วิสาข์ทัวร์ - Part IV (จบ) : วัดเทพธิดาราม
ความเดิมตอนที่แล้ว
ออกจากนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ก็มุ่งหน้าจุดหมายต่อไป
ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์
แต่เมื่อเดินผ่านมาถึงบริเวณวัดราชนัดดาแล้ว ..เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงไม่รู้ ไม่เข้าดีกว่า ...เอาไว้เวลามากับเพื่อนแล้วค่อยช่วยกันเข้าวัดนี้ละกัน โลหะปราสาทก็เคยขึ้นแล้ว ...ตกลงใจว่าข้ามวัดนี้ไปเข้าวัดติดกันแทน
วัดเทพธิดาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เดิมชื่อ วัดพระยาไกรส่วนหลวง เพราะว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในตำบลสวนหลวงพระยาไกร รัชกาลที่ 3 ทรงสถาปนาชั้นในปีพ.ศ.2379 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระราชทานแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ซึ่งทรงพระเมตตาโปรดปรานอย่างยิ่ง ด้วยรับราชการใกล้ชิดพระองค์ตลอดมา สร้างสำเร็จเมื่อปีพศ. 2382 พระราชทานพระนามว่า วัดเทพธิดาราม เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ได้ทรงบริจาคทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมในการก่อสร้างด้วย
พระอารามมีสิ่งก่อสร้างซึ่งประดับด้วยลวดลายสวยงาม เครื่องกระเบื้องเคลือบและตุ๊กตาจีนเป็นจำนวนมาก สืบเนื่องมาจากความรุ่งเรืองทางการการค้าระหว่างจีนและไทย พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปสลักด้วยศิลาขาว ต่อมาในปีพ.ศ. 2514 รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานนามว่า พระพุทธเทววิลาส หลังคาพระอุโบสถเป็นแบบไม่มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันประดับด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบจีน กรมศิลปากรได้ขึ้งทะเบียน วัดเทพธิดารามวรวิหาร เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติเมื่อปีพ.ศ. 2520
เข้าไปในพระอุโบสถก่อน กราบองค์พระประธานศิลาขาว งามมากจริงๆ ตามประวัติบันทึกว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้อัญเชิญมาจากพระบรมมหาราชวัง ให้ประดิษฐานไว้เหนือเวชยันตบุษบกอันประณีตงดงาม
ด้านหน้าของพระประธานมีพระพุทธรูปทรงเครื่องอิริยาบถยืน ปางห้ามสมุทร ๒ องค์ประดิษฐานอยู่ ด้านซ้ายและด้านขวา กล่าวกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าหญิงวิลาศกรมหมื่น อัปสรสุดาเทพ
มีคุณย่าคุณยายคุณป้าคุณลุงและผู้สูงวัยหลายท่านนุ่งขาวหม่ขาวกำลังสวดมนต์ในพระอุโบสถ เราเก็บภาพภายในพระอุโบสถเงียบ แล้วนั่งนิ่งๆ ฟังคำสวดมนต์ให้ใจสงบและนิ่งลงอีกนิด ทำบุญซื้อกระเบื้องมุงหลังคา แล้วคลานถอยออกจากพระอุโบสถเงียบๆ
มายังพระวิหารที่อยู่ข้างกัน ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบพระราชนิยมเช่นเดียวกับพระอุโบสถ
เบื้องหน้าพระประธานปางมารวิชัย เป็นรูปหมู่พระอริยสาวิกา (ภิกษุณี) และเบื้องหน้าสุดมีรูปปั้นพระมหากัจจายนเถระ และพระภิกษุณี
ที่วิหารนี้เตรียมถังสังฆทานไว้ให้ด้วยเพื่อจะมีใครเข้ามาทำบุญได้ .. แต่ขณะนั้นไม่มีพระสงฆ์อยู่ในพระวิหาร เราก็เลยไม่ได้ทำบุญอะไรมากไปว่า หยอดตู้บริจาค
ผู้คนที่เข้ามาไหว้พระและทำบุญที่นี่ ไม่มากมายเหมือนวัดสำคัญอื่นๆ จึงทำให้ค่อนข้างสงบมากเลย เราชอบไม่มีเสียงประกาศออกไมค์รบกวนด้วยล่ะ แต่เมื่อไม่มีการบริจาคมากนัก ..การบูรณะวัดนี้ก็เลยเป็นไปอย่างช้าๆ และนิ่งๆ
ศาลาการเปรียญ กำลังบูรณะ และซ่อมข้าวของภายในด้วย
พระปรางค์จตุรทิศ ตั้งอยู่บนลานทักษิณสูงมุมของพระอุโบสถทั้ง 4 ทิศ คือ ทิศอาคเนย์ ทิศหรดี ทิศพายัพ และทิศอีสาน ที่ฐานพระปรางค์แต่ละองค์ มีรูปท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 คือ ท้าวตธรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และท้าวกุเวร ประจำรักษาในทิศทั้ง 4 รอบพระอุโบสถ
ภายในวัดยังเปิด กุฎิสุนทรภู่ ให้เข้าชมด้วย แต่ว่าเราไม่ได้เดินเข้าไปชม ...เอาไว้ชวนเพื่อนมาเดินด้วยกันอีกครั้งละกัน
ออกวัดเทพธิดาด้วยความรู้สึกเย็นใจและสุขใจ รวมทั้งกังวลในใจอีกเล็กน้อย เพราะความเงียบเหงาจับใจของวัดนี้ ทำให้หวั่นๆ ว่า ความงดงามของวัดแห่งนี้ จะกลับคืนมาหรือไม่ หรือหากกลับคืนมาแล้ว ..จะวุ่นวายสับสนพ้นความเป็นวัดดังเช่นวัดอื่นๆ อีกหรือไม่
นึกได้ว่าพระพุทธองค์สอนให้อยู่กับ "ปัจจุบัน" อย่ากังวลถึงอดีตที่ผ่านไปและอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ก็ตัดใจซะ .. ก้าวพ้นออกจากบริเวณวัดแล้ว สัญญาณเตือนทางสุขภาพก็ดังมาจากท้อง จะเข้าบ่าย - โมงแล้ว ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงนี้นา ย่านนี้จะมีอะไรน่ากินไปกว่า "ผัดไท" อีกล่ะ ...ตอนที่ดูนิทรรศการทีผ่านมา ก็แนะนำร้านผัดไทย "ทิพย์สมัย" ...ร้านแนะนำที่เรามากี่ครั้งก็ "อดกิน" เพราะร้านเปิดช่วงเย็น บ่ายแบบนี้มีแต่ "ร้านลุงภา" ที่อยู่ติดกันนั่นแหละ
ผัดไทเส้นจันทร์มันกุ้ง
แม้จะไม่ััดังเ่ท่าร้านข้างๆ แต่เชื่อว่าความอร่อยไม่แตกต่างกันหรอก สังเกตได้จากข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์และติดนิตยสารที่ใส่กรอบติดไว้บนผนัง และที่แน่นอน คือ ทำให้อิ่มได้ เหมือนกัน พออิ่มแล้ว ...ก็เรียกแท็กซี่ กลับบ้านซะที
ปล. ประวัติวัดคัดลอกจากป้ายสีน้ำตาลหน้าวัด หรือจะอ่านเพิ่มเติมได้ทีเวปไซค์ของวัด //www.watthepthidaram.com/watthep/wat_about/his_hiswat_thai.php
Create Date : 08 มิถุนายน 2553 |
|
10 comments |
Last Update : 22 ธันวาคม 2553 22:57:17 น. |
Counter : 1634 Pageviews. |
|
|
|
ดูรูปวัด+อ่านคำบรรยายไปเรื่อยๆ มาตกม้าตายเพราะผัดไทนี่ละ หิวววววววววววววว