Hokkaido Winter 2010 @3rd day: สัตว์โลก(ฤดูหนาว)น่ารัก นำเสนอโดยสวนสัตว์ Asahiyama ^^
เครดิตภาพ Kitsune จาก //image.blog.livedoor.jp/japminwa/imgs/c/a/cadd9f26.JPG -------------------------------------------------------------------------------- ความเดิมบล็อคที่แล้ว ยืนตากหิมะรอชมพาเหรดเพนกวินกันสมใจ จขบ นั้นยังไม่ยั่นแต่คุณแม่ต้องหาที่หลบหิมะแล้ว เลยต้องผละจากขบวนพาเหรดมาเข้าตึกแถวนั้นหน่อย ตึกนี้มีเป็นเจ้าตัวนี้อยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าแมวน้ำหรือพะยูนหรืออะไร ช็อตเด็ดที่คนรอกันคือตอนที่มันจะว่ายมาผ่านท่อใสๆนี้ล่ะ ยืนรออยู่สักพักกว่าจะกดได้สองตัวนี้มาพร้อมกัน ก่อนจะไปต่อต้องให้คุณแม่พักซะก่อน ที่โรงอาหารคนเยอะสุดๆไม่มีที่ว่างเลยคนส่วนใหญ่ต้องยืนกิน แต่ระหว่างที่ลูกสองคนไปต่อคิวซื้อตั๋วอาหารคุณแม่ก็ไปได้ที่นั่งสามที่มาพอดี สบายไม่ต้องยืน ^^ ซดกันคนละชามประมาณนี้ รสชาติน่ะเฉยๆแต่หนาวๆได้กินของร้อนๆนี่ช่วยได้เยอะ คุณแม่ที่หนาวๆจะขอไม่เดินต่อตะกี้ยังกลับมีแรงมาพร้อมลุยต่อได้เลย เริ่มกันที่หนึ่งในเป้าหมายหลักกันก่อนเจ้าหมีขาวตัวเป็นๆ >.< คุณพี่ชายจะเน้นดูเฉพาะตัวที่เป็นไฮไลท์ไม่ได้แวะดูหมดทุกตัวเพื่อเป็นการรักษาตารางเที่ยวให้ได้ตามเป้า หมีขาวก็ใช่ว่าไม่เคยเห็นนะ ที่ Sea Paradise ที่โยโกฮาม่าก็มี แต่จะเห็นมันอยู่แต่ในตู้แคบๆ ถ้าโชคดีมันก็ออกมาว่ายน้ำให้เห็น ถ้าโชคร้ายก็ไปเจอมันนอนหลับอุตุไม่กระดุกกระดิก แต่ที่ได้มาเห็นมันเดินอยู่ข้างนอกกันจะๆอย่างนี้น่ะครั้งแรกเลย ขนฟู๊ฟูน่าร๊ากกกกกกก (มีอยู่ตัวเดียวนี่ล่ะแต่เดินไปเดินมาตลอดเลย ไม่นอนอยู่นิ่งๆเหมือนที่อื่นๆที่เคยเห็นมา) ที่ตึกหมีขาวช่วงทางเข้า แรกๆก็ไปรุมถ่ายรูปหมีผ่านกระจกกะเค้าเหมือนกัน ไกลก็ไกลกระจกก็มีรอยด่างๆดวงๆเยอะๆเดี๋ยวๆขอบหน้าต่างก็บังหมีอีก กว่าจะรู้ว่าตอนใกล้ๆทางออกน่ะมันจะมีที่เปิดโล่งให้ซูมถ่ายกันแบบไม่มีกระจกเกะกะ แต่รู้ช้ายังดีกว่าไม่รู้เลย ยังไงก็ได้รูปแบบชัดๆเคลียร์ๆมาเพียบเหมือนกัน มาสวนสัตว์งวดนี้นี่รู้สึกว่าเลนส์ซูมตัวใหม่นี้คุ้มจริงๆ ถ้าซูมได้แค่ 55 เหมือนคิตตี้คงไม่พอจะได้ภาพชัดๆของสัตว์พวกนี้แน่ๆ(แถมคิตตี้ก็โฟกัสไม่เร็วเท่าตัวนี้ด้วย) ถ่ายซูมไปก็นึกดีใจไปว่าโชคดีที่ตัดสินใจซื้อเลนส์นี้เลยไม่รอเวลา ไม่งั้นทริปนี้คงไม่ได้ภาพพวกนี้มาหรอกเนี่ย ภาพสุดท้ายกับเจ้าหมีขาวแล้ว ขนฟู๊ฟูอยากได้กลับไปเป็นตุ๊กตาดุ๊กดิ๊กนอนกอดที่บ้านจังเลย >.< ต่อกันที่ตัวถัดไป ยืนงงอยู่แป๊บนึงว่าเค้าถ่ายอะไรกันแฮะ ถ้าไม่มองดีๆไม่เห็นตัวนี้นะเนี่ยเล่นนอนกลมดิกสีขาวกลืนกันกับหิมะเลย ตรงไหนหัวตรงไหนหางก็ไม่รู้ ยืนรออยู่สักพักไม่มีวี่แววว่ามันจะขยับหรือยอมเงยหน้าให้เห็น ก็เลยจากมาแบบงงๆไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวอะไร (ป้ายเค้ามีแต่ดันลืมดู) มองมาอีกฝั่งเรดาห์ร้องเตือนว่าเป้าหมายต่อไปอยู่ข้างหน้าแล้ว ตัวนี้อยู่ไกลซะด้วยต้องซูมๆถึงจะเอาเข้ามาใกล้ๆได้ จขบ ว่าเหมือนตัวแร็คคูนแต่พี่ชายอ่านป้ายมาบอกว่าเขียนว่า Red panda อ่ะนะ แต่ตัวอะไรก็ช่างเถอะรู้แต่น่ารักเป็นพอ ถ่ายฝั่งนี้ใช้ Auto Focus เลยชัดเต็มๆที่ลูกกรง T_T ยังไม่เปรี้ยวพอจะเสี่ยงหัดใช้ Manual focus ตอนนี้เลยต้องปล่อยๆไป เพิ่งมานึกได้ทีหลังว่า AF ก่อนแล้วหมุนปรับ MF อีกหน่อยก็ได้นี่นา ลืมไปว่าเลนส์ตัวนี้ทำได้ (ถ้าคิตตี้ตัวเก่าจะหมุนเองต้องปรับโหมด MF ลูกเดียว) แต่เอาน่ะได้ภาพดีกว่าไม่ได้เลย เจ้าแพนด้าแดงหน้าเหมือนแร็คคูนเดินมากินใบไม้(ใบอะไรไม่รู้) เราก็เดินตามมาถ่าย อยากได้รูปแบบไม่ติดตาข่ายมั่งเลยไปยืนรอที่ด้านหน้าอีกฝั่ง แต่เจ้าแพนด้าแร็คคูนจดจ่อกับการกินมากไม่ยอมขยับออกจากพุ่มไม้ที่บังทางเลนส์อยู่เลย T_T ยืนรอลุ้นอย่างไม่ยอมแพ้(เพราะตัวนี้น่ารัก ;-)อยู่คุณพี่ชายก็เรียกให้มาถ่ายตรงนี้แทน สองตัวนี้อยู่บนเสาสูงแต่ไม่เป็นไรเลนส์นี้ซูมถึง โฟกัสได้แล้วกดทันทีได้มาแล้วหนึ่งช็อต ยืนรอต่ออย่างมีความหวังที่จะได้หน้าชัดๆทั้งสองตัว หนนี้โชคดีว่าไม่ต้องรอนาน ก็เจ้าตัวด้านหลังน่ะทำอะไรยุกยิกๆอยู่ตลอด ดูแล้วรู้สึกว่าอีกเดี๋ยวเจ้าตัวหน้าต้องขยับแหงๆ แล้วก็จริงๆอย่างที่คาด เงยหน้ามาปุ๊บถ่ายปั๊บชัดเจน โอ๊ย น่ารักเหมือนตุ๊กตาเลยจริงๆ ของจริงเหรอเนี่ยน่ารักได้อีก (ถ้ามาคนเดียวนะ จะยืนถ่ายรูปต่อไปเรื่อยๆเลยเนี่ยตัวเนี้ย เผื่อได้ตาแบ๊วๆหรือแอ็คชั่นน่ารักน่าหยิกกลับมา) ในบรรดาสามคนรู้สึกจะมี จขบ คนเดียวที่เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปสรรพสัตว์มากจนยิ้มแฉ่งไม่รู้สึกหนาวอะไรกะเค้าเลย (อีกสองคนพันหน้ากันหิมะจนดูเผินๆเหมือนโจรปล้นแบงค์ไปแล้ว) เสาที่เห็นด้านหลังคือเสาตะกี้ที่เจ้าแพนด้าแร็คคูนนอนอยู่ คิดอยู่ว่าเค้าไม่มีการล่ามอะไรไว้เลยหรือไงแฮะ ตัวเล็กๆอย่างนี้มันไม่มีกระโดดหรือไต่ลงมาเลยเหรอเนี่ย สมใจ จขบ (ในระดับนึง)แล้วก็เดินกันต่อ ตัวนี้ได้จากกล้องคุณพี่ชาย ส่วน จขบ นี่ไม่ทันเห็นเลยด้วยซ้ำว่ามีอยู่ตรงไหน มัวแต่ไปยืนถ่ายรูปสัตว์ขนปุยตัวอื่นๆอยู่ เป็นที่น่าเสียดายว่าวันนี้ オオカミ หรือเหล่าหมาป่าเกิดสไตรท์กัน ไม่เห็นมีสักตัวเลยอดดูไฮไลท์ไปอย่างนึงเลย เดินต่อมาดูกวางฤดูหนาวกันแทน มีเลนส์ซูมได้งานนี้มีเท่าไหร่ซูมหมดกระบอก จะได้ใกล้ชิดสัตว์โลกกันหน่อย เบื้องหลังการถ่ายทำภาพด้านบนก็เป็นฉะนี้ ฮู้ดที่ซื้อมาใช้คุ้มมาก ไม่ได้ไว้กัน flare แต่ติดไว้ตลอดเพื่อกันอะไรมากระแทกหน้าเลนส์ ทริปนี้ใส่อย่างนี้ตลอดฝาปิดกล้องไม่ได้แตะเลย นึกอยากถ่ายเมื่อไหร่ยกปุ๊บถ่ายได้ทันที (คิดว่าฮู้ดน่าจะมีส่วนช่วยกันหิมะไม่ให้ปลิวมาติดหน้าเลนส์ด้วยนะ) สองตัวตะกี้ไม่มีเขาน่าจะเป็นตัวเมีย ตัวมีเขานี้น่าจะเป็นตัวผู้ นั่งเก๊กนิ่งเชียว ผู้หญิงต้องเหนื่อยกับการเมคอัพและแต่งตัวฉันใด กวางตัวผู้ที่มีเขาสวยๆก็ต้องลำบากแบกเขาบนหัวฉันนั้น อันนี้พิสูจน์มากับตัวแล้วเขามันหนักมากกกกกกกจริงๆ กว่าจะยกขึ้นมาครอบหัวได้เกือบทำตกพังไปแล้ว หนักสุดๆต้องรีบถ่ายรีบวาง ถือไม่ไหวเลยทั้งหนักทั้งสูงปรี๊ดบาลานซ์ไม่อยู่ งานนี้ขอยอมแพ้กวาง ขอยอมเป็นคนแล้วเมคอัพแบบนี้ต่อไปไม่ขอมีไอ้เขานี่อยู่บนหัวเด็ดขาดถึงมันจะสวยแค่ไหนก็เถอะ คั่นเวลากันด้วยแคนดิตเด็กๆน่ารักๆ คนนี้น่ารักได้ใจจริงๆ คุณพ่อ(มั้ง)กำลังจับลงบันไดมาทีละขั้นๆอยู่พอดีเลยแชะมาซะ (ถ้าโตแล้วมาใส่ชุดแบบนี้นี่คงจะดูไม่จืด ถ้ามีลูกเมื่อไหร่ต้องรีบจับใส่ชุดพวกนี้ซะตั้งแต่ตอนยังน่ารักๆแบบนี้ ^^ ) ไฮไลท์ส่วนใหญ่ดูๆไปหมดแล้วที่เหลือก็ผ่านๆอะไรก็เข้าไปดู ที่ตึกลิงนี้ไม่ค่อยได้รูปเท่าไหร่มันมีกระจกกั้นแถมลิงก็ขยับอยู่ตลอดแสงก็น้อย ไม่ได้รูปดูได้มาเลยสักรูปเลยเอารูปป้ายทางออกมาแทน มัวแต่ถ่ายสัตว์พักมาดูบรรยากาศในสวนสัตว์กันสักภาพ อารมณ์เหมือนเดินในป่ากลางภูเขาหิมะอยู่เลย ขาวโพลน บรรยากาศแบบเมืองน๊อกเมืองนอกของแท้ เดินไปเดินมาเจอยีราฟเข้าพอดี จากไม้บรรทัดที่แปะไว้ใกล้ๆตัวนี้น่าจะสูงถึง 4 เมตรเลยสูงจริงๆ มาสวนสัตว์นี้สังเกตหลายครั้งแล้วว่าเห็นพวกสัตว์กินหิมะกันอยู่เรื่อยๆ อย่างในภาพนี่ก็เห็นกันจะๆเลย เดาว่ากินแทนน้ำล่ะมั้งเนี่ย (ว่าแต่ยีราฟเมืองร้อนกับเมืองหนาวนี่ต่างกันมั๊ยนะเห็นหน้าตาดูคล้ายๆกัน จะว่าเหมือนกันแล้วมันปรับอุณหภูมิตามอากาศได้ตั้งแต่ร้อนสุดถึงหนาวสุดเลยก็ไม่น่าจะใช่) ใกล้ได้เวลารถบัสจะมาก็เลยต้องมุ่งหน้าไปทางออกกันแล้ว (พลาดคันนึงรอเป็นชั่วโมง) มาได้เก็บตกช็อตสุดท้ายกันกับเพนกวินตัวจิ๋วตัวนี้ (ดูหิมะติดๆแขนติดๆปากอย่างนี้ เหมือนเด็กๆเวลากินไอติมเลอะเทอะยังไงไม่รู้ ^^ ) ตัวนี้เป็นเพนกวินธรรมดาไม่ใช่คิงเพนกวินเลยตัวเล้กเล็ก เตี้ยกว่าเข่า จขบ อีกมั้งเนี่ย เนี่ยรูปนี้ยังจับไม่ได้คาหนังคาเขา คายหลักฐานออกจากปากพอดีเลย งานนี้คนร้ายโดนจับพร้อมของกลาง พวกสัตว์หน้าหนาวกินหิมะกันจริงๆนั่นล่ะ มัวโอ้เอ้ (มีแต่ จขบ นี่แหล่ะที่โอ้เอ้จะถ่ายรูปต่ออยู่คนเดียว) ต้องรีบไปต่อกันแล้วเดี๋ยวตกรถบัส อุณหภูมิวันนี้ ณ สวนสัตว์ตอนบ่ายๆแค่ -8.4 องศาเท่านั้น (กว่าตอนดึกๆมาจะกี่องศาล่ะเนี่ย) รักเด็กอย่าง จขบ แอบแคนดิตเด็กๆมาอีกแล้ว คนนี้สู้กล้องท่าทางอนาคตทางนี้จะไกล (ผู้หญิงคนกระโปรงสั้นนี่เปรี้ยวมาก จขบ ยังไม่กล้าอ่ะกลัวใส่แค่ tight แล้วจะหนาวเที่ยวไม่สนุก เอาไว้ได้ไปอีกสักหลายๆรอบค่อยลองแต่งตัวสวยๆเที่ยวละกันนะ รอบแรกนี้ play safe ไว้ก่อน) เดินๆๆจนผ่านมาด้านหน้าที่เมื่อเช้าเห็นเจ้าหน้าที่เค้าปั้นตุ๊กตาหิมะกันอยู่ ที่แท้ตุ๊กตาพวกนี้มีไว้ให้คนมาเที่ยววาดหน้าวาดตาเป็นที่ระลึกนี่เอง มีสีเมจิคเตรียมไว้ให้พร้อม ระหว่างรอเข้าห้องน้ำกันก็แวะมาร้านขายของฝากซะหน่อยเติมความอบอุ่นให้ร่างกาย แต่ดูเฉยๆไม่ได้ซื้ออะไร งานนี้ของที่เห็นตัวเป็นๆน่ารักกว่าตุ๊กตาที่ขายเสียอีก ภาพสุดท้ายกับบรรยากาศ ณ ป้ายรถบัสสถานีสวนสัตว์ Asahiyama โชคดีว่ารถบัสขากลับไม่ร้อนอึดอัดเท่าขามา ถึงต้องยืนแต่ก็ยังสบายๆอยู่ ตัดกลับมาที่สถานี Asahikawa หลังจากหิมะตกตลอดไม่มีหยุด สภาพรถจักรยานแถวนั้นก็กลายเป็นอย่างนี้ ใครจะใช้จักรยานก็ต้องออกแรงขุดออกแรงคุ้ยหิมะออกกันนิดนึง ขากลับไปซัปโปโรนั้นนั่งรถไฟแบบธรรมดาๆแล้วไม่มีอะไร ไปสวนสัตว์นั้นเดินทางใช้เวลาเยอะทั้งขาไปขากลับ โปรแกรมช่วงเย็นและกลางคืนที่เหลือเลยไม่มากไม่มาย บล็อคหน้าพาไปกินแบบจริงๆจังๆที่บุฟเฟ่ต์สุดอลังการและไปชม Ice Festival ที่ Susukino ท่ามกลางพายุหิมะก่อนเข้านอนกัน -------------------------------------------------------------------------------- ภาพส่วนใหญ่ถ่ายจาก Canon Kiss X3 และเลนส์ EF-S 15-85mm F/3.5-5.6 IS USM มีบางภาพจาก Nikon Coolpix P5100 เป็นคอมแพ็คของพี่ชาย ภาพ(เกือบ)ทั้งหมดถูก คร็อป/ปรับแสงและสี/ย่อUSM/ใส่โลโก้ ด้วย PS ตอนบล็อคตะกี้ที่รอเพนกวินว่ารู้ตัวเรื่อง ISO และสปีดที่สูงเกินไปแล้ว แต่พอหลังจากถ่ายเพนกวินก็ปรับโหมดกลับไป Av เหมือนเดิม ISO800 ยังค้างอยู่เลยได้สปีดกระฉูดพร้อมหยุดทุกการเคลื่อนไหว แหะๆ (เรื่องของเรื่องคือลืมปรับกลับค่า ไม่จำเป็นต้องใช้สปีดสูงขนาดนี้หรอก อันนี้ใช้ตามความเคยชินปกติที่มักได้แต่สปีดต่ำเตี้ยติดดินมาตลอด)เครดิตภาพ Kitsune จาก //image.blog.livedoor.jp/japminwa/imgs/c/a/cadd9f26.JPG --------------------------------------------------------------------------------รวมลิงค์บล็อคทั้งหมดของทริป 1. Hokkaido Winter 2010 @1st day: จาก Haneda สู่ Shin-chitose เหนื่อยๆมาแวะกินราเม็งแล้วพักกันเดี๋ยวนึง 2. Hokkaido Winter 2010 @2nd day: Ishiya Chocolate Factory มาดูวิธีทำ Shiroi Koibito Chocolate กัน 3. Hokkaido Winter 2010 @2nd day: หนาวๆกับ Yuki-daruma ที่ Otaru แวะกินข้าวปลาดิบสุดโปรด 4. Hokkaido Winter 2010 @2nd day: Otaru Orgel House แหล่งรวมหีบเพลงสารพัดชนิด 5. Hokkaido Winter 2010 @2nd day: Famous candle light in Otaru 6. Hokkaido Winter 2010 @2nd day: แวะไป Sapporo TV Tower กับ Odori Snow Festival แล้วเข้านอน 7. Hokkaido Winter 2010 @3rd day: รถไฟขบวนพิเศษสวนสัตว์ Asahiyama และพาเหรดเพนกวินที่รอคอย >.< 8. Hokkaido Winter 2010 @3rd day: สัตว์โลก(ฤดูหนาว)น่ารัก นำเสนอโดยสวนสัตว์ Asahiyama ^^ 9. Hokkaido Winter 2010 @3rd day: Nanda Biking บุฟเฟ่ต์สุดอลังการ และ Ice festival @Susukino 10. Hokkaido Winter 2010 @4th day: เก็บตก Sapporo Clock Tower และ Odori Snow Festival แบบ full version 11. Hokkaido Winter 2010 @4th day: หิมะขาวโพลนที่ Kaitaku-no-mura และ Mt. Moiwa ที่อดขึ้นไปดูวิวกลางคืน 12. Hokkaido Winter 2010 @5th day: สุดท้ายกับ Government Office Building และ Thailand, the champion ^_^ 13. Hokkaido Winter 2010: รวบรวมผลงานแกะสลักหิมะจากการแข่งขันที่ Odori Snow Festival >> ดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด
Create Date : 22 มีนาคม 2553
Last Update : 2 เมษายน 2553 22:03:42 น.
0 comments
Counter : 4489 Pageviews.
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [? ]
บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ