Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
30 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

วังเวียงฝังใจ วิถีในม่านเขา-สายน้ำ และแบ็กแพ็กเกอร์


ฉากขุนเขาที่โอบล้อมเมืองมนต์เสน่ห์มัดใจในวังเวียง

“วังเวียงแห่งนี้ เหมือนมีอำนาจ มัดจิตใจฝัง ภูผาอ้อมบังวังเวียงแสนงาม
ผาแดงผาตั้งงามตา เขาสูงเสียดฟ้าสีคราม ชมแล้วเมื่อยามสุดแสนเพลินใจ...”
เพลง วังเวียงฝังใจ : ขับร้องโดย (สำลอง) ก.วิเสด

1...เวลาเปลี่ยน สรรพสิ่งเปลี่ยน คนเปลี่ยน เมืองเปลี่ยน วิถีเปลี่ยน ล้วนเป็นไปตามสัจธรรม


ขุนเขา-สายน้ำ มนต์เสน่ห์วังเวียงที่ในอดีตถูกยกให้เป็นดัง "กุ้ยหลินเมืองลาว"

นั่นจึงทำให้ “วังเวียง”เมือง งามฝังใจของ ก.วิเสด เปลี่ยนผ่านจากอดีตฐานที่มั่นกองกำลังปลดแอก
กองทัพขบวนการประเทศลาวในช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองในลาว(ช่วงพ .ศ.2504-2518)
กลายเป็นเมืองผ่าน และเมืองพักกลางทางสำคัญจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบาง-หลวง พระบางไป
เวียงจันทน์(ถ.หมายเลข 13 เหนือ) หลังลาวเปิดประเทศและการท่องเที่ยวในหลวงพระบางเฟื่องฟู
จากการเป็นเมืองมรดก โลกในปี พ.ศ.2538

ช่วงนั้นวังเวียงยังอยู่ใต้เงาทางการท่องเที่ยวของหลวงพระบาง บรรดาแบ็กแพ็กเกอร์ผู้ผ่านทางส่วนใหญ่
นอกจากจะใช้เป็นจุดพักค้างคืนแล้ว ยังใช้เป็นแหล่งพี้ยาตามสไตล์ของพวกเขาอีกด้วย

อย่างไรก็ตามด้วยความสงบงามของเมืองกลางขุนเขาหินปูนรายรอบ และสายน้ำ ซองเย็นใสที่ไหลผ่าน
ทำให้วังเวียงในยุคนั้นได้รับการขนานนามให้เป็นดัง “กุ้ยหลินเมืองลาว” ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคน
เมื่อเห็นในศักยภาพจึงยืดวันพักค้างออกไปเพื่อท่อง เที่ยวทัศนาในวิถีอันไร้การปรุงแต่งของเมืองนี้
ส่งผลให้วังเวียงกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวรองไปโดยปริยาย


สายหมอกหยอกขุนเขา ณ ยามเช้าในวังเวียง

จากนั้นด้วยพลวัตรขับเคลื่อนอันเร็ว-แรงแห่งโลกโลกาภิวัฒน์ ผนวกกับการที่หลวงพระบางเปลี๊ยนไป๋
ทำให้วันนี้วังเวียงเติบโต แบบก้าวกระโดดจากเมืองผ่านสู่เมืองท่องเที่ยวหลัก
ขึ้นชั้นไปตีคู่กับเมืองรุ่นพี่อย่างหลวงพระบาง กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งยุคสมัยที่มาแรงสุดๆในสปป.ลาว
จนใครหลายคน(คนไทย)ตั้งฉายาใหม่ให้วังเวียงว่าเป็น“เมืองปายแห่งลาว”
เพราะมีวิถีหลายอย่างในการเปลี่ยนผ่านคล้ายเมืองปาย จ.แม่ฮ่องสอน ของบ้านเรา แต่นั่นเป็นเพียงมายาคติเท่านั้น
เพราะจริงๆแล้วสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งต่างก็มีวิถี และเอกลักษณ์ในแบบของตัว

และก็เป็นใครหลายคนอีกนั่นแหละที่ตั้งข้อสังเกตเจือความเป็นห่วงว่า
ระวัง! ทั้ง 2 เมืองจะมีลักษณะ“ดังไว ไปเร็ว“คล้ายกันด้วย


ออกนอกตัวเมืองวังเวียงไปนิดเดียว ก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศท้องทุ่งนาเขียวชอุ่ม

2...วังเวียงวันนี้เปลี่ยนไปมากจากเมื่อแรกที่ผมรู้จัก
หากมองเผินๆผ่านทางกายภาพจากภายนอก วังเวียงดูเหมือนจะเดินเข้าสู่วังวนของปายอย่างที่เขาว่าจริงๆ
แถมบางช่วงบางมุมผมว่าหนักกว่าเสียอีก กระเดียดไปทางถนนข้าวสารโน่นเลย
เพราะเต็มไปด้วยพวกฝรั่งแบ็กแพ็กเกลื่อนเมือง แถมฝรั่งแนวนี้ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยแคร์สายตาชาวบ้านเสียด้วยสิ

หลายคนเดินเมากรึ่มโวยวายแบบไม่กลัวใคร หลายคู่เดินกอดจูบกันกลางเมือง
หลายคนขึ้นจากเล่นน้ำซองมาพวกเดินถอดชุดนั้นนอกอวดพุงหน้าตาเฉย
โดยเฉพาะสาวหลายคนๆที่นุ่งน้อยห่มน้อยมาในชุดบิกินี่ ทูพีช โชว์รูปร่างอันอะร้าอร่ามนั้น บางคนดูดี
ส่วนบางคนไม่ดูดีกว่า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสาวพื้นเมือง ที่นุ่งซิ่นไปไหนมาไหนจะมีทัศนะคติอย่างไรต่อ แนวทางแบบนี้


ตัวเมืองวังเวียงยามราตรีกับวิถีอิทธิพลตะวันตก

ไม่เพียงฝรั่งเท่านั้น คนเอเชียเดี๋ยวก็เริ่มทยอยเข้ามาเที่ยวในวังเวียงกันมากขึ้น ทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม
คนลาวด้วยกัน พวกแขกอินเดียก็มี ส่วนพี่ไทยเรานั้นก็ไม่น้อยหน้ามาเยอะพอตัวทีเดียว
แต่สิ่งที่ผมอยากฝากบอกกันสักนิดก็คือ เรื่องราคาค่าใช้จ่ายที่นี่ไม่ได้ถูกกว่าบ้านเราเลย
อาหารการกิน ขนม เครื่องดื่ม สินค้าหลายอย่างแพงกว่าเมืองไทย เนื่องจากต้องนำเข้าจากบ้านเรา
ส่วนที่ราคาใกล้เคียงกับบ้านเราก็เห็นจะมีแต่เบียร์ลาวนั่นแหละ(เบียร์ลาว ที่อื่นที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวขายถูกกว่า)
เพราะฉะนั้นทริปนี้เบียร์ลาว จึงเป็นเครื่องดื่มหลักของผมไปโดยปริยาย

เมื่อดีมานด์นักท่องเที่ยวมีมาก ซับพลายด้านที่พักย่อมตามมา ในวังเวียงจึงมีที่พักผุดขึ้นเพียบราวกับดอกเห็ด
มีหลายระดับหลายราคาตั้งแต่เกสเฮาส์ราคาประหยัดไม่กี่ร้อยบาท ไปจนถึงโรงแรม รีสอร์ทหรู
หลักพันสำหรับนักท่องเที่ยวเงินหนา มือเติบ เป็นการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายของนักท่องเที่ยว
จากกลุ่มแบ็กแพ็กที่เข้ามายึด หัวหาดเมื่อ 10 กว่าปีก่อนให้กวางขวางขึ้น

แน่นอนว่าที่พักริมน้ำย่อมเป็นที่หมายปองในลำดับต้นๆ
ก่อนที่ความต้องการจะเขยิบเข้ามาสู่ที่พักในเมือง ที่อยู่ห่างกันไม่ไกล ข้อดีของที่พักโซนนี้ก็คือ
หากเป็นนักท่องราตรีมันสะดวกต่อการเดินเที่ยว ดื่ม กิน ยิ่งนัก
ซึ่งวันนี้ย่านดาวน์ทาวน์ของวังเวียงคึกคักไปด้วยแสงสี ร้านรวง ผับบาร์ มากหลาย
แสดงให้เห็นถึงความโตเร็ว และรุกคืบของวัฒนธรรมตะวันตกได้เป็นอย่างดี


แสงสุดท้ายริมสายน้ำซอง

3…อมตะวาจาว่าไว้ว่าอย่ามองคนแค่ภายนอก ฉันใดก็ฉันเพล
ที่เราจะมองวังเวียงเพียงภายนอกจากการเจริญทางวัตถุไม่ได้
เพราะถ้าเมืองนี้มีแค่ย่านบันเทิง ร้านรวง ผับบาร์ แบ็กแพ็กเกอร์ หลายคนคงไม่ด้นดั้นฟันฝ่าไป(รวมถึงตัวผมด้วย)

แต่วังเวียงมีศักยภาพและมีดีมากกว่านั้น เพราะเมื่อเที่ยวลึกลงไปผมพบว่าธรรมชาติ ขุนเขา ป่าไม้ สายน้ำที่นี่
ยังอุดมสมบูรณ์ ขณะที่วิถีชีวิตชุมชนนอกรอบยังคงเรียบง่าย พอเพียง ไม่เสียศูนย์ไปตามธุรกิจท่องเที่ยวที่รุมเร้า

สำหรับผม สิ่งสำคัญในวังเวียงที่ผูกมัดใจให้ชวนหลงใหลแบบมิรู้เบื่อก็คือ
มนต์เสน่ห์แห่งขุนเขาที่ตั้งตระหง่านรายล้อมเมือง ขุนเขาพวกนี้ไม่ได้ขึ้นเป็นเทือกใหญ่
แต่ขึ้นเป็นลูกขยุกขย่อนโค้ง เว้า มน แหลม เหลี่ยม ทิ่มแทงท้องฟ้าตามแบบฉบับเขาหินปูน
ดุจดังฉากม่านแห่งขุนเขาแสนงาม ที่จิตรกรธรรมชาติบรรจงสร้างสรรค์ขึ้นโอบล้อม เมือง


ผาตั้ง(เขาลูกเด่น) ตั้งตระหง่านริมสายน้ำ

ยามเช้าจะเห็นเมฆหมอกลอยอ้อยอิ่งหยอกล้อกับขุนเขา
ยามสาย-ยามบ่าย(วันฟ้าเปิด)จะมองเห็นม่านเขาเป็นเชิงชั้นตัดกับปุบเมฆและสี งามตามธรรมชาติของท้องฟ้า
ส่วนยามเย็นแสงแห่งม่านฟ้ายามพระอาทิตย์ใกล้ลาลับคือ มนต์สะกดให้หลายคน หลงใหลเคลิบเคลิ้ม

อนึ่งในบรรดาขุนเขาที่มากมายนั้น เขาหลายลูกมีหน้าผาอันสวยงามให้ชื่นชม
อาทิ ผาแดง ผาฮ้อม(ผาล้อม) ผาปลวก ผานางฮั่ว และ“ผาตั้ง”ที่อยู่นอกเมืองออกไปราว 20 กม.

ผาตั้งมีสายน้ำซองไหลเลาะเลียบผ่าน มีบ้านผาตั้ง หมู่บ้านเล็กตั้งแอบอิงอยู่
ผาแห่งนี้มีตำนานเล่าว่า พระสุธน(มโนห์รา)ใช้ง้าวฟันภูเขาเกิดเป็นผาตั้งขึ้นมา
ชาวบ้านที่นี่เชื่อว่าเป็นผาศักดิ์สิทธิ์ ห้ามไปจับปลาบริเวณนั้น ทำให้เกิดเขตอภัยทานผาตั้งไปในตัว


หินงอกหินย้อยภายในถ้ำจัง

นอกจากภูผาเลื่องชื่อแล้ว เสน่ห์แห่งขุนเขายังก่อให้เกิดถ้ำมากมายในวังเวียง
ที่เด่นๆก็มี ถ้ำปู่คำ ถ้ำหลุก ถ้ำลม ถ้ำน้ำ และ“ถ้ำจัง” ถ้ำดังแห่งวังเวียง ซึ่งชาวบ้านที่นี่นับถือเป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์
เชื่อว่าเคยเป็นที่ประทับของเจ้าแม่กวนอิมมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ภายในถ้ำมีรูพญานาคเชื่อมต่อกับลำน้ำซอง
โดยระหว่างทางไปถ้ำจังจะมีของแปลกอย่างต้นมะพร้าว 2 ยอดที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนให้ชมกันด้วย
ซึ่งถ้าเป็นที่เมืองไทย รับรองว่ามะพร้าวต้นนี้ดังไปแล้ว มีคนมาตั้งศาล ขอหวย ขูดเลข ผูกพ้าแพรสีกันเต็มไปหมด

สำหรับถ้ำจังนั้น ปัจจุบันมีคนมาสัมปทานทำรีสอร์ทหน้าถ้ำ
ทำให้คนจะไปเที่ยวถ้ำต้องเสียเงินค่าพื้นที่ให้เขา ก่อนจะไปเสียเงินค่าเข้า ถ้ำอีกต่อหนึ่ง(โดน 2 เด้งเลย)
ไม่เพียงเท่านั้นพวกยังเล่นเปิดเธคอยู่ใกล้ๆถ้ำ เป็นเธคชื่อดังของคนวังเวียงเสียด้วย
วัยรุ่นที่นี่เขารู้กันดีว่า ถ้าบอกไปเที่ยวถ้ำจังตอนกลางคืน นั่นหมายถึงไปเที่ยวเธคที่นี่


ใครจะข้ามสะพานนี้ต้องเสียเงิน

ส่วนถ้ำจังของจริงนั้นต้องไปช่วงกลางวัน เพราะเขากำหนดเวลาปิด-เปิด เช้าถึงเย็น เมื่อเดินขึ้นบันได 147 ขั้นไป
บนนั้นมีจุดชมวิวมองลงมาเห็นทิวทัศน์ท้องทุ่งนาอันสวยงามกว้างไกล
ภายในมีหินงอกหินย้อยสวยงามมากมายหลายรูปทรง(มีหินรูปเจ้าแม่กวนอิมด้วย)
แถมอากาศข้างในยังเย็นสบายคล้ายติดแอร์ยังไงยังงั้น
ส่วนหน้าทางขึ้นถ้ำมีแอ่งน้ำเกิดจากสายน้ำไหลผ่านถ้ำลงมา สวยงามใสแจ๋ว

ไหนๆเมื่อมาถึงเรื่องน้ำแล้ว ผมขอต่ออารมณ์เย็นใสด้วยมนต์เสน่ห์ของสายน้ำซองที่ไหลผ่านกลางเมือง
นี่คือสายน้ำแห่งชีวิตของชาววังเวียง เป็นที่อาบน้ำชำระล้างร่างกาย เป็นแหล่งหาปลาของชาวบ้าน
และเป็นแหล่งหาสตางค์ของนายทุน เนื่องจากสะพานบางเส้นมีนายทุนมาสัมปทานสร้างสะพาน
ฉะนั้นผู้ที่จะข้ามสะพานทั้งคนลาว และชาวต่างชาติต้องจ่ายเงินตามอัตราที่ กำหนด
อย่างว่าแหละ เมืองท่องเที่ยว หลายสิ่งหลายอย่างมันเป็นเงินเป็นทองไปหมด

ล่องห่วงยาง ผจญภัยในสายน้ำซอง

อย่างไรก็ดีกับลำน้ำซองนั้น ในสายตาของนักท่องเที่ยวมันคือแหล่งทำกิจกรรมชั้นดี
ทั้งล่องเรือเครื่อง พายคยัค ชื่นชมความงาม
โดยเฉพาะการล่อง“กงเบ่ง”หรือห่วงยางให้ไหลล่องไปตามสายน้ำนั้น เป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมาก

นอกจากนี้ในสายน้ำซอง ยังมีโซนกิจกรรมมันๆของฝรั่งแถวออร์แกนนิคฟาร์ม ที่มีทั้งล่องห่วงยาง สไลดเดอร์
โหนสลิงกระโดดน้ำ พื้นที่โซนนี้เพื่อนลาวบางคนเรียกว่า“ย่านฝรั่งบ้า”
ส่วน ผมเมื่อผ่านมาที่นี่เห็นทั้งฝรั่งบ้า และฝรั่งเมา เพราะพวกเขาต่างสนุกสุดเหวี่ยงกับการดื่ม เต้น เล่นโคลน
เล่นน้ำ และทำอะไรแปลกๆอีกหลายอย่าง ดูแล้วเหมาะสมกับฉายาที่เพื่อนลาวตั้งให้ไม่น้อยเลย


วิถีที่ยังแนบแน่นในพระพุทธศาสนา

4...ย่านฝรั่งบ้าแม้จะเป็นอีกหนึ่งภาพการรุกคืบทางวัฒนธรรมของฝรั่ง
แต่ในวังเวียงยังคงมีบรรยากาศแบบลาวๆให้สัมผัสกันอยู่ทั่วไป ซึ่งการขี่จักรยานชมเมืองถือว่าเหมาะสมที่สุด
เพราะสามารถใกล้ชิดกับจุดน่าสนใจได้ไม่ยาก ถ้าใครตื่นเช้าลองขี่ไปชมวิถีชีวิตพื้นเมืองที่ตลาดเช้า
และจะพบว่าสินค้าบางอย่างมันคือความแปลกใหม่ๆ ที่หาชมไม่ได้ในบ้านเรา

ส่วนถ้าวันไหนมีงานบุญใหญ่(ต้องถามข้อมูลจากชาวบ้านก่อน) ไม่ควรพลาดการไปวัดด้วยประการทั้งปวง
เพราะจะได้พับกับศรัทธาในศาสนาพุทธอันแนบแน่น ชาวบ้านนำข้าวปลาอาหารมาถวายวัด
ฟังเทศน์ ทำบุญ กันเป็นจำนวนมาก ที่นี่เราจะได้เห็นแม่หญิงลาว นุ่งผ้าซิ่นสวยงามมาทำบุญกันอย่างเพลินตา
ดูแล้วเป็นวิถีที่สวนทางกับย่านฝรั่งโดยสิ้นเชิง


นอกตัวเมืองวังเวียงยังคงมีบรรยากาศชนบทแบบอยู่ทั่วไป

สำหรับวิถีแบบชนบทนั้นต้องออกนอกเมืองไปหน่อย จะพบกับวิถีหมู่บ้านที่อยู่กันอย่างเรียบง่าย
ส่วนใหญ่ทำการเกษตร ปลูกข้าวทำนา หาปลา ล่องเรือ ใช้ชีวิตแอบอิงกับลำน้ำ หลายคนไปค้าขายในเมือง
ยามเย็นย่ำเลิกงานก็กลับคืนสู่รังรัก นับเป็นมนต์เสน่ห์แห่งวังเวียงที่คงต้องตามดูกันต่อไปว่า
ท่ามกลางกระแสธุรกิจท่องเที่ยวที่กำลังโตวันโตคืนนั้น
วิถีแบบนี้ในอนาคตจะยังมั่นคง สั่นคลอน หรือ เสื่อมสูญ ?

*******

วัง เวียง เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของแขวงเวียงจันทน์ ห่างจากตัวเมืองหลวงเวียงจันทน์ประมาณ 156 กม.
มีรถโดยสารจากเวียงจันทน์ไปยังวังเวียงตั้งแต่เช้าถึงราว 6 โมงเย็น ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชม.

นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยววังเวียงและเมืองอื่นๆในสปป.ลาวในรูปแบบ ทัวร์ที่แตกต่าง
(หลวงพระบาง-เชียงขวาง(ทุ่งไหหิน)-วังเวียง-เวียงจันทน์) สามารถสอบถามได้ที่ สีสันทัวร์ 0-2693-1031-3


โดย : เหล็งฮู้ชง
ที่มา ://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000110402




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2552
2 comments
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2552 14:41:15 น.
Counter : 1585 Pageviews.

 

หลงรักวังเวียง เพียงได้พบพาน

 

โดย: Incentive IP: 96.255.191.3 30 พฤศจิกายน 2552 20:59:41 น.  

 

ชอบรูปสุดท้ายนะ อยากไปดูบ้าง ก่อนที่มันจะเละ เฉกเช่น เมืองปาย

 

โดย: birdhz 9 ธันวาคม 2552 13:14:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.