|
ตกกะใจหมด นึกว่าโดนผีหลอกกลางถนนกรุงโตเกียวซะแล้วสิเนี่ย
เรื่องเพิ่งเกิดหมาดๆเลยยังไม่ถึง 15 นาทีดี(ตอนก่อนเริ่มเขียน) ชั่วเวลาไม่กี่อึดใจไม่ถึงนาทีนั้นที่ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม นึกว่าจะได้ใส่หลวงพ่อโกย โกยอ้าววิ่งกลับไปนอนค้างมหาลัยซะแล้วคืนนี้
จขบ เป็นคนกลัวผีเอามากๆ จริงๆไม่ใช่แค่ผี แต่กลัวไม่หมดทุกอย่างเลยมากกว่า แมลงก็กลัว สัตว์ประหลาดก็กลัว เลือดก็กลัว อะไรที่ขยับได้กลัวไปหมดแม้กระทั่งหมาและแมว (ดูอยู่ห่างๆน่ะได้ แต่เมื่อไหร่มันวิ่งเข้าใส่ เราวิ่งหนีทันที นึกดูแล้วก็ท่าจะบ้าเนอะ มันไม่เคยมาทำอะไรสักหน่อยทำไมถึงไปกลัวก็ไม่รู้) พวกหนังแนวเลือดสาด ควักตับไตไส้พุง หรือหนังสยองขวัญเขย่าประสาทแนว shutter หรือ คนเห็นผี อะไรทำนองนี้ไม่เคยคิดจะดู ขนาดแค่เห็นผ่านๆแว็บๆ อ่านที่คนเขียนย่อๆยังเก็บไปจิตหลอนซะหลายวัน โดยเฉพาะเวลาเข้าห้องน้ำจะประสาทมากเป็นพิเศษ กลัวว่าลืมตามาแล้วจะเห็นหน้าอื่นที่ไม่ใช่หน้าเราในกระจก หรือนั่งส้วมก็กลัวจะมีอะไรโผล่ขึ้นมา
สมัยเด็กๆยิ่งเป็นมากกว่านี้อีก ดูเฟรดดี้(ใครทันรู้จักมั่งเนี่ย)เสร็จ คืนนั้นนอนไม่หลับต้องไปนอนเบียดกันกับน้อง กลัวหลับไปตื่นมาจะเลือดสาดเหมือนในหนัง (เรากลัวเลือดมากกกก เห็นเลือดทีมือไม้อ่อนจนถึงขั้นจับปากกาเขียนหนังสือไม่ได้ ต้องพักไปสักหลายนาทีเลย เพราะเหตุนี้ล่ะถึงไม่เคยคิดจะเรียนแพทย์) ดูเกรมลินจบก็นอนระแวงไปทั้งคืนกลัวจะมีตัวเกรมลินโผล่มาจากใต้เตียง ซอกตู้ สรุปตาค้างอีกแล้ว (ตอนนี้มาดูแล้ว ออกจะน่ารัก ไม่เห็นน่ากลัวเลย)
สมัยอยู่ไทยถึงกลัวก็ยังดีว่าอยู่ที่บ้านมีคนที่บ้านอีกตั้งเยอะแยะ อุ่นใจหน่อย แต่ตอนนี้มาอยู่ญี่ปุ่นคนเดียว แถมในละแวกที่อยู่ไม่มีเพื่อนคนไหนอยู่ใกล้ๆเลย งานนี้ก็ต้องระวังรักษาตัวกันสุดฤทธิ์ อะไรที่เสี่ยงจะทำให้ประสาทหลอนขึ้นมาพยายามหลีกเลี่ยง ไม่ดู ไม่อ่าน ไม่ข้องเกี่ยว ทุกอย่าง (แต่ตอนกระทู้เล่าเรื่องผีห้อง @Japan แอบอ่านไปหน่อยกลัวเหมือนกันนะนี่ แต่คิดซะว่าเค้าคงไม่มาหาเราหรอก เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง 55) เคยมีเพื่อนจะเอา shutter มาให้ดูก็ไม่เอาคืนกลับไปเลย (ขนาดผู้ชายทั้งแท่งตั้งหลายคนดูกัน คืนนั้นยังนอนกันไม่หลับเลย แล้วจะเอามาให้เราดู ใช้อะไรคิดเนี่ย เราอยู่คนเดียวนะจ๊ะ ประสาทกลับขึ้นมาใครจะมาช่วย -"- )
จะเข้าเรื่องแล้ว(วกไปซะไกล) เราเป็นพวกนอนดึก(เกือบเช้า)ตื่นสาย(ไม่เที่ยงไม่ตื่น) ก็เป็นนักเรียนวิจัยจะทำวิจัยกี่โมงก็ได้ขอให้มีงานส่งเป็นใช้ได้ ด้วยพฤติกรรมการตื่นนอนแบบนี้ก็เป็นที่รู้กันโดยปริยายว่า กว่าเราจะตื่น และแต่งตัวแต่งหน้าเสร็จ ไม่บ่ายสามบ่ายสี่โมงเย็นไม่เคยโผล่ไปแล็บ (ยกเว้นมีคลาสหรือมีตติ้ง) แน่นอนว่าไปสายโด่งขนาดนี้จะกลับเร็วได้ไงโดนอาจารย์เหล่เอาพอดีว่ายายนี่งานการไม่ทำ ดังนั้นเราก็เลยรั้งตำแหน่งคนที่อยู่แล็บดึกที่สุดมาตลอดระยะเวลาสองปีกว่า แทบไม่เคยมีใครได้เห็นว่าเรากลับบ้านกี่โมง เหตุผลนึงก็เพราะบ้านใกล้จะเดินกลับเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ต้องง้อรถไฟนั่นเอง
คนที่แล็บ(ชายเกือบล้วน)ก็เคยถามบ่อยๆว่าเดินกลับดึกๆคนเดียวแถมผู้หญิงอีกไม่กลัวเหรอ(ไม่นับตอนที่อยู่ทำงานจนยันฟ้าสว่าง) เราก็ตอบไปสิว่ากลัวอะไรล่ะ เดินมาสองปีแล้ว ที่ญี่ปุ่นปลอดภัยจะตาย แถมนี่ยิ่งในรั้วมหาลัยเลย อีกอย่างคนจะซวยจะกลับตอนคนเยอะหรือน้อยก็ซวยอยู่ดี คนน้อยก็กลัวเจอลอบทำร้าย จี้ ปล้น บลาๆๆ คนเยอะก็กลัวจะเจอโรคจิตแบบที่ออกข่าวทีวีระยะหลังๆอีก(เช่น ข่าวที่อากิบะ) พูดไปเรื่อยแต่จริงๆก็คือเปลี่ยนเวลานอนให้เหมือนคนปกติไม่ได้สักทีต่างหาก (อ้อ แต่อยู่ไทยไม่เคยทำอย่างนี้นะคะ ฟ้ามืดมาไม่ออกไปไหนแล้วค่ะ ยังเป็นห่วงสวัสดิภาพของตัวเองอยู่)
ก็อยู่อย่างนี้ทำอย่างนี้มาสองปีกว่าแล้วไม่เคยมีปัญหาอะไร ไม่นับตอนโดนขโมยงัดห้องที่เล่นเอาหลอนนอนไม่หลับไปเป็นอาทิตย์ๆ(ก็ไม่มีที่อื่นให้ซุกหัวนอนแล้ว ก็ต้องนอนมันห้องที่เพิ่งโดนงัดมาหมาดๆนี่ล่ะ) วันนี้เดินกลับจากแล็บมาเที่ยงคืนครึ่งกว่าๆอยู่ตรงถนนใหญ่แล้วยิ่งไม่น่ากลัว เดินฮัมเพลงประกอบ "สวรรค์เบี่ยง" ไปพลางๆ มืดแล้วไม่มีคน ร้องยังไงก็ไม่มีใครได้ยิน 555 เดินๆอยู่สายตาก็ไปเจอะวัตถุรูปร่างประหลาดตรงริมถนน เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆสีดำสนิท รูปร่างยึกยือๆประหลาดๆบอกไม่ถูกว่ามันเป็นทรงอะไร ซึ่งริมถนนเนี่ยนอกจากรั้วกับตู้ไปรษณีย์แล้ว มันไม่น่าจะมีอะไรอย่างอื่นอีกนะ
ระหว่างที่ชะลอฝีเท้าลง สมองส่วนประมวลผลและส่วนจินตนาการก็เริ่มทำงานพร้อมกัน และส่งความคิด(ที่ค่อนข้างงี่เง่า)ออกมาตามลำดับ ดังนี้
- เฮ้ย สัตว์ประหลาด (เอิ่ม มีเหตุผลมากๆเลย สัตว์ประหลาดกลางถนนโตเกียว)
- เอ๊ะ ไม่สิสัตว์ประหลาดอะไรจะมาอยู่ตรงนี้(นั่น เริ่มฉลาดขึ้นแล้ว) รูปร่างดำๆตันๆแบบนี้น่าจะเป็นมอเตอร์ไซต์ใครมาจอดทั้งไว้ข้างถนนมากกว่า (อ่ะแหม อันนี้ค่อยดูสมเป็นเด็กวิศวะหน่อย) สงสัยคลุมผ้าดำไว้แน่ๆเลย
- (เริ่มใช้สายตาที่อุตส่าห์ทำเลซิคมาเพิ่มขึ้น เพื่อหาข้อมูลสนับสนุนข้อสันนิษฐานมอเตอร์ไซต์หน่อย) แต่ เอ รูปร่างมันดูยังไงก็ไม่เหมือนมอเตอร์ไซต์เลยน้า รูปร่างแปล๊กแปลก ตันๆแต่เตี้ยๆยังไงพิกลล้อก็ไม่เห็นมี อ้อ สงสัยเป็นรั้วถนนแน่เลย วันนี้คงมีรถวิ่งชนตรงนี้แหงๆรั้วเลยยับเยินรูปร่างพิลึกเชียว (อันนี้ก็ยังพอใช้ได้ เพราะตลอดแนวถนน นอกจากรั้วแล้วมันไม่ควรมีอย่างอื่นเลย)
- เขม้นมองต่อว่ามันชนอีท่าไหนนี่ ถึงบิดได้พิลึกขนาดนี้ แต่ เฮ้ย ทำไมเห็นเหมือนมือคนพาดอยู่ด้วยล่ะ
- (สมองส่วนเหตุผลเริ่มฝ่อ ประสาทเริ่มกินช่วยเร่งให้สมองส่วนจินตนาการทำงานเต็มสูบ แถมยังรวมเอาสมมติฐานด้านบนมาปู้ยี่ปู้ยำผสมได้ใน บัดดล) หรือว่า หรือว่า มีรถมอเตอร์ไซต์วิ่งมาเกิดอุบัติเหตุที่รั้วตรงนี้ มีคนช่วยเอาผ้ามาคลุมสถานที่เกิดเหตุให้ แล้วมือที่เห็นน่ะคือมือที่โผล่ออกมาของผู้ประสบเหตุ ถ้างั้น ถ้างั้น เดินผ่านไปตรงนั้นจะมี เลือดหรือเปล่า จะมีคนเอาดอกไม้มาวางเคารพหรือเซ่นสถานที่เกิดเหตุมั๊ย .......
คิดถึงตรงนี้ก็ไม่ไหวแล้วค่า จินตนาการเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว หยุดเดินทันทีรู้สึกอะไรๆในท้องมันโหวงเหวงไปหมด เอาไงดีจะกลั้นใจวิ่งผ่านไปเลยดีมั๊ย(ทางผ่านเกือบถึงบ้านแล้ว) เอ หรือจะย้อนกลับไปทางเดิมแล้วข้ามถนนไปเดินฝั่งตรงข้ามดี เอ หรือจะกลับไปแล็บซะเลยดีเนี่ย
เราเป็นพวกที่เวลาประสาทกินจะทำอะไรไม่ถูกค่ะ สัญชาติญาณการเอาตัวรอดไม่ค่อยมี กลัวแทนที่จะหนีก็ดันยืนรากงอกอยู่ตรงนั้น เวลาตกใจนึกว่าขโมยมาแทนที่จะรีบโทรตำรวจหรือส่งเสียงบอกใครๆ กลับวิ่งไปมุดใต้โต๊ะนั่งตัวสั่น -"- ตัวเองยังเซ็งตัวเองเลยอาการแบบนี้ เพราะงี้ล่ะเลยได้ยืนมองวัตถุต้องสงสัยต่อไปสักหลายวินาที พอมีเวลาให้บัวได้โผล่พ้นน้ำกะเค้า
เอ๊ะ มือยังขยับได้ด้วย แสดงว่าไม่ใช่คนเสียชีวิตแล้วสิ ใจชื้นขึ้นนิดนึงจ้องต่อว่าตกลงมันอะไร คราวนี้เต็มๆตาแล้วค่ะไอ้วัตถุลึกลับนั่นจริงๆมันคือ ผู้ชายและผู้หญิงสองคน นั่งยองๆอยู่ริมถนนนั่นเอง ก่อนจะหาว่าเราตาถั่วลองอ่านด้านล่างก่อนว่าทำไมเราถึงจินตนาการไปขนาดนั้นได้กะอีแค่คนนั่งอยู่ริมถนน
- ตอนนี้อากาศเย็นแล้ว คนญี่ปุ่นหน้าหนาวเน้นแต่งโทนดำ ยิ่งคนทำงานแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง ดำสนิทค่ะ และสองคนที่ว่านี้ก็แต่งตัวดำสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมใส่เสื้อโค้ทด้วยมันก็เลยเห็น body outline ไม่ชัดเหมือนพวกเสื้อหน้าร้อน
- ผู้หญิงสงสัยจะเมา เลยมาอ้วกอยู่ข้างถนนตรงท่อน้ำทิ้ง คนจะอ้วกยืนสงสัยกลัวจะเลอะเทอะก็เลยนั่งยองๆลงอ้วกก้มหน้าหาพื้น ผู้ชายก็นั่งลงติดกัน(ติดแบบแนบสนิทเลยล่ะ)ประคองผู้หญิงที่อ้วกเอาอ้วกเอาไว้ มือข้างนึงพาดไหล่ผู้หญิงอยู่ (แถมนั่งไม่เงยหน้าอีกต่างหาก)
- ตรงจุดนั้นเป็นช่วงตรงกลางเสาไฟฟ้าสองต้นพอดี เลยค่อนข้างมืด
- เราใส่หูฟัง ก็ได้ยินแต่เสียงเพลงล่ะค่ะ เสียงอย่างอื่นก็โดนเสียงรถบนถนนกลบหมดแล้ว
สรุปจากสี่ข้อนี้ สิ่งที่เราเห็นจากระยะไกลก็คือ อะไรสักอย่างรูปร่างตันๆ ดำสนิท(ก็เล่นแต่งดำ แถมก้มเห็นแต่หัวดำๆให้ทางเราอีก) มีส่วนโค้งแปลกๆ(ก็คือ outline ของทั้งสองคนที่นั่งซะติดกันสนิทนั่นล่ะค่ะ) เห็นแต่มือโผล่มาจากปลายแขนเสื้อหนึ่งข้าง(ก็มือของผู้ชายข้างที่โอบไหล่ผู้หญิงอยู่นั่นเอง) หมอบอยู่ริมถนน ก็เลยเป็นที่มาของอาการใจหายใจคว่ำไปหลายนาทีนี้นี่เอง
เฮ้อ เดินเลยผ่านมาก็ยังแอบหันไปดูอีกหน่อย ใจก็นึกแปลกใจว่าเราคิดไปได้ยังไงเนี่ย จินตนาการล้ำเลิศจริงจริ๊ง แต่ล้ำเลิศในด้านไม่สร้างสรรอะไรดีๆ แต่จะพาตัวเองเดือดร้อนประสาทกินเอาแทน อยู่ญี่ปุ่นมาสองปีกว่านี่เป็นประสบการณ์เฉียด...ครั้งแรกของเรา ถ้าไงก็อย่าได้มีอีกเลยนะประสบการณ์บางเรื่องน่ะถึงไม่มีก็ไม่ทำให้เรามีเรื่องพูดคุยในวงสนทนาน้อยลงหรอก
ปล. แวะมาเพิ่มรูปหน่อย แถวๆนี้ล่ะที่เกิดเหตุวันก่อน (รูปนี้ถ่ายมาทีหลัง แต่เวลาประมาณๆเดียวกัน) แต่ที่ไหนไม่บอก :P
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2551 |
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2551 21:25:49 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1016 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: forenoon วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:36:35 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]

|
บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ
เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|