13 เม. ย. 15 เม. ย. 2015
จากเชียงคานสู่ นาแห้ว ร่วมแห่ต้นดอกไม้บ้านแสงภา
ทริปนี้วางแผนว่าจะไปให้ได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ค่ะ
แรกเริ่มตั้งใจจะไปแค่เชียงคาน
แต่สะดุดโปรแกรมของบริษัททัวร์แห่งหนึ่งว่ามีทริปเชียงคานร่วมกับเทศกาลแห่ต้นดอกไม้
เขาระบุว่า Unseen
เอ๋ ยังเป็นเทศกาลที่ไม่เป็นที่รู้จัก ?
ไม่ได้สนใจว่าเป็น Unseenแต่สนใจตรงที่เราได้ร่วมพิธีกับชาวบ้านด้วยเป็นท่องเที่ยว
เชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้านก็สนใจยกหูโทรศัพท์โทรไปแจ้งขอจับจองที่นั่งสำหรับทริปนี้ทันที
ทริปนี้เดินทางจากสุวรรณภูมิถึงสนามบินอุดรในเช้ามืดวันที่ 13 เม.ย ค่ะ
ตื่นแต่เช้าหน่อย แต่เที่ยวได้นานหน่อย
สถานที่แรกของทริปเราคือ วัดป่าภูก้อนเป็นวัดที่สร้างเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สร้างอยู่บนเขากลางป่าภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ปางปรินิพพานหินอ่อนสีขาว
การก่อสร้างสวยงามมากค่ะ
สังเกตให้ดี ที่ช่อฟ้าจะเป็นรูปเลขเก้าไทยค่ะ
รอบวัดก็มีทิวทัศน์ที่สวยงาม เสียดายที่ไม่ได้แวะจุดชมวิวที่เห็นวัดจากที่ไกล
จะได้เห็นว่าวัดสวยแค่ไหน
หลังจากสักการะพระพุทธไสยาสน์แล้ว ทริปก็มุ่งสู่เชียงคาน จ.เลย
พอเอ่ยถึง "เชียงคาน"
เชื่อว่าวัยฮิปรู้จักกันทุกคน และคงมีหลายคนที่ได้ไปเยือนถิ่นนี้มาแล้ว
จขบ ไม่ใช่วัยฮิป แต่อยากไปเยือนเชียงคานสักครั้ง
ก็แหม เห็นรูปถ่ายที่ใครๆ ไปมาแล้ว ทำให้อยากไปบ้างนี่คะ
แต่ทริปนี้เรามีเวลาที่เชียงคานแค่ช่วงเย็นถึงเช้าเท่านั้น
แต่จากคำบอกของไกด์ เขาพูดว่า "เชียงคานกำลังเปลี่ยนไป"
พอไปถึง ก็เห็นด้วยกับไกด์
ชีวิตชุมชมริมโขงแห่งนี้ อาจถูกกลืนวัฒนธรรม
ทำไมน่ะหรือคะ
ดูจากร้านกาแฟฮิปๆ โรงแรมชิคๆ สิ่งปลูกสร้างที่รีโนเวตจากบ้านไม้เก่า ที่ไม่ได้คงความเก่าดั่งเดิม
แต่เราคงต้องยอมรับว่าทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลา (และ Wifi)
บ้านไม้หลังที่ จขบ และพี่สาวยืนแอ๊คถ่ายรูปหลังนี้เป็นหลังเดียวและ
หลังสุดท้ายที่ยังคงแบบเดิมอยู่ค่ะ
รูปแบบชีวิตเดิมๆ กำลังเปลี่ยนไป อย่างตู้ไปรษณีย์ตู้นี้ ยังถูกใช้งานอยู่หรือไม่
ไม่ใช่แค่ตู้นี้ ตู้อื่นๆ ในประเทศไทย ยังคงมีจดหมาย
หรือไปรษณียบัตรหย่อนไปในนั้นหรือเปล่า
จขบ เป็นคนชอบเขียนจดหมาย และส่งไปรษณีย์ค่ะ
และคงจะเสียดายมากถ้าการสื่อสารแบบนี้จะสูญหายไป
เดินถนนคนเดินช่วงบ่ายสักพักก็หันมาปั่นจักรยานบ้าง
ใครมาเชียงคาน ไม่ได้ปั่นจักรยานไม่ผิดค่ะ
เดินก็ได้น้า ... แล้วจะบอกทำไม
แต่แค่เปลี่ยนบรรยากาศนิด จักรยานมีให้เช่าทั่วไปในถนนคนเดินค่ะ
ราคาห้าสิบบาทแลกกับบัตรประชาชนกันเราขโมยจักรยานเขา (ฮา)
ปั่นไปปั่นมา ท้องก็หิวนะคะ ร้านอาหารในเชียงคานมีเยอะค่ะ แล้วแต่จะเลือกทานกัน
แต่อยากให้ลองแผงขายอาหารริมทาง
สิ่งที่ จขบ และพี่สาวถือโชว์อยู่นี้คือกุ้งเสียบไม้ย่าง
เมี่ยงเสียบไม้เป็นคำ ๆ ก็อร่อยค่ะ ได้สุขภาพดี
แต่ที่เขามักต้องซื้อกินกันคือปาท่องโก๋ยัดไส้
ปาท่องโก๋ทอดร้อน ไส้มีสามไส้ค่ะ สังขยา กล้วย และผัก จขบ ลองสังขยา อร่อยทีเดียว
แสงอาทิตย์ริมโขงสวยมากค่ะ
มีเวลานั่งมองจนอาทิตย์ลับฟ้าเลย ซื้อของกิน กาแฟอร่อยๆ
มานั่งกินกันสบายอารมณ์สโลวไลฟ์มากเลยค่ะ
ขอเดินเล่นกันก่อนกลับไปพักเอาแรงที่ห้อง ถนนคนเดินเชียงคานช่วงวันหยุดสงกรานต์
ค่อนข้างโล่ง พ่อค้าแม่ค้าต่างบอกว่า ตามจริงแล้วที่นี่จะปิดช่วงสงกรานต์ค่ะ
แต่เพราะยังมีนักท่องเที่ยว จึงต้องเปิดร้านค้า
แต่ก็ได้บรรยากาศดีนะคะ
คนโล่งๆ แบบนี้ ชอบนัก
แต่เสียดายที่มีเวลาที่นี่แค่คืนเดียวเท่านั้น
ตกกลางคืนก็เข้าพักในโรงแรมที่ทริปจัดให้ นอนสบายทีเดียวค่ะ
ด้านหลังเป็นริมโขงเล็งไว้แล้วว่าจะตื่นแต่ตีสี่ออกไปหาน้องช้าง
ภาพช้างบางๆ ไม่ดุเลย ผลจากการตื่นตีสี่ค่ะ น่าเสียดายที่มีแสงจันทร์รบกวนบวกกับ
ฝีมือไม่ถึง (อันนี้มีส่วนกว่านะ ฮา) เลยได้มาแค่นี้
ไม่เป็นไร วันหน้าขอแก้มือใหม่นะ
พออาทิตย์เริ่มฉายแสงก็ย้ายมุมไปถ่ายแสงยามเช้าบ้าง
ภาพนี้ใช้ฟิลเตอร์ ND สี่เหลี่ยมค่ะ
รู้สึกว่าความคมชัดมันไม่ได้เท่าฟิลเตอร์แก้ว แต่ก็สมราคา (ฝีมือไม่ดีต่างหาก แน่ะ T_T)
ยามเช้านี่คนเชียงคานก็ตื่นเช้านะคะ ตอนที่ถ่ายรูปจึงไม่เปลี่ยวมากเท่าไหร่
บอกตรงๆว่า ตอนเดินไปริมโขงนี่กลัวความมืดมาก
แต่โชคดีที่มีแม่ค้าคนหนึ่งกำลังเตรียมอาหารขายแถวนั้นก็เลยมีเพื่อน
ซึ่งแม่ค้าเขาอาจจะกลัวเราหรือเปล่าเนาะ ก็จะมีใครล่ะที่ถือกล้องไปส่องฟ้ามืดๆ ตอนตีสี่
พอได้เวลาหกโมงเช้า กลองจากวัดปากถนนคนเดินก็ตีบอกเวลาให้รู้ว่าพระกำลังจะออกบิณฑบาตร
เราตักบาตรกันที่ถนนคนเดินค่ะ เวลาที่ตักบาตรเราจะใส้ผ้าสไบ(ไม่ทราบว่าภาษาถิ่นเรียกว่าอะไร)
กับผ้าถุง (คิดไปคิดว่า ผ้าถุงไทยเรานี่สวยนะคะ ชอบขึ้นมาอีก อยากใส่ในชีวิตประจำวัน
แต่กับการดำเนินชีวิตในเมืองอาจไม่เหมาะ (หมายถึงคนที่ต้องขึ้นรถลงเรือ)
ตักบาตรอิ่มใจ ก็ขออิ่มท้องกันบ้าง
อ่า อาหารเช้าของที่นี่ ก็ต้องไข่กระทะ กับข้าวเปียกเส้น
อิ่มอร่อยกันไปนะคะ กองทัพเดินด้วยท้อง ทุกอย่างพร้อมแล้ว
เราก็ออกเดินทางกันต่อ
(ต่อภาคสอง)