Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
26 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
ท่องปราสาทเทพนิยายในยุโรป


ปราสาทนอยชวานชไตน์ตั้งตระหง่านในเทือกเขาแอลป์

เมื่อยังเด็กทุกคืนที่แม่เล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง บ่อยครั้ง ที่ในฉากเหล่านั้นจะประกอบด้วยเจ้าชาย และเจ้าหญิง
รวมไปถึง ปราสาทแสนสวยหลังใหญ่ ที่เจ้าชาย เจ้าหญิง มีไว้อิงแอบกับความสุขชั่วนิจนิรันดร์

และมาหวนคิดว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง ปราสาทแสนสวยเหล่านั้นจะมีอยู่จริงไหมหนอ..
ก็ค้นพบว่าปราสาทเหล่านั้นมีอยู่ จริง และที่สำคัญมันมีอยู่มากมายหลายร้อยแห่ง
เอาเฉพาะแค่ในยุโรปก็นับกันไม่หวาดไม่ไหว
ครั้งนี้ฉันจึงขอรับอาสาพาท่องปราสาทแสนสวยเหล่านี้ ในยุโรกกันพอหอมปากหอมคอ

สถานที่แรกของเราคือ ปราสาทนอยชวานชไตน์ ( Neuschwanstein)
เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์แถบแคว้นบาวาเรีย เมืองฟุสเซ่น ประเทศเยอรมนี
สร้างในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ในช่วง ค.ศ. 1845-86
เป็นปราสาทที่ไดเรับการยกย่องว่า มีความงดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก

งดงามจนกลายมาเป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทรา ที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์
และโตเกียวดิสนีย์แลนด์ รวมไปถึงที่แดนเนรมิต อดีตสวนสนุกของบ้านเรา


สวนสวยในพระราชวังแวร์ซายส์ประเทศฝรั่งเศส

พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย มีพระประสงค์ให้จัดสร้างเพื่อเป็นที่ประทับอย่างสันโดษ ห่างจากผู้คน
และเพื่ออุทิศให้แก่กวี ริชาร์ด วากเนอร์ พระสหายคู่พระทัย
ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างให้เป็นไปตามบทประพันธ์เรื่อง อัศวินหงษ์ (Swan Knight Lohengrin)
ดังนั้นปราสาทแห่งนี้ จึงได้รับการตกแต่งตามเรื่องราวในบทประพันธ์ดังกล่าว

ปราสาทแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดย คริสเตียน แยงค์ (Christian Jank) วัสดุที่ใช้การก่อสร้างประกอบด้วย
หินอ่อน 465 ตัน หินทราย 4,550 ตัน อิฐ 400,000 ก้อน ทราย3,600 ลูกบาศก์เมตร ซีเมนต์ 600 ตัน
และสิ่งสำคัญคือการใช้ไม้เพื่อแกะสลักทั้งสิ้น 2,050 ลูกบาศก์เมตร ใช้เวลาทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 17 ปี

ภายในตัวปราสาทตกแต่งอย่างอลังการ ชมห้องทรงงาน ห้องบรรทม พระองค์ทรงโปรดดนตรีเป็นอย่างมาก
จึงสร้างห้องโถงดนตรีขึ้นในชั้นที่ 3 ( Music Hall ) ซึ่งมีลักษณะเป็นห้องยาวๆ สี่เหลี่ยมผืนผ้า
บนเพดานอันวิจิตรมีโคมไฟโลหะห้อยระย้างดงามอยู่สี่พวง ตามช่วงกลางของห้องแต่ละช่วง
และปราสาทแห่งนี้ยังมีความพิเศษคือ ธรรมชาติที่รอบล้อมปราสาทจะแปรเปลี่ยนไป ตามแต่ละฤดูกาล
ทำให้เกิดความงดงามแตกต่างกันออกไปที่ทุกช่วงฤดู


หรูหราสมกับเป็นพระราชวังแวร์ซายส์

เหิรฟ้ามายังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสกับบ้างที่ พระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles) เป็นพระราชวังที่เก่าแก่
สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1661 - 1681ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส แต่เดิมเป็นเพียงหมู่บ้านของชาวนา

ต่อมาพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งทรงเป็นนักล่าสัตว์ได้มาพบ
มีความพอพระทัย จึงสร้างเป็นสถานที่นัดพบในการล่าสัตว์
และได้มีการขยายออกไปทีละเล็กทีละน้อยจนกระทั่งกลายมาเป็นปราสาท พระราชวัง

จุดประสงค์สำคัญ คือ ต้องการให้ชาวโลกเห็นว่า
ความมั่งคั่งสมบูรณ์ และความงามเลอเลิศที่สุดในโลกมารวมอยู่ที่ฝรั่งเศสทั้งหมด
จึงได้สั่งให้รื้อพลับพลาที่สร้างในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ทิ้ง
และให้สร้างพระราชวังใหญ่ทำด้วยหินอ่อนและตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดาร
โดยใช้เงินในการก่อสร้างไปเป็นเงิน 500 ล้านฟรังค์ ใช้แรงงานคนในการก่อสร้าง30,000 คน
และใช้เวลาสร้างนานถึง 30 ปี


ปราสาทปรากยอดโดดเด่นเหนือกรุงปราก

ภายในพระราชวังมีภาพวาด ภาพแกะสลัก ซึ่งแสดงให้เห็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสหลายสมัย
สถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นที่เซ็นสัญญาสงบศึกกับอเมริกาในปี ค.ศ 1783แวร์ซายส์
นับเป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดัน ที่ก่อให้เกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1789

ต่อมาในปี ค.ศ. 1815 พระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปป์ ได้เปลี่ยนสภาพพระราชวังแห่งนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์
ห้องที่มีชื่อที่สุด คือ ห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors)
ที่เคยใช้ลงนาม เซ็นสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตร กับเยอรมัน ในคราวมสงครามโลกครั้งที่ 1
และเป็นที่ใช้ลงนามเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศส ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย

นอกจากเครื่องประดับที่เก่าแก่ และสูงค่าแล้ว การจัดสวนก็เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่างดงามยิ่งนัก
เพราะมีการตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสีสวยงามมาก โดยเฉพาะตอนฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน

ส่วนที่เป็นป่าสำหรับล่าสัตว์ ปัจจุบันใช้เป็นที่ๆให้ผู้เข้าชมไปเดิน เล่น พักผ่อน
และมีม้าหินให้นั่งเล่นเป็นระยะ ๆ สิ่งที่ผู้เข้าชมพระราชวังอดจะชื่นชมไม่ได้ คือ น้ำพุมีน้ำพุมากมายและสวยงาม
มีชื่อตามเทพเจ้ากรีกและโรมันต่างๆ เช่น อพอลโล และลาโตน เป็นต้น


ปราสาทเปเลสงดงามกลางธรรมชาติ

อีกหนึ่งแห่งมากันที่ ปราสาทปราก(Prague Castle) ปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็ก
สร้างขึ้นในปี 885 โดยเจ้าชายบริโวจ
ปัจจุบันเป็นทำเนียบประธานาธิบดี ปราสาทปรากตั้งอยู่บนเนิน มองลงไปจะเห็นตัวเมืองด้านล่าง

ที่นี่เคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์เช็ก
เป็นอีกปราสาทหนึ่งที่ยังคงความงดงามเหนือกาลเวลามาได้
สถิติจากกินเนสส์บุ๊กระบุไว้ว่า ปราสาทปรากเป็นปราสาทโบราณสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยมีความยาวประมาณ 570 เมตร และความกว้างประมาณ 130 เมตร
ภายในประกอบด้วยโบสถ์ พระราชวังโบราณ
ที่สร้างด้วยศิลปะแบบต่างๆ ตั้งแต่แบบโรมันในศตวรรษที่ 10 จนถึงตึกแบบสมัยในศตวรรษที่ 20
ความหลากหลายอย่างลงตัวนี้เอง ทำให้ UNESCO's ยกย่องให้ที่นี่เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง

ปัจจุบันอาคารโดยรอบปราสาทเป็นที่เก็บงานศิลปะล้ำค่าในยุคสมัยต่างๆ ไว้มากมาย
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐเช็ก และเป็นที่ตั้งของทำเนียบรัฐบาลด้วย
ที่นี่จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เป็นสัญลักษณ์ของกรุงปราก


ปราสาทเปเลสกับการตกแต่งด้วยไม้

มาที่ประเทศโรมาเนียกันบ้าง กับ 2 ปราสาทอันลือลั่น ปราสาทแรกคือ ปราสาทเปเลส (Peles Castle)
ตั้งอยู่ในหุบเขาบูเซกิ กลางป่าสน บนเทือกเขาคาร์เปเทียน
ถือเป็นปราสาทที่สวยงามโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปตะวันออก

ตัวอาคารจะมีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมหลากหลายสไตล์
แต่ดูเหมือนปราสาทแห่งนี้ จะได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ของ ประเทศเยอรมนีมากที่สุด
ภายในปราสาทตกแต่งอย่างหรูหราอลังการ มีการใช้ไม้แกะสลักงดงามอยู่มากมาย
เป็นปราสาทที่รวบรวมงานศิลปะจากประเทศต่าง ๆ ในยุโรป

สร้างขึ้นโดยเจ้าชายคาลอสที่ 1 กษัตริย์แห่งโรมาเนีย ในสมัยศตวรรษที่ 19
เพื่อใช้เป็นที่ประทับในฤดูร้อน มีการตกแต่งภายในอย่างหรูหรางดงาม
อาทิ ห้องตุรกี ที่สร้างไว้เพื่อรับรอง แขกบ้านแขกเมือง ที่มาจาก ตุรกี ในสมัย ออตโตมัน


อีกหนึ่งความปราณีตของปราสาทเปเลส

ภายในปราสาทจะมีห้องต่างๆ มากถึง 168 ห้อง แต่คงมีเพียง 35 ห้องเท่านั้น
ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมด้านนอก จะมีรูปปั้น คนสำคัญ วางไว้เป็นระยะ
รวมถึงรูปปั้นของเจ้าชายคาลอสผู้สร้างปราสาท

และอีกหนึ่งปราสาท ที่จะไม่เอ่ยถึงไม่ได้ หากมาถึงประเทศโรมาเนีย คือ ปราสาทบราน (Bran Castle)
หรือ ปราสาทแดร็กคิวล่า ปราสาทนี้ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ตั้งอยู่บนภูเขา
เพื่อเป็นที่ป้องกันระหว่างชายแดนแคว้นวอลลัคเทียและทรานซิ ลวาเนีย


ส่วนหนึ่งในปราสาทเปเลส

ปราสาทบรานเป็นปราสาทหินทาสีขาวหม่นสูง 200 ฟุต
ตั้งอยู่บนผาหินสูงจนสามารถมองเห็นเมืองบรานได้ทั้งเมือง มีหอคอย มีห้องหลายห้อง
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก

ส่วนที่ปราสาทแห่งนี้โด่งดังในฐานะที่พักของแดร็กคูล่านั้น ก็เป็นเพราะ
หนังสือ Dracula ของนักเขียนชาวไอริชที่ชื่อ Bram Stoker ที่ใช้ปราสาทบรานแห่งนี้เป็นฉากของนวนิยาย
และต่อมาฮอลลีวู้ดได้นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์
ทำให้ชื่อเสียงของแดร็กคูล่า ค้างคาวผีดูดเลือดที่นอนช่วงกลางวันในโลงหิน บนปราสาททรงสูง
และเที่ยวออกล่าเหยื่อในตอนกลางคืน มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

แต่เจ้าชาย วแลด เทเปส (Vlad Tepes)ผู้เคยครอบครองปราสาทเห็นนี้
ไม่ได้เป็นค้างคาวผีที่ออกล่ามนุษย์เพื่อดูดเลือด แต่เป็นนักรบที่เก่งกาจ ดุร้าย เหี้ยมโหด และกระหายสงคราม
จนเป็นที่เลื่องลือว่า กระหายเลือดกิตติศัพท์ความโหดร้ายของเจ้าชายมาจาก พฤติกรรมแปลกๆ ของพระองค์เอง


ปราสาทบรานปราสาทของเคาน์แดร็กคูล่า

แต่กระนั้นปัจจุบัน เพราะชื่อเสียงของแดร๊กคูล่านี่แหละที่นำเงินมหาศาล
จากการเที่ยวชมปราสาทมาให้คนโรมาเนีย และปราสาทบารนก็ยังถือว่าเป็นปราสาทที่สมบูรณ์มากแห่งหนึ่ง

อ้อ...เห็นกันแล้วใช่ไหมว่า ปราสาทสวยๆ ดุจหลุดอยู่ในโลกเห็นเทพนิยายมีอยู่จริง.



โดย:มะเมี้ยะ
ที่มา ://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000134761



Create Date : 26 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 11:57:18 น. 2 comments
Counter : 1455 Pageviews.

 
สวยทุกปราสาทเลยค่ะ


โดย: ry IP: 125.24.187.46 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:41:43 น.  

 
สวยมากเลย อยากเป็นเจ้าหญิงขึ้นมาทันใด


โดย: happinessUP2 วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:12:29:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.