว ไม่แน่ว่าสุยหยางตี้ฮ่องเต้อาจจะกลายเป็นที่รักใคร่ของผู้คนทั่วหล้าก็เป็นได้ การกระทำเดียวกันแต่เจตนาต่างกัน ทำให้ผลที่เกิดขึ้นและผลกระทบที่ตามมา แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพียงเพราะขาดเจตนาที่ดี เพราะความสามารถที่ไม่ปรากฏชัดเจน เพราะขาดคุณลักษณะที่ดีของผู้ปกครอง เพราะความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายเกินตัว เพราะเอาแต่ใจตนเองเป็นที่ตั้ง ต้องได้ในทันที หลงเหลิงในอำนาจ ลืมมองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ว่าคิดและรู้สึกเช่นไรต่อตนและอำนาจที่ได้ใช้ไป ทำให้ประชาชนลุกฮือขับไล่ และได้ผลสำเร็จ สุยหยางตี้ฮ่องเต้หลบหนีลี้ภัยไปไกลถึงเฉิงตู แต่ยังไม่วายโดนพวกกบฏตามมาล่าล้างแค้นถึงแก่ชีวิต อันที่จริงสุยหยางตี้ฮ่องเต้คงไม่ได้เลวไปเสียทุกเรื่อง เพียงแต่ความเลวอาจมีมากกว่าและส่งผลต่อคนโดยส่วนรวม สุยหยางตี้ฮ่องเต้ได้ตรากฎหมาย ลดการลงโทษแบบทารุณให้ลดน้อยลงเมื่อเทียบกับสมัยก่อนหน้านี้ ที่สำคัญเพราะสุยหยางตี้ฮ่องเต้จึงปรากฏการสอบคัดเลือกคนเก่งเข้ามาในราชสำนัก หรือที่เรียกว่าการสอบจอหงวน และเป็นสิ่งที่ทำให้จีนในยุคต่อมาเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ จนเป็นมหาอำนาจ จอหงวนคือการค้นหาเพชรในตม เปิดโอกาสให้คนเก่งที่มีความสามารถ เจริญรุดก้าวหน้าในสังคมด้วยตนเอง #สุยหยางตี้ฮ่องเต้ #พรรณีเกษกมล |
สมาชิกหมายเลข 4665919
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |