เมื่อไม่ได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ ม.เชียงใหม่แล้ว...... คงถึงเวลาเลิกติสท์แดกเสียที
นับแต่เรียนจบปริญญาโท ผมติสท์แดกมาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม
ติสท์แดกในที่นี้คือการทำใจตัวเอง ไม่ฟังเสียที่บ้าน ไม่ไขว่คว้าเงินทอง ไม่เข้าสู่ระบบทุนนิยมเป็นลูกจ้างบริํษัทห้างร้านต่าง ๆ ผมทำตามใจตัวเองโดยการมาเป็นอาจารย์พิเศษที่เชียงใหม่ ไม่มีแม้แต่เงินเดือน
งานอาจารย์พิเศษได้เงินเป็นก้อน เทอมแรกผมสอนราชภัฎเชียงใหม่ ได้เงินสองงวดหมื่นนิด ๆ เทอมนี้ผมสอน มช. พึ่งทราบเมื่อกี้ว่าจะได้หมื่นสาม ทว่าเงินเหล่านั้นจะได้เมื่อไหร่ไม่รู้ คณบดียังไม่ได้เซ็นอนุมัติเลย
อาจจะชาติหน้าเหมือนชื่อของผมก็ได้....
ผมรักการเป็นอาจารย์ ผมชอบสอนคนอื่น สมัยเรียนก็ติวรุ่นน้อง ผมมาเรียนปริญญาโทก็เพราะว่าอยากเป็นอาจารย์ แม้เกรดตอนปริญญาตรีผมจะห่วยมาก ได้แค่ 2.76 เคยสัมผัสเกรดมากกว่า 3.0 ก็แค่ครั้งเดียวในชีวิต เกียรตินิยมเป็นเรื่องไกลตัวที่ไม่จำเป็นสำหรับชีวิต แถมยังไม่เป็นที่โดดเด่นทางผลงานเหมือนคนอื่น ๆ ในรุ่นที่ฝีไม้ลายมือเด็ดดวง
ดูเหมือนเป็นตลกร้ายและ paradox เสียเหลือเกิน เพราะบรรดาเพื่อน ๆ ผมหลายคนที่ถูกวางตัวเป็นทายาท ได้เกรดนิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองกลับทำงานตามความฝันโดยการเป็นแอร์โฮสเตส เลิกยุ่งเสียทีกับงานวิชาการ ปล่อยให้คนโง่ ๆ อย่างผมอยากเป็นอาจารย์
เทอมนี้ผมได้รับโอกาสเข้ามาสอนที่คณะการสื่อสารมวลชน คณะที่ผมเรียนจบมาสมัยปริญญาตรี แน่นอนว่าในหมู่เพื่อนฝูงรวมถึงตัวเองย่อมดีใจเป็นแน่แท้ แต่เอาเข้าจริงก็ดูเหมือนเป็นมายาหลอกล่อไปวัน ๆ เพราะคำว่าอาจารย์พิเศษชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไม่ได้ประจำ เงินต่าง ๆ มันก็มาบ้างไม่มาบ้าง
หลายท่านคงสงสัยว่าแล้วปกติเอาอะไรกิน ผมก็บอกและสารภาพตามตรงเลยว่า ขอพ่อขอแม่กินครับ เนื่องด้วยผมเป็นลูกคนเดียวและพ่อแม่ไม่มีภาระหนี้สินอื่น ๆ นอกจากหนี้ิสินในการให้ลูกเกาะกิน เลยไม่มีปัญหาอะไรเท่าไร นอกนั้นก็รับงานฟรีแลนซ์ทั่วไปเกี่ยวกับวิทยุเสียส่วนใหญ่ ซึ่งก็บอกตรง ๆ ว่ามันไม่พอรับประทาน
มาถึงวันนี้หมดภาคการศึกษาแล้ว การประชุมเกรดพึ่งเสร็จสิ้นไป ผมส่งเกรดเรียบร้อยเท่ากับว่าผมสิ้นสุดการเป็นอาจารย์พิเศษที่คณะนี้แล้ว ทางคณะก็ไม่ได้คุยต่อว่าเทอมหน้าอยากสอนไหม ซึ่งผมเองก็เตรียมคำตอบไว้แล้วว่าถ้าให้สอนก็คงไม่ เพราะผมต้องหางานประจำเลี้ยงชีพเสียที
ผมโกรธตัวเองหลายครั้งในความติสท์แดกของตัวเอง ตอนนี้ผมรู้ว่าผมต้องหางานประจำทำ แต่ผมก็ยังติสท์แดกเลือกงาน ใครหลายคนบอกว่าทำไปก่อนสิ แล้วเขามีรับอาจารย์ที่ไหนอย่างไรก็ไปสมัคร หรือไม่ก็ทนทำงานบริษัทเอกชนไปก่อน อย่าติสท์แดกมากนัก
ผมเลือกงาน ผมไม่เกี่ยงอยู่ต่างจังหวัด แต่กรุงเทพฯขอเป็นตัวเลือกสุดท้าย ผมคิดว่าผมได้รู้อะไรจากกรุงเทพฯมาเยอะแล้ว ทว่างานสายสื่อสารมวลชนที่ผมถนัดและอยากทำเกือบทั้งสิ้นอยู่ในกรุงเทพฯทั้งนั้น
ผมรู้สึกถึงความลักลั่นย้อนแย้งราวกับการ์ตูนเรื่องหงสาจอมราชันย์ในตัวเอง
ล่าสุดผมไปสมัครทำงานสื่อเป็น NGO ด้านแรงงานชาิติพันธุ์ โดยดูแลเกี่ยวกับสื่อวิทยุ ทางองค์กรก็ปล่อยให้รอกันไป ไม่ประกาศสักทีว่าใครได้ ผมเองก็กำลังมองหางานอื่น ๆ ที่คิดว่าตัวเองทำได้และทำแล้วมีความสุข ถ้าไม่ทำสื่อก็อาจจะเป็นนักวิจัย ฯลฯ
ผมคงต้องเลิกติสท์แดกเสียที พ่อแม่ผมก็อยากให้มีการมีงานทำประจำเสียที ช่วงนี้ก็เหมือน crisis ในชีวิตนิด ๆ ความเครียดสะสมทีละนิด โทรศัพท์คุยกันทีมีแต่อารมณ์เสีย
เอาเป็นว่าได้งานอะไรเมื่อไหร่ จะบอกกล่าวในคราวต่อ ๆ ไป
ทว่าวันนี้ ขออำลากับการมีคำว่าอาจารย์นำหน้าครับ
Create Date : 04 มีนาคม 2551 |
|
28 comments |
Last Update : 4 มีนาคม 2551 15:10:37 น. |
Counter : 4737 Pageviews. |
|
|
|
บางทีโอกาสจะเข้ามาหาเราหรือไม่ก็เป็นเรื่องสำคัญ
สู้ต่อไปนะ ดอง