บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
19 มกราคม 2549
 
All Blogs
 

มายากับของจริง--พุทธทาสภกขุ (3)







เรื่อง มายากับของจริง

ภิกขุ พุทธทาส อินทปัญโญ

บรรยายอบรมผู้ที่จะเป็นผู้พิพากษา ณ กระทรวงยุติธรรม
2 มกราคม 2504



(ต่อ)
หรือว่าเงิน ทอง เพชร พลอยอย่างนี้ ที่ได้ถูกสมมุติว่าเงินว่าทอง ว่าเพชร ว่าพลอยนั้น มันเป็นเรื่องสมมุติภายนอก แท้จริงมันก็เป็นแร่ธาตุ เรียกอย่างนี้ง่ายกว่า เป็นแร่ธาตุอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอกัน มันไม่มีความแตกต่างกันโดยความที่ว่ามันเป็นแร่ธาตุตามธรรมชาติ เราไม่มองดูเป็นเงิน เป็นทอง แต่ทีนี้มันมาเกิดเป็นเงินเป็นทอง เป็นเพชรขึ้นมาได้เพราะหลังจากถูกสมมุติ ที่นี้มันมีอะไรเสมอกันอีกอย่างหนึ่งก็คือค่า ความที่เป็นของมีค่าในทางใช้สอยตามที่สมมุตินั่นเอง คือว่ามีค่าในทางซื้อขาย ในทางเศรษฐกิจนี่ ถ้ามองดูในแง่ของทางเศรษฐกิจ นี่เราเห็นว่าเงินก็มีค่าอยู่ระดับหนึ่ง ทองก็มีค่าระดับหนึ่ง เพชรก็มีค่าอยู่ระดับหนึ่ง มันมีความเป็นของมีค่าเสมอกัน ถ้าไปมองดูที่ค่านี้แล้ว ก็จะเห็นแต่เพียงว่ามันมีค่าทั้งนั้น มีแต่ค่าเว้นแต่ว่ามากน้อยกว่ากัน เงิน ทอง เพชร พลอย ก็ไม่ต้องมี ชื่อว่าเงิน ทอง เพชร พลอย ก็หายไปอย่างนั้น เหลืออยู่แต่ความที่มันมีค่าหรือมีอำนาจในทางซื้อขายมากน้อยสูงต่ำกว่ากัน อย่างนี้เรียกว่าเรามองทะลุสิ่งที่สมมุติว่าเงินว่าทองว่าเพชรว่าพลอย ไปอยู่ที่ความเป็นธาตุอย่างหนึ่งบ้าง หรือไปอยู่ที่ความเป็นของมีค่าระดับใดระดับหนึ่งบ้างเท่านั้น นี้เรียกว่ามองทะลุสมมุติไปได้

ที่นี้เรื่องที่ว่ามียศมีศักดิ์ เป็นขุน เป็นหลวง เป็นพระ เป็นพระยา นั่นนี่ เป็นเศรษฐีเป็นขอทานหรืออะไร นี้ก็ทำนองเดียวกันอีก มันอยู่ตรงความสมมุติ การสมมุติที่ยึดถือว่าเป็นอย่างนั้นตามระเบียบของการสมมุติ; ถ้ามองดูโดยความเป็นคนก็เสมอกันโดยความเป็นคน, ถ้ามองดูโยความเป็นธาตุ ส่วนประกอบธาตุหนึ่ง ๆ ก็เสมอกันโดยความเป็นธาตุ

ทีนี้มนุษย์เทวดา มาร พรหม สูงสุดขึ้นไปอะไรก็เหมือนกันอีก เลยทำให้มนุษย์ เทวดา มาร พรหม นี้ไม่แปลกกัน เพราะว่าเป็นสัตว์ที่ตกอยู่ใต้กองทุกข์เสมอกัน มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างเดียวกัน, ถูกแผดเผาอยู่ด้วยกิเลสอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างเดียวกัน, แล้วก็ทนทุกข์อยู่ด้วยกัน แม้จะมองในทางต่ำเป็นสัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย อย่างนี้ก็ล้วนแต่เรื่องสมมุติ ความจริงมันก็เป็นสัตว์ที่ประกอบอยู่ด้วยขันธ์ ธาตุ อายตนะ แล้วก็กำลังอยู่ในสภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้ถูกสมมุติอย่างนั้น แต่ถ้าว่าโดยที่แท้แล้วมีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอกันหมด เหมือนอย่างสัตว์นรกก็หมายถึงคนที่กำลังถูกทรมานได้รับการทนทรมานไม่เป็นอิสระ เพราะฉะนั้นรสชาติที่เป็นความหมายนั้นเอง ทำให้ได้ชื่อว่านรก จะเป็นนรกในชาตินี้ ในเรือนจำหรือในอะไรก็ได้ หรือจะเป็นนรกต่อเมื่อตายแล้วชาติหน้าก็ได้ถ้าหากมันจะมี แต่ว่าความหมายอันแท้จริงนั้น มันอยู่ตรงที่ว่าไม่เป็นอิสระและกำลังถูกทรมาน หรือถูกลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง




ทีนี้เปรต คำว่าเปรตอย่างนี้ เขาก็หมายถึงคนที่มีอิสระปล่อยให้เป็นไปตามอิสระ แต่ว่ามันมีโรคภัยไข้เจ็บ มีความอดอยาก มีเหตุการณ์อย่างอื่น ทั้ง ๆ ที่เขาปล่อยให้เป็นอิสระนั้นมันยังเป็นทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง เพราะความเป็นโรคเพราะความมีข้อผูกพันอย่างอื่น ทั้ง ๆ ที่เขาปล่อยไม่ได้กักขัง เป็นอิสระ

อย่างอสุรกาย ก็คือพวกที่ไม่แสดงตัวให้ปรากฏมีอาการที่เรียกว่า ผี อย่างนี้เพราะมีตัวไม่ปรากฏ แต่ก็เป็นสัตว์ต่ำกว่ามนุษย์มาก มีความลำบากอยู่ตามประสาของสัตว์ประเภทนั้น

ที่นี้ สัตว์เดรัจฉาน ก็หมายความว่า มันยังเป็นสัตว์ที่ต่ำกว่ามนุษย์มาก ทั้ง ๆ ที่หลักเกณฑ์ในการมีชีวิตหรือความคิดความนึกอะไรต่าง ๆ นี้เป็นอย่างเดียวกัน แต่ว่ามันต่ำกว่ากันมาก ความแตกต่างเหล่านี้เท่านั้น ที่เป็นเหตุให้ถูกบัญญัติ หรือถูกสมมุติว่า เป็นสัตว์มนุษย์ สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นอสุรกาย

ทีนี้ในทางสูงก็เหมือนกัน เป็นมนุษย์ตรงกลางแล้ว เป็นเทวดา เป็นพรหม เป็นมาร เป็นอะไรอย่างนี้สูงขึ้นไปอีก ขอให้เข้าใจคำว่ามารด้วย คำว่า "มาร" นั้นเป็นชื่อของเทวดาประเภทหนึ่ง ไม่ใช่ต่ำมาอยู่ในกลุ่มนรก เปรต เดรัจฉาน อสุรกายนี้ไม่ใช่ คำว่ามารนี่เป็นชื่อของเทวดาชั้นสูงสุดในพวกที่เสวยกามคุณ เช่นเทวดาพวกที่เสวยกามคุณนี้แบ่งเป็น 6 ชั้น แล้วพวกที่เรียกว่ามารนั้น อยู่ชั้นสูงสุดเลย ชั้นเหนือสุดเลย เหนือขึ้นไปจากนั้นอีกเป็นพรหมไปแล้ว ไม่ใช่เป็นเทวดาแล้วอย่างนี้เป็นต้น นี่บัญญัติมารเท่าที่ความเป็นเทวดาชั้นสูงสุดนั้น เพราะว่าความอิ่มเอิบด้วยกามคุณในขั้นนั้นมันผูกพันจิตใจมากที่สุด คือเล่าให้ฟังย่อ ๆ อย่างนี้ก็แล้วกันว่า ที่ว่าเทวดาเสวยกามคุณมี 6 ชั้น มันเป็นชั้นสูงสุดของเรื่องเสวยกามคุณ และเทวดาพวกนี้ถูกจัดเป็นพวกมาร ที่เราได้ยินในพุทธประวัติว่า มารมารังควานพระพุทธเจ้าเมื่อวันจะตรัสรู้ หรือหลังจากตรัสรู้แลเวก็ยังมาบ่อย ๆ นี่...คำว่ามารหมายอย่างนั้น มันก็หมายถึงความรู้สึกอย่างรุนแรงในทางเสวยความสุขอย่างโลกนั้น..คือมาร แต่มาถูกบัญญัติให้ว่าเป็นเทวดามีรูปร่างสวยงามอยู่สวรรค์ชั้นปรนิมมิตสวัตตีทำนองนี้ ถ้าเราเข้าใจคำเหล่านี้ให้ถูกแล้วจะช่วยได้มาก ไม่ใช่ว่ามารแล้วก็จะเป็นสัตว์ หน้าตาอย่างกับยักษ์ดุร้ายกินคน เหมือนอย่างที่เราได้ยินในเรื่องนิยายอย่างเก่า ๆ อย่างนั้น คำว่ามารในทางพุทธศาสนานั้น ถ้าพูดเป็น "ปุคคลาธิษฐาน" ก็จะหมายถึงคนที่สวยที่สุด ที่จะสนุกสนานเพลิดเพลินในทางกามคุณที่สุด แม้แต่รูปร่างก็สวย แม้แต่วาจาก็ไพเราะอะไรอย่างนี้ คือว่ายั่วยวนไปทั้งหมดเลย อย่างนี้เรียกว่ามาร นี่อย่างปุคคลาธิษฐาน ถ้าพูดอย่างธรรมาธิษฐาน คำว่ามารหมายถึงกิเลส คือความติดพันอยู่ในกามสุขอย่างยิ่ง อย่างชั้นสูงสุด ยอดสุดของกามสุข อยากจะให้นึกเปรียบเทียบกว้างออกไปอีกนิดหนึ่งว่า อย่างพวกซาตานของคริสเตียนอย่างนี้บางคนมาเขียนรูปซาตานเป็นยักษ์น่าเกลียด มีเขา,มีอาวุธ มีอะไรนั้น พวกคริสเตียนที่เขารู้เรื่องดีเขาพูดว่า ถ้าเขียนรูปของซาตานแล้ว จะต้องเขียนให้มันสวยที่สุด ให้มันฉลาดที่สุดให้มันงดงามที่สุดเก่งที่สุดอะไรทำนองนี้มากกว่าเพราะมันเป็นที่ตั้งของกาม ความติด ฉะนั้นรวมความแล้ว ให้รู้จักคำว่าสมมุติ ที่เขาใช้ครอบเข้ากับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตามความหมายของคนสามัญหรือสัตว์สามัญ ชาวบ้านทั่วไปนั่นแหละ

(มีต่อ)




 

Create Date : 19 มกราคม 2549
7 comments
Last Update : 20 มกราคม 2549 12:32:01 น.
Counter : 825 Pageviews.

 

Image Hosted by ImageShack.us
sawat d ja

 

โดย: erol 19 มกราคม 2549 18:39:50 น.  

 

จะพูดตรงไปมั้ย ว่า จุไม่อ่านงานของท่านพุทธทาส พระธรรมทาสก็ไม่อ่าน

อธิบายไม่ได้ค่ะ ว่าเพราะอะไร

 

โดย: ju (กระจ้อน ) 19 มกราคม 2549 20:13:22 น.  

 

สวัสดีครับคุณเจ้า


...............

สวัสดีครับคุณจุ

น่าจะเป็นภาษาที่อ่านยากและไม่ชวนติดตาม รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ช่วงหลังก็พยายามทำความเข้าใจ จริงๆ ชอบกลอนที่ท่านแต่งมากกว่า ดูจะสื่อสารได้ดีกว่าครับ

 

โดย: คนเดินดินฯ 19 มกราคม 2549 20:52:07 น.  

 

Image Hosted by ImageShack.us
มาชวนไปลงชื่อในGuest BooK ค่ะ


วันศุกร์อีกแล้วพี่


 

โดย: erol 20 มกราคม 2549 11:09:10 น.  

 

พี่ๆๆๆ ไปฟังเพลงบล๊อกดาวเร็ว

รับรอง
รุ่นเก่าๆ แบบพี่ ต้องยังไม่เคยได้ยิน
อิอิ...หน้าบึ้งเปล่านี่

 

โดย: ประกายดาว 20 มกราคม 2549 11:54:03 น.  

 

ไม่ใช่ภาษาที่อ่านยากหรอกค่ะ

ของท่านพุทธทาส มีบางอย่างขัดแย้งกับสิ่งที่รู้มาเดิมๆ เลยงงๆ กับที่ท่านสื่อสาร อ่านแล้วมันมีคำถามเต็มไปหมด ยิ่งอ่านก็ยิ่งปวดหัว เพราะจะต้องหาเล่มนั้น เล่มนี้มาเทียบมาเคียงอยู่บ่อยๆ หลังๆ ไม่ไหว ถ้าอ่านแล้วมีคำถาม ไม่อ่านดีกว่า...เพราะเครียดหนักกว่าเดิม

ไปอ่านนิยาย การ์ตูนดีกว่า คลายเครียดและผ่อนคลายเหมือนกัน

อีกอย่าง สำหรับหนังสือธรรมะ มันยากที่จะเชื่อ จนกว่า คุณจะได้ปฏิบัติเอง


 

โดย: ju (กระจ้อน ) 20 มกราคม 2549 12:47:27 น.  

 

คุณเจ้าไปตอบแล้วนะ

วันนี้ไม่แน่ว่าง ๆ อาจจะไปนะ ไปไหม?

...............................

น้องดาว--วันนี้ลมอะไรหอบมา ไปตอบไว้แล้วนะ เขียนยาว ๆ อีกตามเคย

................................

คุณจุ--จริง ๆก็ไม่ได้รู้ลึกมากหรอกนะครับ ช่วงเรียนมหา,ลัยก็เคยลงเรียนปรัชญาพุทธมาบ้างนะครับ หลักพื้น ๆ-->ปฏิจจสมุปบาทนี่เป็นวิทยาศาสตร์มากเลยนะครับ ลองอ่านใน "แก่นพุทธศาสตร์"ของพุทธทาสภิกขุ หรือ "พุทธธรรม"ของพระเทพเวทีดูก็ได้ ปรัชญาพุทธนั้นมันครอบคลุมเกือบจะทุก ๆ ด้านของชีวิตเลยนะครับตั้งแต่ความเชื่อ,วิถีชีวิต,หลักปฏิบัติ บางทีท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของโลกใบนี้การมีหลักยึดในการดำเนินชีวิตบ้าง ก็น่าจะทำให้ชีวิตนั้นไม่ทุกข์มากจนเกินไปครับ

 

โดย: คนเดินดินฯ 20 มกราคม 2549 13:57:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.