เที่ยวสองเมืองสมุทร - Part I
เคยเที่ยวทางรถไฟไหม - - ไม่เคย อยากเที่ยวไหม - - อยาก งั้นไปทริปการรถไฟด้วยกัน งานนี้ PhotoTech กับ ททท. จัดด้วยกันล่ะ 999 บาท อาหาร 3 มื้อ
OK ตกลง
บทสนทนานี้ ทำให้รู้ได้ชัดเจนเลยว่า ตัวเองเป็นคนใจง่ายแค่ไหน ทริปนี้ เพื่อนเราชวนไปเที่ยวสมุทรสงครามและสมุทรสาคร เส้นทางที่การรถไฟ เพิ่งเปิดการท่องเที่ยว ...โดยมีททท.มาเอี่ยวเลี้ยงมื้อเย็นด้วย (ถ้าเป็นทริปปกติ มื้อเย็น หากินเอง)
โปรแกรมเริ่มตั้ืงแต่เช้า ...ที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ เราก็รู้ว่า สถานีอยู่ตรงไหน ...ตั้งใจจะเดินทางด้วยรถประจำทางซะหน่อย แต่ดันตื่นสาย กลัวจะไม่ทันนัดหมาย 7 โมง ก็เลยต้องนั่งแท็กซี่จนได้
แล้วก็กลายเป็นว่าเรามาถึงก่อนเพื่อนเราซะอีก ... ก็เลยไปลงทะเบียนไว้ก่อน ..ได้รับแจ้งว่า มีแจกเสื้อด้วย ก็เลยบอกสี บอก size ที่ต้องการ ไม่เข้าใจ ...ทำไมไม่ให้มาเลยก็ไม่รู้นะ คงมีผู้เกี่ยวข้องหลายส่วนงาน เลยสับสนในขั้นตอน ... ตอนนี้มีเวลาเหลือเฟือ ก็เลยเดินเล่นชมชีวิตชาวตลาดกันซะก่อน ยังไม่ค่อยหิว ...ก็เดินเล่น รอเวลา จนเพื่อนเรามาถึง ทริปนี้รับนักท่องเที่ยว 2 โบกี้ ตำแหน่งที่นั่งก็สับสนดี ...ตอนแรกบอกตู้นึง พอขบวนรถไฟ "มหาชัย - วงเวียนใหญ่" เข้าเทียบชานชาลา เราก็ได้ยินเจ้าหน้าที่ประกาศที่นั่งของเรากับเพื่อนอีกโบกี้นึง
เอาเถอะ..ขึ้นมาแล้ว ...ก็มีที่นั่งเองแหละ ...เพราะคนพอดีกับที่นั่ง ..นั่งตรงไหนก็เหมือนกัน แล้วเราก็ได้นั่งตู้เดียวกับคนขับ ..รถออกเวลา 7 โมง 45 และเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ เจ้าหน้าที่ททท. เจ้าหน้าที่ PhotoTech ก็มาช่วยกันแจกเสื้อ ...ซึ่งก็ไม่ได้สีตามที่เลือกไว้ เราก็ต้องใส่เสื้อนี้ เพื่อแสดงว่ามากับคณะเดียวกัน ...จะได้ไม่หลงทาง เพราะรถไฟนี้แล่นเส้นทางปกติ มีเพียง 2 ตู้แรกที่จัดเป็นตู้ของนักท่องเที่ยว
ในเส้นทางนี้ รถจะแล่นผ่านสถานีต่างๆ ไปเรื่อย..ซึ่งเราก็ไม่ได้จดอะไรไว้ ถ่ายรูปอะไรก็ไม่ชัด...เพราะมือไม่นิ่งพอ ...รถเขย่าตลอดทาง แม้กระทั่งอาหารเช้า ยังจับภาพชัดๆ ไม่ได้เล้ยยย
เดาออกไหมว่า อะไร
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ขบวนรถก็มาจอดเทียบ ณ สถานีปลายทาง "มหาชัย"
สมุทรสาคร หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า มหาชัย เป็นจังหวัดเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนปากน้ำท่าจีน ห่างจากทะเลเพียง 2 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 36 กิโลเมตร เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีบันทึกไว้ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เมื่อคราวพระเจ้าเสือเสด็จประพาสทางชลมารคกำเนิดเป็นเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ผู้จงรักภักดี
จังหวัดนี้เดิมเรียกว่า ท่าจีน เพราะแต่เดิมเป็นตำบลใหญ่อยู่ติดอ่าวไทยมีชาวต่างประเทศโดยเฉพาะชาวจีนนำสำเภาเข้ามาจอดเทียบท่าค้าขายกันมากจึงเรียกติดปากกลายเป็นตำบล ท่าจีน ต่อมาในปี พ.ศ. 2091 ในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดให้สร้างเมืองใหม่ขึ้นอีกหลายเมือง ด้วยมีพระราชประสงค์จะใช้เป็นที่ระดมพลสำหรับสู้รบกับพม่า บ้านท่าจีนจึงยกฐานะเป็นเมือง สาครบุรี เพื่อให้เป็นเมืองหน้าด่านป้องกันศัตรูที่จะมารุกรานทางทะเลตั้งแต่นั้นมาจนถึงสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดให้เปลี่ยนชื่อเมืองสาครบุรีเป็นเมืองสมุทรสาคร
ตามกำหนดการจะได้เดินผ่านตลาดสดยามเช้ามหาชัย ..แต่ว่าเช้าวันนั้น น้ำขึ้น ...ผ่านไม่ได้ค่ะ
ต้องเดินอ้อมตลาดมายังท่าเรือ ...ชาวบ้านบอกว่า น้ำขึ้นสูงกว่าแต่ก่อน...ถือเป็นปรากฎการณ์ผิดธรรมชาติ ก็เหล่าตากล้องและนักท่องเที่ยว ก็เลยถ่ายวิวน้ำท่วมกันอย่างสนุกสนาน แล้วค่อยเดินตามกันมายังท่าเรือ
เรือข้ามฟากขนาดใหญ่พานักท่องเที่ยวและทีมงานกว่า 100 คนล่องชมทิวทัศน์แม่น้ำท่าจีน มองไปทางซ้าย ทางขวา ก็จะเห็นเรือประมงขนาดเล็กและขนาดใหญ่จอดเรียงรายทั้งสองฟากฝั่ง
เมื่อเรือล่องผ่านหน้าโบสถ์คริสต์ มีเจ้าหน้าที่ของโบสถ์ที่ลงเรือมาด้วยกัน อธิบายความเป็นมา
วัดนักบุญอันนา ท่าจีน สมุทรสาคร หลังแรกสร้างขึ้นถวายเกียรติแด่ท่านนักบุญอันนา (มารดาของพระนางมารีอา) สร้างแล้วเสร็จในปีค.ศ. 1888 และได้มีคุณพ่อหลายท่านจากกลุ่มครีสตชนแหล่งอื่นเข้ามาเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อกันเรื่อยมา ปัจจุบันวัดนักบุญอันนามีสัตบุรุษประมาณ 800 - 900 คน มีโรงเรียนอันนาลัยเปิดสอนตั้งแต่ชั้อนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6
ในปีค.ศ.2009 ซึ่งเป็นครบรอบ 25 บีของวัดหลังปัจจุบัน คริสตชนวัดนักบุญอันนา ท่าจีน จึงร่วมมือร่วมใจ(ร่วมศรัทธา) สร้างศาลานักบุญอันนานี้ขึ้นแทนหลังเก่า และช่วยกันหาทุนสร้างพระรูปนักบุญอันนา ความสูงประมาณ 8 เมตร เพื่อประดิษฐานไว้ที่ศาลาท่าน้ำแห่งนี้ เป็นถวายเกียรติและสรรเสริญพระเป็นเจ้า
ที่น่าทึ่ง คือ เมื่อมีผู้บริจาคยอดเงินลงในกล่อง รูปปั้นนักบุญอันนา (ชาวบ้านท่าจีนเรียกว่า ท่านยาย) และพระแม่ (วัยเด็ก)ก็จะหมุนไปรอบๆ เหตุผลที่ผู้สร้างวางกลไกไว้เช๋นนี้ ก็เพื่อให้ชาวบ้านทั้ง 2 ฝั่งสามารถบูชาและขอพรได้
รูปปั้นนี้งามจริงๆ
เรือล่องเรื่อยมาส่งชาวคณะที่ท่าน้ำวัดสุทธิวาตวราราม หรือ วัดช่องลม ซึ่งอยู่ตรงปากอ่าวสมุทรสาคร ตำบลท่าฉลอม เป็นพระอารามหลวง และได้ัเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง
ด้านหน้าประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินท่าฉลอม และทรงตั้งสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย
ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิรูปการปกครองมีการจัดระบบราชการส่วนภูมิภาคเป็นมณฑลเทศาภิบาล และประกาศจัดตั้งสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทยขึ้นที่ตำบลท่าฉลอมเมื่อปี พ.ศ. 2449
ต่อมา พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการให้ทางราชการเปลี่ยนคำว่า เมือง เป็น จังหวัด ทั่วทุกแห่ง เมืองสมุทรสาครจึงได้เปลี่ยนเป็น จังหวัดสมุทรสาคร มาจนทุกวันนี้
มีวิหารเก็บรักษาร่างที่กลายเป็นหินของหลวงพ่อแก้วในโลงทองพระราชทาน
ชาวคณะได้เข้าไปกราบนมัสการ แล้วก็ต้องทึ่งกับงานสถาปัตยกรรมและลวดลายประดับผนังภายใน ไม่ใช้งานฝีมือมนุษย์ แต่เป็นงานจากน้ำลายนกนางแอ่น
พิจารณาให้ดีจะแลเห็นความสวยงามได้เอง
ช่วงเช้าวันนั้นมีพิธีอุปสมบทด้วย ไปเยี่ยมๆ มองๆ ไม่แน่ใจว่าพิธีในโบสถ์เสร็จรึยัง ก็เลยไม่กล้าเข้าข้างใน เก็บภาพภายนอกไปก่อน ...
ไม่นานพระสงฆ์ก็ออกจากโบสถ์ เสร็จพิธีแล้ว เราก็เข้าไปกราบพระประธานในพระอุโบสถ แลก็เลยถือโอกาสทำบุญกับพระใหม่กันซะหน่อย
จากนั้นก็พากันเดินข้ามถนนไปยังอุทยานพระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ชาวสมุทรสาครสร้างขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
จุดธูปกราบ ไหว้ อธิษฐานขอพร ตามอัธยาศัย
แล้วเดินชมบริเวณโดยรอบและภายในศาลา ซึ่งประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมหลายปาง แต่มือเราไม่ค่อยนิ่งเอาซะเลย ...ก็เลยไม่ได้ภาพชัดๆ ภาพถ่ายภายนอกในแสงปกติ ก็ออกมาแค่พอใช้ได้ ไม่ค่อยถูกใจเรานัก
ฟ้าไม่ใส ขมุกขมัว พวกเราก็ได้แต่ลุ้นให้ "ฝนอย่าตกนะ" พอได้เวลา 10.15 น. รถไฟขบวนใหม่ที่ติดสติกเกอร์สวยงาม สมเป็นโบกี้ท่องเที่ยวก็มาเทียบรับ ผู้จัดโปรแกรม ขอใช้เวลาช่วงนี้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันก่อน รีบจัดแถว รีบกดชัตเตอร์ แล้วก็รีบขึ้นรถโดยไว ...ฝนลงเม็ดแล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป
ปล. (1) เนื้อหาเชิงประวัติเรียบเรียงจากเอกสารที่ได้รับแจกจากวัดและททท. (2) อ่านทริปเดียวกันจาก Blog นู๋เมี่ยง คลิก (3) เพลงประกอบ blog ชื่อ "ท่าฉลอม" เสียง "ชรินทร์ นันทนากร"
//thai.tourismthailand.org/destination-guide/samutsakhon-74-1-1.html
คำขวัญประจำจังหวัด :
เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาตร์ ข้อมูลทั่วไป :
จังหวัดสมุทรสาครมีเนื้อที่ประมาณ 872 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 3 อำเภอ คืออำเภอเมือง อำเภอกระทุ่มแบน และอำเภอบ้านแพ้ว อาณาเขต :
ทิศเหนือ ติดกับกรุงเทพฯ และจังหวัดนครปฐม ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดสมุทรสงคราม และอ่าวไทย ทิศตะวันออก ติดต่อกับกรุงเทพฯ จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดสมุทรปราการ ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสมุทรสงครามกับจังหวัดราชบุรี
Create Date : 15 มีนาคม 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 21 ธันวาคม 2553 22:51:26 น. |
Counter : 1883 Pageviews. |
|
|
|
เพิ่งรู้นะครับว่า ท่าจีนมีความสัมพันธ์กับสมัยพระมหาจักรพรรดิ์
ผมว่าคุณนัทธ์ เที่ยวเมืองไทยแล้วสายแข็งกว่าเที่ยวต่างประเทศ
เพราะข้อมูลแน่นเอาการ