ทริปแข่งถ่ายภาพ "สนามกาญจนบุรี" : ปางช้าง-ปราสาทหิน
ความเดิมตอนที่แล้ว : จุดเริ่มต้น และ โจทย์ที่ 1
ตามกำหนดการที่รับทราบนั้น การเดินทางช่วงต่อไปจะใช้รถบัสตลอด ดังนั้นเมื่อนกหวีดรวมพลดังขึ้น ผู้แข่งขันและทีมงานก็ขึ้นรถบัสเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดที่ 2 ทีมงานแจ้งจุดหมายปลายทาง คือ ปางช้าง โจทย์คือ ถ่ายภาพช้างอาบน้ำ
ปางช้างนี้ เข้าใจว่าเปิดใหม่ ยังไม่ได้รับการโปรโมทมากนัก เราจึงไม่เห็นพื้นที่จัดการแสดงโชว์ความสามารถของช้างเหมือนปางช้างอื่นๆ ฟังโจทย์เสร็จ ก็กระจายตัวไปหามุมเหมาะกันเอง 100 กว่าชีวิต กับช้าง 7 เชือก หามุมหลบคนกันตามอัธยาศัย
เราก็จัดแจงถ่ายภาพจากมุมสูงเป็นหลัก เพราะตัวเล็กกว่าคนอื่น ถ้าลงไปยืนระดับเดียวกัน คงเก็บภาพได้ยาก
ถ้ากล้องเราแต่งภาพได้เลย เราก็คง crop รูปออกมาแบบนี้แล้วส่งประกวด
จากริมตลิ่ง ...ก็ลงไปลอยแพหามุมกล้องแปลกๆ บ้างเพราะ Pentax ปรับจอ LCD ได้
ท่า (เกือบ) นอนราบบนแพของเรา โดนช่างภาพเก็บภาพไปด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเล่มไหนนะ แต่ภาพที่ได้จากมุมมองนี้ ก็ไม่ค่อยถูกใจเราอยู่ดี จะเลิกเก็บภาพอยู่แล้วเชียว เดินกลับขึ้นตลิ่ง มองลงดูเพื่อนช่างภาพป้อนกล้วยช้างน้อย น่ารักดี และแล้วในจังหวะนั้น ก็มองเห็นช้างน้อยพ่นน้ำ รีบควักเอา Canon น้อยขึ้นมากดชัตเตอร์ทันที
ได้จังหวะที่พอใจ ...ก็เลยเลือกเอาภาพนี้ส่งประกวด แต่มาเห็นของเพื่อนคนอื่นจับได้ในมุมที่เห็นวงน้ำเป็นรูปหัวใจ ก็รู้ว่า...ผลงานเราัยังต้องฝึกอีกเยอะ
เอาล่ะ นกหวีดดังแล้ว ได้เวลาขึ้นรถบัส ออกเดินทางต่อ จุดหมายต่อไปคือ อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทเมืองสิงห์
อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ หรือที่เรียกกันว่า "ปราสาทเมืองสิงห์" อยู่ห่างจากพิพิธภัณฑสถานบ้านเก่าประมาณ 7 กิโลเมตร เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 323 เส้นทางสายกาญจนบุรี-ไทรโยค จนถึงกิโลเมตรที่ 15 จะมีทางแยกซ้ายไปปราสาทเมืองสิงห์อีก 7 กิโลเมตร เป็นโบราณสถานที่มีศิลปะการก่อสร้างอยู่ในยุคลพบุรีตอนปลาย ประมาณพุทธศตวรรษที่ 1618 ผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีเนื้อที่ประมาณ 800 กว่าไร่ กำแพงเมืองก่อด้วยศิลาแลงขนาดกว้าง 880 เมตร โดยได้รับอิทธิพลทางศาสนา และวัฒนธรรมจากกัมพูชา ตัวปราสาทล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง คูน้ำ และแนวคันดิน รูปแบบสถาปัตยกรรมและประติมากรรมสร้างตามลักษณะขอมแบบบายน ตรงกับสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ของประเทศกัมพูชาที่มีลักษณะช่างท้องถิ่นผสมอยู่ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. ค่าเข้าชมสำหรับชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 40 บาท
แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องถ่ายคือ ตัวปราสาทนั่นแหละ แต่จะทำยังไงให้มันเก็บครบ หัวข้อนี้เราจนปัญญามาก เพราะ compact มีความสามารถเก็บภาพมุมกว้างไ้ด้ระดับนึง เราต้องถอยหลังไปแค่ไหนถึงจะเก็บได้หมดกันนะเนี่ย ... สุดท้าย ก็เลิกคิด ...เก็บภาพเรื่อยเปื่อยตามใจตัวเองต่อไป
รูปปั้นพระนางปรัชญาปรามิตา : เทพีแห่งความเฉลียวฉลาดในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน
จากข้อความนั้น อ้างอิงถึงพุทธศาสนา แต่ทว่ารูปปั้นที่ประดิษฐานในปรางค์ประธานคือ พระศิวะ และรูปปั้นในปรางค์ด้านหลังก็ประดิษฐานบนฐานโยนีตามหลักของลัทธิฮินดู ก็สันนิษฐานได้ว่า ปราสาทเมืองสิงห์นี้ คงสร้างขึ้นเพื่อบูชาพระศิวะ ก่อนจะที่พุทธศาสนาจะขยับขยายเข้าสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ
ใช้เวลากันที่นี่อีก 1 ชั่วโมง ...แดดร่มลมตกเต็มที ...โชคดีที่ไม่มีฝน แต่เราก็ไม่ได้รูปที่ถูกใจเลย เพื่อนเราก็เหมือนกัน ...ก็เลยตกลงกันว่าจะไม่ส่งภาพจากสถานที่นี่เข้าประกวด ไปลองกันใหม่ในโจทย์ต่อไปละกัน โปรดติดตามตอนต่อไป
Create Date : 12 กรกฎาคม 2553 |
|
3 comments |
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 22:44:39 น. |
Counter : 1193 Pageviews. |
|
|
|
เพิ่งเคยเห็นว่าสามารถจับภาพตอนพ่นน้ำเป็นสายแบบนี้ได้ด้วย
ปกติเคยเห็นแต่ที่พ่นน้ำเป็นฝอย ๆ
ปล. ว่าแต่ช้างพ่นน้ำใบ้หวยป่าวคะ เหมือนเลข 9 เลย 55++