Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

ผจญภัยทะเลทราย"ดูไบ"

นั่งเรือข้ามแม่น้ำดูไบครีก
นั่งเรือข้ามแม่น้ำดูไบครีก

"ดูไบ" เมืองสำคัญแห่งอาหรับเอมิเรตส์ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองอันน่าอัศจรรย์ที่มนุษย์เนรมิตขึ้น
ดูมีความทันสมัยไฮโซ แต่กระนั้นดูไบก็ยังมีย่านเมืองเก่า (Dubai Old Town) ให้เที่ยวชมกัน
เมืองเก่าแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ "ดูไบ ครีก" (Dubai Creek)
แม่น้ำสายสำคัญ ที่แต่เดิมเป็นเส้นทางการค้าขายสินค้าของยูเออีไปยังเอเชียตะวันออก
โดยสินค้าจะมาขนถ่ายกันที่ท่าเรือเพื่อนำไปยังเรือสินค้าใหญ่อีกที

แม่น้ำดูไบครีกนี้เองทำให้ดูไบแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง
ได้แก่ฝั่งเดรา (Deira) และฝั่งเบอร์ ดูไบ (Bur Dubai)
ซึ่งเป็นฝั่งเมืองเก่าที่มีวิถีชีวิตอีกแบบแตกต่างจากในเมืองลิบลับ


เครื่องเทศนานาชนิดในตลาดเครื่องเทศ
เครื่องเทศนานาชนิดในตลาดเครื่องเทศ

ความมีชีวิตชีวาของเมืองเก่าแห่งนี้
ดูได้ง่าย ๆ ในบริเวณท่าเรือที่ผู้คนยังสัญจรไปมาด้วย Abra เรือข้ามฟากที่ทำจากไม้
หรือดูที่ตลาดหรือ Souk โดยจากท่าเรือเดินไปไม่ไกลก็จะเจอ "ตลาดเครื่องเทศ" (Spice Souk)
ซึ่งเมื่อเดินเข้าไปภายในย่านตลาดก็แทบไม่ต้องบอกกันเลยว่าขายอะไร
เพราะกลิ่นของเครื่องเทศและเครื่องปรุงของชาวอาหรับนานาชนิด ตลบอบอวนเป็นที่ยิ่ง
แบบที่เราคุ้นเคยกันดีก็เช่น กานพลู กระวาน อบเชย ส่วนที่ไม่คุ้นทั้งรูปร่างและกลิ่นก็มีเยอะ
รวมไปถึงพวกกำยาน ผลไม้แห้งและถั่วชนิดต่าง ๆ
รวมถึงของที่ระลึกและระทึกอาทิ ที่สูบชิชาหลากหลายขนาดก็มีวางขายให้เห็นมากมาย

เพลิดเพลินกับข้าวของในซุกเครื่องเทศแล้ว
เดินเข้าซอยเลาะ ๆ ไปไม่ไกล พวกเราก็มาเจอะกับ "ตลาดทอง" (Gold Souk) ฉันเห็นแล้วลมแทบจับ
เพราะนอกจากจะต้องทนกับอากาศร้อนอบจนหายใจไม่ค่อยสะดวกแล้ว
ยังมาเจอกับความยิบยับวับวาวของทองรูปพรรณมากมายที่สะท้อนแสงเข้าตา
เหมือนจะเชื้อเชิญให้พวกเราแวะเวียนเข้าไปชม


ทองอร่ามในตู้โชว์หน้าร้านในตลาดทองที่ใหญ่ที่สุด
ทองอร่ามในตู้โชว์หน้าร้านในตลาดทองที่ใหญ่ที่สุด

หน้าร้านแต่ละร้านมีทองอร่ามสวยแสบตาอยู่ในตู้โชว์
ทั้งทองรูปพรรณในรูปแบบของสร้อยคอ กำไล ต่างหู แหวน มีมากมาย
ลวดลายดูแล้วออกแขกๆ ละเอียดสวยงาม
นอกจากทองแล้วที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายเพชร และอัญมณีมีค่าอื่น ๆ อีกด้วย
ส่วนราคาทองที่นี่ก็ไม่เหมือนบ้านเราตรงที่คิดกันตามน้ำหนัก
แต่ของเราจะคิดตามน้ำหนักบวกค่ากำเหน็จตามความยากง่ายของงาน

จึงทำให้ดูเหมือนว่าทองที่นี่จะถูกกว่าบ้านเรา
ใครที่มาดูไบต้องไม่พลาด เพราะเขาว่าตลาดทองที่นี่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกกลางเลยทีเดียว

ดูของสวยๆ งามๆ จนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว
สถานที่ต่อไปจะทำให้เราได้รู้ซึ้งถึงความเป็นมาเป็นไป ตั้งแต่อดีตของเมืองดูไบกัน
ก็คือ "พิพิธภัณฑ์ดูไบ" (Dubai Museum) ซึ่งจัดแสดงอยู่ในป้อมปราการอัลฟาฮิดิ (Al Fahidi)


ป้อมปราการอัลฟาฮิดิกลายเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ดูไบเมื่อปี 2514
ป้อมปราการอัลฟาฮิดิกลายเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ดูไบเมื่อปี 2514

ป้อมอัลฟาฮิดินี้ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อปี 1787 เพื่อป้องกันเมืองจากภัยคุกคาม
และในปี 1971 ป้อมปราการแห่งนี้ก็ได้รับการบูรณะและจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์
เมื่อเข้ามาในเขตป้อมแล้วฉันนึกกระหยิ่มในใจ นี่หรือพิพิธภัณฑ์ของเมืองดูไบ เล็กนิดเดียว
มีเรือ มีปืนใหญ่จัดโชว์อยู่ไม่กี่ชิ้น หน้ากระทรวงกลาโหมบ้านเรายังมีปืนใหญ่มากกว่าตั้งแยะ
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พาพวกเราเดินชมพร้อมทั้งอธิบายว่า การจัดแสดงตรงส่วนนี้
แสดงเกี่ยวกับชีวิตในสมัยก่อนของชาวเอมิเรตส์สมัยที่ยังไม่พบน้ำมัน ชาวพื้นเมืองมีอาชีพประมง

อย่าเพิ่งสงสัยว่าประเทศเขาเป็นทะเลทรายจะประมงอย่างไร
เพราะแม้จะเป็นทะเลทรายแต่ก็มีภูมิประเทศติดทะเลด้วย

โดยเรือที่จัดแสดงไว้เป็นเรือในสมัยก่อนที่ใช้ออกทะเลหาปลา งมหอยมุก
ซึ่งในสมัยก่อนใช่ว่าจะงมหอยมุกกันได้ง่ายๆ
เขาต้องใช้เชือกผูกขาบีบจมูกกลั้นหายใจแล้วดำลงไปงมหอยมุกให้
เพื่อที่อยู่บนเรือนับ 1-10 แล้วดึงเชือกขึ้นมา ฟังดูแล้วยากเย็นแสนเข็ญกว่าจะได้มา

นอกจากนี้ยังมีการจำลองบ้านของชาวอาหรับโบราณ
ที่บนหลังคาจะมีลักษณะแบบเปิด รับลมเข้าในตัวบ้าน



ชั้นใต้ดินในพิพิธภัณฑ์ดูไบจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาวดูไบ
ชั้นใต้ดินในพิพิธภัณฑ์ดูไบจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาวดูไบ

ทางด้านปีกขวาภายในกำแพงป้อมที่จัดแสดงอาวุธ และเครื่องแต่งกายนักรบในสมัยก่อน
ด้านปีกซ้ายก็จัดแสดงอาวุธและอุปกรณ์ในสมัยก่อน
ส่วนชั้นใต้ดินมีวีดิทัศน์เล่าเรื่องราวตั้งแต่ครั้งอดีตจนปัจจุบัน
มีการจัดแสดงประวัติศาสตร์ โดยใช้หุ่นขี้ผึ้งจำลองเป็นเรื่องราวต่างๆ

ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นชนเผ่าเบดูอินร่อนเร่พเนจรกลางทะเลทราย
สมัยยังไม่เจอบ่อน้ำมัน จนมาสมัยขุดเจอน้ำมันถึงปัจจุบัน

หลังชมความเป็นดูไบกันอย่างลึกซึ่งในพิพิธภัณฑ์กันไปแล้ว
ต่อมาฉันมาแวะที่ "สุเหร่าจูไมร่า" (Jumeirah Mosque) สุเหร่าคู่บ้านคู่เมืองของชาวดูไบกันบ้าง
สุเหร่านี้มองจากภายนอกดูสวยสง่าด้วยการสร้างที่ใช้หินอ่อนทั้งหลัง
และยังได้ชื่อว่าเป็นสุเหร่าที่สวยงามที่สุดในแถบนี้อีกด้วย


สุเหร่าจูไมร่าที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในละแวกนี้
สุเหร่าจูไมร่าที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดในละแวกนี้

เที่ยวกันมาหลายที่แล้ว ทีนี้ก็มาถึงไฮไลท์แห่งดูไบด้วยการตะลุยทะเลทราย
โดยรถ 4WD ขับเคลื่อน 4 ล้อ พาเราหันหลังให้เมืองมุ่งหน้าสู่ทะเลทรายของแท้
เพื่อไปร่วมเล่นกิจกรรม "ผจญภัยในทะเลทราย" (Dessert Safari and Dune Dinner)

จากตัวเมืองดูไบประมาณ 1.30 ชม.ฉันมาถึงยังทะเลทรายที่มองไปทางไหนก็ดูเวิ้งว้าง
รถ 4WD จอดกลางทะเลทรายให้เราลงไปชมฟาร์มอูฐ พอเปิดประตูรถเท่านั้น
โอ๊ว..แม่เจ้า โค-ตะ-ระ อภิมหาร้อนเลยทีเดียว
ฉันว่าในเมืองยามอยู่นอกอาคารร้อนแล้วแต่นี่แบบว่าสุด ๆ ไปเลย
แต่เอ๊า..ในเมื่อมาแล้วฉันก็พร้อมที่จะสู้กับแดดและความร้อนเยี่ยงตู้อบ 50 องศานี้

ระหว่างที่พวกเราถ่ายรูปกะน้องอูฐด้วยความตื่นเต้น
พี่คนขับซึ่งหน้าตาละม้ายคล้าย วิลล์ สมิทธ์ ก็ปล่อยยางรถทั้ง 4 ล้อ
เพื่อเตรียมพร้อมจะพาพวกเราตะลุยทะเลทรายกัน ก่อนที่จะเข้าสู่การผจญภัย
พ่อวิลล์ สมิทธ์ หันมาถามพวกเราว่า "Are you ready?"
Yes!! พวกเราตอบกันอย่างพร้อมเพียงเต็มปากเต็มคำด้วยท่าทีคึกคักเต็มกำลัง


รถ 4WD ขับผจญภัยในทะเลทราย
รถ 4WD ขับผจญภัยในทะเลทราย

แต่พวกเราไม่ได้รู้เลยว่ากำลังจะเจอกับอะไร
ทะเลทรายที่ดูราบเรียบสุดลูกหูลูกตานั้น แท้จริงแล้วไม่ได้เรียบอย่างที่คิด มันเต็มไปด้วยลูกคลื่น สันทราย
เนินทราย ภูเขาทราย สูงต่ำลาดชันสันเหลี่ยมแตกต่างกันมากมายหลายร้อยลูก
พ่อวิลล์ สมิทธ์ ของเราขับนำขบวนรถอีกหลายคันแบบห่าง ๆ
เริ่มต้นด้วยสันทรายแบบเบบี๋ ๆ พวกเราก็อึกอักส่ายสะบัดหัวกันเล็กน้อย ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันเป็นพิธี

พ่อวิลล์ สมิทธ์เห็นเราสนุกกันก็เริ่มขับรถแบบฉวัดเฉวียงสวิงสวายมากขึ้น
ปีนแนวสันทรายที่ลาดชัดสูงต่ำเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
คราวนี้เสียงกรี๊ดของเราไม่ใช่เสียงหวีดร้องให้เข้าบรรยากาศแล้ว แต่เป็นเสียงกรี๊ดจากความหวาดเสียว
เสียวท้องกระเด้งกระดอนกันจนแทบอ้วก ยิ่งกว่าเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกซะอีก


อูฐทั้งเด็กและแก่มากมายที่ฟาร์มอูฐกลางทะเลทราย
อูฐทั้งเด็กและแก่มากมายที่ฟาร์มอูฐกลางทะเลทราย

แต่เพื่อไม่ให้พวกเราคายอาหารใส่รถให้เลอะเทอะ
จึงมีการจอดพักเป็นระยะ ๆ เพื่อให้พวกเราออกไปเดินเล่นถ่ายรูปในทะเลทราย จนลืมความร้อนกันไปเลย
และก่อนที่การตะลุยทะเลทรายจะจบลงด้วยเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ที่สุดท้ายที่พ่อวิลล์ สมิทธ์หยุดแวะพักก็เป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เอ๊ย!! ตกทะเลทรายพอดี
ขอบอกว่าสวยโรแมนติกอย่าบอกใครเลยเชียวหละ

หลังจากที่เรียงไส้เรียงตับม้ามกันใหม่แล้ว
รถก็พาฉันไปถึงยังแคมป์กระโจมแบบอาหรับโบราณกลางทะเลทราย
เพื่อกินอาหารเย็นแบบบุฟเฟ่ต์บาร์บีคิวปิ้งย่างกัน อาทิ สเต็กเนื้อแกะ เนื้อไก่ ข้าวเหลือง
แผ่นแป้งอะไรซักอย่างแต่เคี้ยวแล้วก็เพลิน ๆ ดี แล้วก็เครื่องดื่มนานาชนิด


พระอาทิตย์ตกดินที่ทะเลทราย
พระอาทิตย์ตกดินที่ทะเลทราย

ระหว่างรออาหารพร้อมภายในกระโจมซึ่งมีการเพ้นเฮนน่า แต่งกายชุดอาหรับถ่ายรูป
แล้วก็มีชิชาบาลากู รสผลไม้เช่น รสแอปเปิ้ล รสเชอร์รี่ให้สูบกันเพลินๆ ด้วย
ถือเป็นการต้อนรับของชาวอาหรับ
และเมื่อพวกเรากินอาหารกันอย่างอิ่มท้องก็มีการแสดงระบำหน้าท้อง (Belly Dance)
โดยสาวที่ไม่ใช่คนพื้นเมือง (เพราะข้อบังคับทางศาสนา) มีพุงพุ้ยๆ เล็กน้อย
มาโชว์เต้นระบำหน้าท้องอย่างคึกคัก
เรียกเสียงเฮฮาจากทั้งพวกเราชาวไทยและชาวต่างชาติได้ตลอดการแสดง
เป็นการเที่ยวปิดทริปตะลุยดูไบ เมืองมหัศจรรย์ที่มีความหลากหลายอยู่ในตัว

ผ่อนคลายสบายๆ ที่แคมป์ ก่อนได้เวลา Dune Dinner
ผ่อนคลายสบายๆ ที่แคมป์ ก่อนได้เวลา Dune Dinner

* * * * * * * * *

เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เป็นเมืองท่าและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญของภูมิภาคตะวันออกกลาง (Middle East)
ภูมิอากาศมีลักษณะกึ่งเขตร้อนและแห้งแล้ง
อุณหภูมิต่ำสุดคือเกือบ 10 องศาเซลเซียส ไปจนถึงที่ระดับ 50 องศาเซลเซียส
เวลาช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 3 ชั่วโมง
ใช้เงินสกุล Dirham (dh) อัตราแลกเปลี่ยน 1dh ประมาณ 9 บาทกว่า
มีสายการบินเอมิเรตส์บินตรงกรุงเทพฯ-ดูไบ


โดย : จุชดานิน
ที่มา : //www.manager.co.th




 

Create Date : 28 กรกฎาคม 2552
1 comments
Last Update : 20 สิงหาคม 2554 13:53:11 น.
Counter : 1800 Pageviews.

 

สวยงามอย่างเน้ แต่ซ่อนความน่ากลัวเหมือนกันน่ะ แต่ยอมรับว่าสวยจิงๆ ม่ายนนึกว่าจะเป้นไปได้ถึงเพียงนี้ กลัวน้ำทะเลอ่ะ ม่ายรู้มันจะมาเมื่อไหร่ น่ากลัวแต่ท้าทายยยยยย

 

โดย: CEKKO IP: 202.12.74.1 19 สิงหาคม 2554 16:13:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.