Bloggang.com : oanotai : ภูสอยดาว 3-5 กันยายน 2553 # ตอนที่ 1

ภูสอยดาว 3-5 กันยายน 2553 # ตอนที่ 1

อยากไปภูสอยดาวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
อ่านรีวิวมาก็เยอะสรุปได้ว่า "โหด เหนื่อย แต่สวย"
แต่เรา "ไม่เชื่อ" จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตาของตัวเอง
แถมเพื่อนซี้ก็ลางานได้พอดี
โดนลูกยุของเรา "รอให้เข่าเสื่อม หรือสังขารไม่ไหวก็สายไปแล้วนะแก๊"
เรามาลงตัวกันที่ทัวร์ของ Trekking thai (TKT)

พวกเราออกเดินทางจากสำนักงานของทีเคทีประมาณสามทุ่มนิดๆ
มาถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวประมาณเจ็ดโมงเช้า

ก่อนจะขึ้นภู พวกเรามาเติมพลังข้าวเช้ากันที่ร้านอาหารด้านหน้าอุทยาน
มีร้านแค่ไม่กี่ร้านเอง ไม่กินไม่ได้นะ
เพราะบนภูไม่มีร้านอาหาร

จะขึ้นล่ะนะ จับเวลา...ประมาณแปดโมงหน่อยๆ

ตลอดระยะการเดินช่วงนี้ ยังเป็นพื้นราบ
สลับกับเนินขึ้นลงเล็กน้อย เป็นป่าไผ่ ตามข้อมูลบอกว่า
"เป็นป่าไผ่ที่มีขนาดของลำไผ่ใหญ่ที่สุดที่พบในประเทศไทย"

เดินไปประมาณครึ่งทางก่อนถึงเนินส่งญาติจะเจอ "สามเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่"
มีด้วยกัน 3 ชนิด คือ ไทร ตะแบกแดง และลำพูป่า

ระหว่างทางมีน้ำตกซู่ซ่าเป็นเพื่อนตลอดระยะ

มีลูกหาบเดินแซงพวกเราเป็นช่วงๆ แข็งแรงกันจริงๆ
แถมยังมีเด็กด้วย!! เห็นแล้วเราก็คิดว่า "ตรูต้องเดินให้ถึง"
และในระหว่างทางเราเจอเด็ก 8 ขวบชื่อ "ปังปอนด์"
มากับครอบครัว พี่แกเดินขึ้นภูใจสู้มาก ทิ้งพ่อกับแม่แล้วเดินนำจนหายไปเลย
ลืมถ่ายรูปมาโชว์ ครอบครัวนี้น่ารักมาก ขับรถมากันเอง
เฮฮาตลอดทาง...แถมยังแจกมะยมแก้เหนื่อยให้เรากินด้วย
ขอบคุณค่ะ

พอถึง "เนินส่งญาติ" แหงนคอมองขึ้นไป เจอแต่บันไดสูงและชัน
ตัดกำลังมากๆ ต่อด้วย "เนินปราบเซียน" ที่ยิ่งกว่าเนินส่งญาติ
เพราะทางมีแต่ดินเป็นบันได แถมยังชันด้วย
มาได้เดินสบายๆ เอาที่ "เนินป่าก่อ" แต่ก็ไม่สบายนักหรอก
ขึ้นๆ ลงๆ เพื่อนร่วมทริปเริ่มกระจัดกระจาย
ที่ว่าเป็นเนินป่าก่อ เพราะมีต้นก่อ หรือต้นโอ๊คเยอะ
แวะกินข้าวกลางวันที่นี่แหละ กระเตงขึ้นมาด้วย
เดินเรื่อยๆ ก็มาถึง "เนินเสือโคร่ง" อยู่ดีๆ เพื่อนสาวก็ชี้ให้ดูหลังลูกหาบที่อยู่บนเนินลิบๆ
ย้ำว่า "ลิบๆ" จริงๆ เพราะเห็นแต่ถุงกระสอบบนหลังเท่ากล่องไม้ขีด!
กรี๊ดกันอยู่สองคน "แก๊....นี่พวกเราต้องขึ้นเนินนั้นจริงๆ เรอะ!"
(โปรดนึกภาพ ยืนอยู่ด้านล่างแล้วแหงนคอมองขึ้นไป เห็นแต่ภูเขาทางชันๆ)

(ช่วงสารพัดเนินนี้ จะรวบรวมภาพขึ้นอีกบล๊อคนะคะ)

แต่ในที่สุด...ประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง
เราก็มาถึง "ลานสน" จนได้

นับว่าทำเวลาได้ดีพอสมควร ฮะๆๆ

พอขึ้นไปถึงก็รอของจากลูกหาบ สต๊าฟของทีเคที กางเต็นท์ไว้รอแล้ว
พวกเราแค่กางผ้าใบ ปูแผ่นรองนอน แล้วก็อิสระ ไปอาบน้ำ รอกินข้าว
อ้อ...น้ำต้องไปตักเองที่ลำธารด้วยนะ

ตื่นมาเจ็ดโมง เจอพระอาทิตย์ยามเช้า สดชื่นจริงๆ

เดินไปเดินมาเจอกับเจ้าแมงมุง บ้านสวยเชียว

วันที่สองฟ้าเปิด เลยได้รูปทุ่งดอกหงอนนาคกับป่าสนชัดๆ
คุณสต๊าฟบอกว่า "ปีนี้ดอกไม้เยอะกว่าทุกปี"
กลางคืนมีฝนตกนิดหน่อย
ทริปนี้พวกเราโชคดีมากที่ฟ้าเปิด ฝนตกนิดเดียวเอง
(ก่อนเดินทางเราถึงกับจุดธูปบอกพระพิรุณเลยนะ)
ขนาดสต๊าฟยังบอกเลยว่าพวกเรามาได้โอกาสมากๆ

ดูกี่ครั้งๆ ก็ยังสวยยยยยยยย

เพื่อนสาวเริ่งร่ากับเพื่อนร่วมทริป เราก็สาละวนกับกล้องและขาตั้งกล้อง

ภาพหนึ่งภาพ...บรรยายได้หลายล้านคำ

วันที่สองไป "น้ำตกสายทิพย์"
ตอนเดินลงนี่...ถ้าไม่ได้ไม้ค้ำที่คุณสต๊าฟหักให้ มีหวังแย่แน่ๆ
ต้องใช้มืออีกข้างโหนต้นไม้ข้างทาง ค่อยๆ ปีนลงไปด้วย
เพื่อนเราพลาดมือไปโดนต้นหนามๆ เกี่ยวไปหน่อย
ปวดนิ้วไปเลย

พอถึงน้ำตก ก็ต้องตะกายปีนขึ้นไปทีละขั้นอีก

ช่วงบ่ายเราไปที่หลักเขตแบ่งพรมแดนไทย-ลาว
ตลอดระยะทางเต็มไปด้วยดอกหงอนนาคและต้นสน
สวยเกินคำบรรยาย

พระอาทิตย์อัสดง สวยยยยยยยยยย
ภาพนี้ยกเครดิตให้แก่ "ลุงชัยวัฒน์" ผู้อาสุโสร่วมทริปถ่ายให้
เป็นผู้ที่สอนเราใช้กล้อง ถ้าไม่ได้ลุงหนูคงใช้ G11 เป็นแต่ Auto
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

เพื่อนร่วมทริป...ทางขวามือสุดที่กระโดดอยู่
คือคุณเอก สต๊าฟทีเคที

ดูขากางเกงพี่แกซะก่อน โชกโชนมากๆ

วันที่สามต้องลงจากภู ขอแชะอีกหน่อย

ตบท้ายด้วยภาพลานสน ช่วงแปดโมงเช้า
วันที่สามเจอแต่สายหมอก เป็นอีกบรรยากาศนึงเลย

ท้ายสุด...มีเรื่องที่อยากฝากเพื่อนๆ ที่กำลังจะไปเที่ยว
น้ำใช้ที่ต้องตักมาจากลำธาร เป็นน้ำที่ต้องใช้ร่วมกันทุกคน
ลำธารไม่ห่างจากห้องน้ำเท่าไหร่
ตักมาใช้ในห้องน้ำกันเถิดค่ะ...การอาบน้ำ สระผมและล้างจานในลำธาร
จะทำให้ตัวซาลาแมนเดอร์ที่อาศัยอยู่ตายเอาได้นะคะ
แถมยังทำให้น้ำสกปรกด้วยค่ะ
ร่วมมือกันสักนิด จะได้มีธรรมชาติสวยๆ ให้พวกเราได้ดูไปนานๆ

ทริปนี้เป็นทริปที่ประทับใจมากๆ ได้มิตรภาพใหม่ๆ มากมาย
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะตลอดการเดินทาง
คุ้มเหลือเกินที่ได้มาเยือน ณ ที่แห่งนี้
ปวดขา ปวดน่อง เท้าบวม เดี๋ยวก็หาย
(คราวหน้าต้องใช้ไม้ช่วยยันแล้วล่ะ ฮะๆๆ)

เอาไว้บล๊อคต่อไปจะลงบรรดาพืชพันธุ์ที่เจอระหว่างทางขึ้นภู
และบนภูสอยดาวค่ะ

ปล. ขอคะแนนโหวตบล๊อกจากเพื่อนๆ คนละจึ๊กนะคะ
จิ้มตรงด้านข้างๆ ได้เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ